4/30/09

พลทหาร วรวุธ ลุนบุดา และ เพียรเพ็ญ จันทร์สว่าง ภูมิพันธ์ จันทร์สว่าง




30 เมษายน 2552: สำหรับ การจัดการค่าว่าง เราเป็น 1 ใน จังหวัดยโสธร การขึ้นทะเบียน งานประกันสุขภาพ เดือนนี้ อำเภอ คำเขื่อนแก้ว ต่างยินดีและร่วมชื่นชมในผลงานร่วมกันอย่างถ้วนหน้าทุก สถานีอนามัย เพราะ ประสิทธิภาพการจัดการค่าว่างเราทำได้ 100 % ทุกแห่ง เป็นเดือนแรก ครับ ขอขอบคุณ ผู้รับผิดชอบงานทุกท่าน ที่ ทุ่มเทและให้ความสำคัญกับการจัดการค่าว่างได้อย่างดี และมีประสิทธิภาพ ชื่นชมชื่นชมครับ อำเภอ คำเขื่อนแก้ว เราเป็น 1 ใน จังหวัดยโสธร
หมายเหตุ: เมื่อคืนนี้ ผมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงเนื้อย่าง รับประทานอาหารเย็นร่วมกันกับญาติๆ เพื่อเป็นเกียรติสำหรับ หลาน วรวุธ ลุนบุดดา หรือ ป๊อด ที่ จะไปรับราชการทหารกองประจำการในวันพรุ่งนี้ ป๊อด หรือ พลทหาร วรวุธ ลุนบุดดา เป็น คนดี มีน้ำใจ ไม่มีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ช่วยเหลือพ่อ แม่ ประกอบกาชีพด้วยสุจริต มีโอกาสได้รับใช้ชาติ ขอให้ทำหน้าที่ ทหารหาร รับใช้ประเทศชาติ ให้สมศักดิ์ศรี ชายชาติทหาร
ส่วน ลูกสาวเพียรเพ็ญ จันทร์สว่าง และ ลูกชายภูมิพันธุ์ จันทร์สว่าง ในช่วงปิดเทอม ทั้งคู่ ต่างช่วยพ่อแม่ ทำงานบ้าน ล้างถ้วย ซักผ้า ทำกับข้าว ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดบ้านเรือน พิมพ์งานช่วยพ่อแม่ และอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ถือว่า ปิดเทอมร้อนครั้งนี้ เด็กๆ ได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิต ที่ดี ลูกชายภูมิพันธุ์ จันทร์สว่าง นั้น สามารถเก็บเงินจากการทำงาน ต่างๆ เช่นไปรับจ้าง ขุดดิน ถอนมัน ขนส่งปุ๋ย รับส่งของ เสิร์ฟอาหาร เป็นต้น ได้เงิน กว่า 3,000 บาท ซึ่ง เขาภูมิใจในเงินเก็บจากน้ำพักน้ำแรงของตนเองก้อนนี้เป็นอย่างมาก

ได้รับแล้ว ค่าตอบแทน อสม. 600 บาทต่อเดือน




30 เมษายน 2552: ได้รับแล้ว ค่าตอบแทน อสม. 600 บาทต่อเดือน : บริหารจัดการ อำนวยการ การจ่ายเงิน ค่าป่วยการ การดำเนินงานตามโครงการ ส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ปี 2552 สำหรับ อสม. ในหมู่บ้าน เดือนแรกที่ได้รับ ค่าตอบแทน อสม. 600 บาทต่อเดือน ซึ่ง สมควรอย่างยิ่ง ที่ อสม. จะได้รับ เพราะพวกเขา อุทิส กาย ใจ ทุ่มเท เพื่อปฏิบัติงาน ในความอาสาสมัคร ด้วย กำลังกาย กำลังใจ ให้กับ งานสาธารณสุขด้วยดี มาโดยตลอดระยะเวลา กว่า 30 ปี
ภาคบ่าย นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง :เข้าไป พร้อมกับ นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว รับ เช็คเงินสด จาก สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดยโสธร สำหรับไปขึ้นเงิน ที่ธนาคารกรุงไทย สำหรับ การนับเงิน เพื่อจัดสรรให้กับ สถานีอนามัย แต่ละแห่งนั้น ต้องขอขอบพระคุณ นายสุรินันท์ จักรวรรณพร นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสอ. คำเขื่อนแก้ว และ นส.สุภาภรณ์ เกษมณี พนักงานธุรการ สสอ.คำเขื่อนแก้ว ที่จัดสรรงบประมาณ ค่าป่วยการ การดำเนินงานตามโครงการ ส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ปี 2552 สำหรับ อสม. ได้อย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว ทำให้ จ่ายให้กับ อสม.ทุกคนได้ในวันนี้
ซึ่งจำนวน อสม. ในเขต อำเภอ คำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ที่มารับเงินค่าตอบแทน อสม. 600 บาทต่อเดือน ในเดือนแรก แยกราย สถานบริการดังนี้
สอ.แคนน้อย อสม. 76 คน 45,600 บาท
สอ.ดงแคนใหญ่ 108 คน 64,800 บาท
สอ.บกน้อย 27 คน 16,200 บาท
สอ.นาหลู่ 30 คน 18,000 บาท
สอ.นาแก 47 คน 28,200 บาท
สอ.นาคำ 45 คน 27,000 บาท
สอ.นาเวียง 48 คน 28,800 บาท
สอ.กู่จาน 58 คน 34,800 บาท
สอ.เหล่าไฮ 67 คน 40,200 บาท
สอ.ทุ่งมน 51 คน 30,600 บาท
สอ.ย่อ 123 คน 73,800 บาท
สอ.ดงเจริญ 63 คน 37,800 บาท
สอ.โพนทัน 67 คน 40,200 บาท
สอ.สงเปือย 73 คน 43,800 บาท
สอ.กุดกุง 80 คน 48,000 บาท
สอ.โพนสิม 46 คน 27,600 บาท
สอ.ลุมพุก 241 คน 144,600 บาท
รวม 1,250 คน 750,000 บาท
รวม (เจ็ดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)

กราบคาระวะ พระภิกษุ พรรณลิน อาจวิชัย ที่วัดประสิทธิ์ทรงธรร (วัดถ้ำประดู่) ที่ภู จ้อก้อ





29 เมษายน 2552: ไปพร้อมกับ นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว นายคมสัน อดกลั้น หัวหน้าสถานีอนามัยนาแก นางหอมไกร อาจวิชัย จพ.ทันตสาธารณสุข ชำนาญงาน โรงพยาบาลตำบล ดงแคนใหญ่ เพื่อไปเยี่ยม กราบคาระวะ พระภิกษุ พรรณลิน อาจวิชัย ที่วัดประสิทธิ์ทรงธรร (วัดถ้ำประดู่) ที่ภู จ้อก้อ อำเภอหนองสูง จังหวัดทุกดาหาร เขตรอยต่อ ระหว่าง 3 จังหวัด คือ อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอ เลิงนกทา จังหวัดยโสธร และ อำเภอหนองสูง จังหวัดทุกดาหาร วัดแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่เงียบสงบ และน่าปฏิบัติธรรม ท่ามกลางบรรยากาศ ที่ร่มรื่น บนภูเขา ที่ต่อเนื่อง ระหว่างภุ วัดผาน้ำทิพย์ ภูจ้อก้อ ได้เห็นวัตรปฏิบัติที่ดี ของ พระภิกษุ พรรณลิน อาจวิชัย แล้ว ศรัทธา และน่าสรรเสริญ ในความตั้งใจจริง ของท่าน แม้ว่าจะบวชในช่สวงเวลา 2 สัปดาห์ แต่คงเป็น 2 สัปดาห์ ที่คุ้มค่าสำหรับท่านมากๆ เพราะ ฉันมื้อเดียว ไม่ดูโทรทัศน์ ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ มาบวชคือเน้น วัตรปฎิบัติ ตัดขาดจากโลกภายนอก ท่ามกลางป่าเขา ขอให้ พระภิกษุ พรรณลิน อาจวิชัย และครอบครัว จงได้รับผลบุญ ตามที่ได้บำเพ็ญนี้ ทุกถ้วนหน้าทุกๆคน ขากลับได้ ลิ้นจี่ ที่หลวงปู่ท่าน ได้เมตตา ให้พวกเรานำไปรับประทาน อร่อยดี...
เตรียมเอกสาร สำหรับ การเตรียมรับเงิน ค่าป่วยการ การดำเนินงานตามโครงการ ส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ปี 2552 สำหรับ อสม. ในหมู่บ้าน
เลิกงานวันนี้ ที่บ้านบกน้อย เป็น วันที่ฝนตกหนักที่สุดในรอบ 2 ปี ที่ผ่านมา แม้จะยังไม่มีน้ำขัง ก็สามารถให้พื้นดินชุ่มฉ่ำ ได้มาก

ประชาคม การจัดตั้ง โรงพยาบาลตำบลกู่จาน ที่ บ้านงิ้ว




28 เมษายน 2552: ไปพร้อมกับ นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว เพื่อประชุมการ ประชาคม การจัดตั้ง โรงพยาบาลตำบลกู่จาน ที่ บ้านงิ้ว หมู่ที่ 5 มี นายวรรณชัย ปัทมะ กำนันตำบลกู่จาน ร่วมการประชาคมด้วย มติ ที่ประชุม บ้านงิ้ว ยินยอมให้ความร่วมมือ และสนับ สนุน การสมทบงบประมาณ คนละ 2 บาท ต่อคน ต่อเดือน ทุกคน ทุกหลังคาเรือน ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 100% ของสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมประมาณ 120 คน
ต้องขอขอบพระคุณ นายอุทิศ ฝูงดี หัวหน้าสถานีอนามัยกู่จาน นางพิไลลักษณ์ จักรวรรณพร จพ.สาธารณสุข ชำนาญงาน สอ. กู่จาน นส.พัชรกมล ไศลบาท จพ.ทันตสาธารณสุข ชำนาญงาน สอ. กู่จาน นางสาวราตรี ชายทอง นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ. กู่จาน นางสาวหทัยชนก จันทรากาศ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ. นาเวียง นายนขพล คนชม นส.อ้อย อรวรรณ เอื้อเฟื้อกลาง และทีมงาน ที่เตรียมชุมชนได้ดีมากๆ และ ประทับใจ ผู้เข้าร่วมประชุม ที่ ให้ความร่วมมือด้วยดี
27 เมษายน 2552: ตอนเย็น ไปพร้อมกับ นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว เพื่อประชุมการ ประชาคม การจัดตั้ง โรงพยาบาลตำบลกู่จาน ที่ บ้านหนองกบ หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 8 ที่ ศาลาวัด บ้านหนองกบ ต้องขอขอบพระคุณ นายอุทิศ ฝูงดี หัวหน้าสถานีอนามัยกู่จาน นางเครือวัลย์ คนชม หัวหน้าสถานีอนามัยนาเวียง นางแจ่มจิต ไชยนา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ สอ. กู่จาน นางพิไลลักษณ์ จักรวรรณพร จพ.สาธารณสุข ชำนาญงาน สอ. กู่จาน นส.พัชรกมล ไศลบาท จพ.ทันตสาธารณสุข ชำนาญงาน สอ. กู่จาน นางสาวราตรี ชายทอง นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ. กู่จาน นางสาวหทัยชนก จันทรากาศ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ. นาเวียง และทีมงาน ที่เตรียมชุมชนได้ดีมากๆ และ ประทับใจ ผู้เข้าร่วมประชุม ที่ ให้ความร่วมมือด้วยดี
มี นายอนุสรณ์ นาเวียง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กู่จาน ร่วมการประชาคมด้วย มติ ที่ประชุม ยินยอมให้ความร่วมมือ และสนับ สนุน การสมทบงบประมาณ คนละ 2 บาท ต่อคน ต่อเดือน ทุกคน ทุกหลังคาเรือน ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 100% ของสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมประมาณ 200 คน

ประชุมที่ สสจ.ยส.:ได้แล้ว ค่าตอบแทน อสมง 600 บาทต่อเดือย



28 เมษายน 2552: ตอนเช้า ประชุม ที่ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดยโสธร ตามหนังสือ จาก สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดยโสธร ดังนี้ ตามที่รัฐบาล มีนโยบายในการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการปฏิบัติงานเชิงรุกในพื้นที่ ในปี 2552 โดยจัดให้มีสวัสดิการค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ซึ่งไม่ใช่เงินเดือนให้แก่ อสม.ทั่วประเทศ รายละ 600 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน- กันยายน 2552 โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด และให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดหนุนงบประมาณให้แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธรเพื่อไปดำเนินการเบิกจ่ายค่าป่วยการให้ อสม.ให้ทันภายในสิ้นเดือนเมษายน 2552 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติงาน ใคร่ขอเรียนเชิญ สาธารณสุขอำเภอ ทุกอำเภอ และ 1. ผู้รับผิดชอบงานสุขภาพภาคประชาชนหน่วยงานละ 1 คน 2. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จาก สถานีอนามัย และ โรงพยาบาล แห่งละ 1 คน
3. กรรมการสมาคม อสม.จังหวัดยโสธร 30 คน เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณในโครงการดังกล่าว ในวันที่28 เมษายน 2552 เวลา 09.00-16.30 น. ณ ห้องประชุมบั้งไฟโก้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร ซึ่ง สถานีอนามัยทุกแห่งในเขต อำเภอ คำเขื่อนแก้ว ไปร่วมประชุม อย่างพร้อมเพรียงกัน ประธานการประชุมโดย ท่านสุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร วันนี้มีสิ่งที่ประทับใจ คือ ท่าน ท่านสุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร ท่านให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ อสม. ตามที่พวกเราได้รับทราบดีอยู่แล้ว เช่น ในปีนี้ได้รับรางวัล อสม.ดีเด่นระดับประเทศถึง 2 สาขา และ สนับสนุน บุตร อสม.ให้ได้รับการศึกษาต่อหลักสูตรพยาบาล เป็นต้น วันนี้ ท่าน สนับสนุน ให้ อสม.ได้ไป เรียนต่อ หลักสูตร สาธารณสุขศาสตร์ 1 คน คือ นส.นวพันธ์ แขสว่าง จาก อำเภอ ไทยเจริญ จังหวัดยโสธร และ สนับสนุนสนุนเงินส่วนตัว เป็นค่าศึกษาเล่าเรียนด้วย 2,000 บาท ขอขอบพระคุณท่านแทน อสม. ทุกคน ด้วย เพราะ ถือเป็นขวัญ กำลังใจที่ดีมากๆ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม เรื่อง สวัสดิการ อสม.แล้ว รับฟังบรรยายพิเศษ เรื่อง การพัฒนาการสาธารณสุขภาคประชาชน โดย นพ.จิณณพิภัทร ชูปัญญา รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร ซึ่งเป็น เนื้อหาวิชากาที่ดีมากๆ ทันสมัย สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในพื้นที่
ภาคบ่าย เปิดบัญชี โครงการ ส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ( อสม.) อำเภอ คำเขื่อนแก้ว ที่ ธนาคารออมสิน เพื่อรองรับ การจ่าย สวัสดิการค่าตอบแทน หรือค่าป่วยการ ซึ่งไม่ใช่เงินเดือนให้แก่ อสม.ทั่วประเทศ รายละ 600 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน- กันยายน 2552 ตามนโยบายเร่งด่วน ของ รัฐบาล ฯพณฯ อภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

27 เมษายน 2552: ตอนเย็น ไปพร้อมกับ นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว เพื่อประชุมการ ประชาคม การจัดตั้ง โรงพยาบาลตำบลกู่จาน ที่ บ้านหนองกบ หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 8 ที่ ศาลาวัด บ้านหนองกบ ต้องขอขอบพระคุณ นายอุทิศ ฝูงดี หัวหน้าสถานีอนามัยกู่จาน นางเครือวัลย์ คนชม หัวหน้าสถานีอนามัยนาเวียง นางแจ่มจิต ไชยนา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ สอ. กู่จาน นางพิไลลักษณ์ จักรวรรณพร จพ.สาธารณสุข ชำนาญงาน สอ. กู่จาน นส.พัชรกมล ไศลบาท จพ.ทันตสาธารณสุข ชำนาญงาน สอ. กู่จาน นางสาวราตรี ชายทอง นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ. กู่จาน นางสาวหทัยชนก จันทรากาศ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ. นาเวียง และทีมงาน ที่เตรียมชุมชนได้ดีมากๆ และ ประทับใจ ผู้เข้าร่วมประชุม ที่ ให้ความร่วมมือด้วยดี
มี นายอนุสรณ์ นาเวียง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กู่จาน ร่วมการประชาคมด้วย มติ ที่ประชุม ยินยอมให้ความร่วมมือ และสนับ สนุน การสมทบงบประมาณ คนละ 2 บาท ต่อคน ต่อเดือน ทุกคน ทุกหลังคาเรือน ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 100% ของสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมประมาณ 200 คน

ประชุม คณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับอำเภอ (คปสอ. )





27 เมษายน 2552: ประชุม คณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับอำเภอ (คปสอ. ) ณ ห้องประชุมกาญจนาภิเษก โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว ประธานการ ประชุมโดย นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว ประธาน คปสอ .คำเขื่อนแก้ว ร่วมกับ นพ.จักราวุธ จุฑาสงฆ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว รองประธาน คปสอ .คำเขื่อนแก้ว วาระการประชุมที่สำคัญคือ การพัฒนาคุณภาพบริการ เครือข่ายบริการสุขภาพ อำเภอ คำเขื่อนแก้ว ซึ่งพัฒนา เรียนรู้ ไปด้วยกัน ทั้งในระดับ โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว และ สถานีอนามัย ทุกแห่ง ทั้งนี้โดยได้รับการสนับสนุน งบประมาณ จาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 1,000,000 บาท ยกตัวอย่างเช่น ระบบการให้การดูแลผู้ป่วย ด้วยการใช้ OPD ร่วมกัน ระหว่าง โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว และ สถานีอนามัย (เป้าหมายคือการใช้ OPD เดียวกัน ) โดยการใช้ ระบบ TV Conference (ระยะแรก จำนวน 4 จุด โรงพยาบาลตำบลดงแคนใหญ่ โรงพยาบาลตำบลกู่จาน สถานีอนามัยย่อ สถานีอนามัยสงเปือย) การเรียนรู้ร่วมกัน Context Base Learning เช่น การพัฒนาระบบการส่งต่อ เป็นต้น การให้ความรู้ โรคเรื้องรัง 5 โรค Emergency Case Family Medicine Problem Diagnosis (ปรับโรคให้เข้ากับคน ในลักษณะให้สอดคล้องกับ หลักสูตรพยาบาลเวชปฏิบัติ เช่นซักประวัติ ตรวจร่างกาย วินิจฉัยเบื้องต้น) ทั้งนี้ ให้ จนท. จาก สถานีอนามัยทุกแห่ง ได้พัฒนาองค์ความรู้ไปด้วยกัน แบ่งการอบรมเป็นรุ่น ๆ โดย การกระจายให้ผู้เข้ารับการอบรม ไปกับ สถานีอนามัยทุกแห่ง และให้ จนท.ทุกคน เข้าร่วมโครงการการพัฒนา ศักยภาพบุคลากรร่วมกัน …และแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ คำเขื่อนแก้ว โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว ได้รับงบประมาณลงทุน UC ปี 2552 รวมงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 6,436,545 บาท (หกล้านสี่แสนสามหมื่นหกพันห้าร้อยสี่สิบห้าบาทถ้วน)
หมายเหตุ วันนี้ เห็น คุณณรงค์ชัย เศิกศิริ แต่งเครื่องแบบ ชุดสีกากี เต็มยศ แล้ว ภูมิฐานดูดีมากเลย ครับ

ถวายรางวัลสูงสุดแด่'พระองค์ภา'รณรงค์ต่อต้านรุนแรงต่อสตรี


25 เมษายน 2552 ถวายรางวัลสูงสุดแด่'พระองค์ภา'รณรงค์ต่อต้านรุนแรงต่อสตรี ขอบคุณ ข้อมูลจาก
http://www.dailynews.co.th/
ถวายรางวัลเกียรติยศสูงสุด “พระองค์ภาฯ” รณรงค์ต่อต้านความรุนแรงต่อสตรี-ปรับปรุงสวัสดิการสิทธิมนุษยชนผู้ต้องขังหญิง “ยูเอ็นโอดีซี” เผยเป็นบุคคลที่ 3 ของโลกที่ได้รับรางวัล สดุดีพระอัจฉริยะภาพผลักดันโครงการ “จัดทำมาตรฐานผู้ต้องขังหญิง” หรือ ELFI หากร่างผ่าน สหประชาชาติเตรียมประกาศใช้ทั่วโลก ยธ.เตรียมจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติยศ 7-10 พ.ค. ที่เซ็นทรัลเวิลด์
เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 24 เม.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม ได้จัดงานแถลงข่าวเนื่องในโอกาสที่สำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (ยูเอ็นโอดีซี) ได้ทูลถวายรางวัลเกียรติยศสูงสุด “มิดัล ออฟ รีคอกนิชั่น” และใบประกาศเกียรติคุณแด่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ณ สำนักงานสหประชาชาติ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ในฐานะทรงมีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ระดับชาติเพื่อต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีและการปรับปรุงสวัสดิการและสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขังหญิง โดยพระเจ้าหลานเธอฯ นับเป็นบุคคลที่ 3 ของโลกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ และทรงเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ซึ่งจะมอบให้แก่ผู้อุทิศตนให้แก่การส่งเสริมและพัฒนากระบวนการยุติธรรมและมีผลงานโดดเด่นระดับนานาชาติ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว. ยุติธรรม กล่าวว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ได้เสด็จเข้าร่วมประชุมคณะกรรมา ธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาสมัยที่ 18 ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ณ สำนักงานสหประชาชาติ กรุงเวียนนา โดยในการเสด็จประชุมครั้งนี้ ได้ โปรดให้นำโครงการจัดทำมาตรฐานผู้ต้องขังหญิง (Enhancing Lives of Female Inmates หรือ ELFI) ไปเสนอในการประชุม ด้วยการนำส่วนร่างข้อมติและการนำเสนอในรูปแบบนิทรรศการ ที่สะท้อนการยกระดับการดูแลผู้ต้องขังหญิง หากทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย ในปี 2553 สหประชาชาติจะประกาศใช้ ELFI กับประเทศสมาชิกทั่วโลก
ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า หากมาตรฐานผู้ต้องขังหญิงนี้ได้รับการรับรองโดยที่ประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ ให้บังคับใช้ หวังว่าประเทศไทยจะได้รับเกียรติในฐานะเป็นผู้ผลักดันข้อริเริ่มนี้ ด้วยการเรียกชื่อข้อกำหนดฉบับนี้ว่า “ข้อกำหนดกรุงเทพ” และหลังจากนี้ พระเจ้าหลานเธอฯ ทรงมีพระภารกิจในการเสด็จไปผลักดันร่างข้อกำหนดนี้ในทุกเวที เพื่อให้ร่างนี้ผ่าน ด้านนายสาโรจน์ พรประภา ที่ปรึกษาโครงการกำลังใจ เปิดเผยว่า พระเจ้าหลานเธอฯ มีรับสั่งว่า สิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของทุกชาติทุกฝ่ายที่ต้องเกี่ยวข้องกัน เมื่อทางยูเอ็นโอดีซีได้กราบทูลถวายรางวัลไป พระองค์แย้มพระสรวล แต่มีรับ สั่งว่าสิ่งที่สำคัญกว่า คือ ประชาชนคนไทยได้ ประโยชน์อย่างไรจากโครงการของพระองค์ท่าน
อนึ่ง ทางกระทรวงยุติธรรมจะจัดนิทรรศ การเกี่ยวกับพระกรณียกิจของพระเจ้าหลานเธอฯ ในฐานะเจ้าหญิงนักกฎหมาย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพระเกียรติยศของพระองค์ ในระหว่างวันที่ 7-10 พ.ค. ศกนี้ โดยประชาชนชาวไทยสามารถร่วมชื่นชมพระปรีชาสามารถได้ ณ ลานกิจกรรมหน้าบีทูเอส ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์.

พระสยามเทวาธิราช สำนึกเล็กๆ ที่ได้ใจความ จากพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์


วันพฤหัสบดี ที่ 23 เมษายน 2552 :: พระสยามเทวาธิราช สำนึกเล็กๆ ที่ได้ใจความ จากพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
“พล.อ.เปรม” เป็นประธานเปิดงานสานใต้ไทยสู่ไฟใต้ รุ่นที่ 12 ย้ำให้เด็กทุกคนรักและหวงแหนประเทศ ชี้แม้ไม่ได้นับถือศาสนาที่คนส่วนใหญ่นับถือ แต่ก็เป็นส่วนสำคัญของประเทศ ปลุกสำนึกควรภูมิใจในความเป็นไทย ให้รู้รักชาติ สถาบัน ยก “พระสยามเทวาธิราช” สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเด็กๆ แต่แช่งคนที่หวังทำลายชาติให้มีอันเป็นไป
วันนี้ (23 เม.ย.) พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พร้อมด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกฯ ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “สานใจไทยสู่ใจใต้” รุ่นที่ 12 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่องคมนตรีทั้ง 2 คนออกงานพร้อมกันหลังจากที่สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย
โดย พล.อ.เปรม กล่าวตอนหนึ่งว่า “วันนี้อยากจะขอพูดเรื่องความเป็นไทยอีกครั้ง เด็กทุกคนที่มาร่วมขอให้ภูมิใจและมั่นใจในความเป็นไทยของตนเอง แม้จะไม่ได้นับถือศาสนาที่คนส่วนใหญ่ของประเทศนับถือ แต่เด็กทุกคนก็มีหน้าที่ดูแลบ้านเมืองของตนเองและของคนไทยทุกคน เป็นส่วนสำคัญของชาติบ้านเมืองของเรา เป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถพูดถึงความดีและความไม่ดีของชาติได้ ขอให้ภูมิใจ”
พล.อ.เปรม กล่าวว่า การเป็นคนไทยที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง และสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ภูมิใจว่าเธอเป็นสิ่งที่พวกเราตั้งความหวังไว้ว่าจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมุ่งมั่นและปรารถนาจะดูแลชาติบ้านเมืองของพวกเราคนไทยแทนพวกเรา ให้ชาติบ้านเมืองมีความรักความสามัคคี สมานฉันท์ เจริญก้าวหน้า
“ขอพูดกับเด็กๆ ว่า เด็กๆ รู้จักพระสยามเทวาธิราชไหม พระสยามเทวาธิราชไม่ใช่พระ แต่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ อยู่ในพระบรมมหาราชวัง คนไทยทุกคนถือว่าพระสยามเทวาธิราชเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศให้สงบร่มเย็น พระสยามเทวาธิราชได้แสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่าได้ดูแลชาติบ้านเมืองของเราจริงๆ เพราะฉะนั้น ที่ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้พวกเราได้ระลึกถึงพระสยามเทวาธิราช และพูดกันตามภาษาธรรมดาว่า ขอบนบานสานกล่าวให้พระสยามเทวาธิราชได้คุ้มครองเด็กๆ ที่มาจากภาคใต้ คุ้มครองชาติบ้านเมืองให้มีความสงบร่มเย็น และคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศให้มีอันเป็นไป” พล.อ.เปรมกล่าว

ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ข่าวดีสำหรับประเทสไทย



24 เมษายน 2552 ประกาศ ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน: เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศ ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พ.ศ. 2548 ว่าตามที่ได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเขตท้องที่กรุงเทพฯ นนทบุรี อ.บางพลี อ.พระประแดง อ.บางบ่อ อ.บางเสาธง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ อ.ธัญบุรี อ.ลาดหลุมแก้ว อ.สามโคก อ.ลำลูกกา อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม และ อ.วังน้อย อ.บางปะอิน อ.บางไทร อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ลงวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552 เพื่อใช้มาตรการต่าง ๆ เข้าดำเนินการควบคุม ระงับยับยั้ง และแก้ไขปัญหาความวุ่นวายซึ่งนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อย ภายในเขตพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงนั้น ให้มีอันสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552
นักเรียกร้องสิทธิพบนายกฯ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากที่ตนได้พบกับ ศ.ดร.โทมัส ไมเออร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์จากประเทศเยอรมนี และสาธุคุณ เจสซี่ แจ็คสัน สาธุคุณและนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนชาวอเมริกัน เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งทั้งสองให้ความสนใจกับกระบวนการการสร้างความปรองดองและความสมานฉันท์เป็นพิเศษ รวมถึงยืนยันว่า พร้อมช่วยเหลือถ้าเขามีเรื่องใดในเชิงของความรู้ ประสบการณ์ที่จะช่วยให้เราทำงานได้สำเร็จ ซึ่งตนได้บอกว่าประสบการณ์ของหลายประเทศในการสร้างกระบวนการนี้ให้สำเร็จนั้น จะต้องดึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนได้อย่างแท้จริง รวมถึงบทบาทของสื่อมวลชน ดังนั้นผมคิดว่าถ้าฝ่ายนิติ บัญญัติรับข้อสังเกตนี้ไปจะเป็นประโยชน์

เปิดซองการสอบราคาจ้างเหมาก่อสร้างปรับปรุงชั้นล่างสถานีอนามัย



24 เมษายน 2552 ภาคเช้า ไปร่วมงานกิจกรรม การเปิดซองการสอบราคาจ้างเหมาก่อสร้างปรับปรุงสถานีอนามัย ณ สถานีอนามัยสงเปือย คณะกรรมการประกอบด้วย นายอุตส่าห์ โพธิ์ศรี หัวหน้าสถานีอนามัยกุดกุง นายขจรเกียรติ อุปยโสธร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำบลดงแคนใหญ่ นายอรุณ ฉายแสง หัวหน้าสถานีอนามัยโพนทัน ซึ่งต้องขอขอบพระคุณ นางป้อมเพชร สืบสอน หัวหน้าสถานีอนามัยสงเปือย นางดรรชนี เขียนนอก พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญ การ สอ. สงเปือย นางสุพัตรา วิเศษโวหาร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ สอ. สงเปือย ที่ ได้ร่วมกัน จัดเตรียมเอกสารประกอบการเปิดซองไว้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ได้รับคำแนะนำด้วยดี จาก นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว และ นางกาญจนา รัตนสิงห์ เจ้าหน้าที่พัสดุ จาก โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว ที่ให้คำปรึกษาด้วยดีในการปฏิบัติงาน ...
เวลา 12.09 น. ไปพร้อมกับ คณะ ประกอบด้วย นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว นางจำนรรจา บุญแจ้ง นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสอ.คำเขื่อนแก้ว นางอภิญญา บุญถูก นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสอ.คำเขื่อนแก้ว นายคมสัน อดกลั้น หัวหน้าสถานีอนามัยนาแก นายอรุณ ฉายแสง หัวหน้าสถานีอนามัยโพนทัน นางโสภิดา พลไชย หัวหน้าสถานีอนามัยนาคำ นายวีระวัฒน์ กำศร นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สอ. นาคำ ไปร่วมงานการทำบุญ อัฎฐะ และอุปสมบท นายสุนทร ฤทธิ์มนตรี อุทิศ ส่วนกุศลให้กับ คุณแม่หลอย พลทิพย์ แม่ของ นายสมร พลทิพย์ ตั้งกองบุญ ณ บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 3 บ้านหนองเรือ ตำบลหนองบัว อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด
ภาคบ่าย...ประมวลและส่งภาพกิจกรรมการรณรงค์ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จากสถานีอนามัยทุกแห่ง ที่ติดตั้งป้ายพระรูป พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ จำนวน 16 แห่ง ให้กับ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดยโสธร

รองผู้ว่า เปิดงาน พอ.สว.ที่บ้านหนองกบ และเยี่ยม ศูนย์ 3 วัย นาเวียง





23 เมษายน 2552 07.09 น. ร่วมงาน หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี ศรีสังวาล หน่วยแพทย์ พอ.สว.) ที่วัดบ้านหนองกบ ตำบลกู่จาน อำเภอ คำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร นายสันติ คณานุรักษ์ นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว และ นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. ในเขต อำเภอ คำเขื่อนแก้ว ร่วมต้อนรับ ประธานในพิธี โดย ท่านวินธัย ประไพพิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ในงานนี้ ท่านผ่องพรรณ อุดมสิน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร นำทีมสมาชิกเหล่ากาชาดร่วมออกให้บริการ ท่านสุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร นำทีมแพทย์ จาก โรงพยาบาลยโสธร และ โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว ร่วมออกให้บริการ นอกจากนั้นมีทีมจากส่วนราชการทั้งในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ เช่น ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน กรมทหารราบที่ 16 กศน.อำเภอ ท่านนพดล หล้าแหล่ง ปศุสัตว์ อำเภอคำเขื่อนแก้ว ให้บริการทำหมัน ฉีดวัคซีน ธาตุบำรุงสัตว์ จ่ายยาถ่ายพยาธิ เป็นต้น มี คณะ สมาชิก พอ.สว. ร่วมงานนี้อย่างอบอุ่น หลังจากเปิดงาน พอ.สว.แล้ว นายวินธัย ประไพพิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ท่านผ่องพรรณ อุดมสิน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร และ ท่านสุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร ให้เกียรติไปให้กำลังใจ ชมรมผู้สูงอายุ ที่ศูนย์ 3 วัย ณ สถานีอนามัยนาเวียง ณ ที่นั้น นางเครือวัลย์ คนชม หัวหน้าสถานีอนามัยนาเวียง คณะ อสม. สมาชิกชมรม ผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ผู้นำชุมชน เตรียมพร้อมต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่ง จากการการพบปะสมาชิก ของผู้บริหารทั้ง 3 ท่าน ทุกท่านประทับใจการมีกิจกรรมร่วมกันที่ดี ห้องน้ำที่สะอาด สถานที่ที่ร่มรื่นสวยงาม ขอขอบคุณในความสมัครสมานสามัคคีและความเสียสละของ พวกเราทุกคน

เตรียมงาน พอ.สว. บ้านหนองกบ ตำบลกู่จาน



22 เมษายน 2552 ประสาน สถานีอนามัยทุกแห่ง ให้สถานีอนามัยทุกแห่งติดตั้งป้ายพระรูป พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในที่ที่เหมาะสม ให้แล้วเสร็จ และส่งภาพถ่าย ที่ติดตั้งเสร็จเรียบร้อย แล้ว อย่างน้อย สถานีอนามัยละ 3 ภาพ ภายในวันที่ 23 เมษายน 2552 ภาพถ่ายที่ส่งของแต่ละ แห่งประกอบด้วย 1. ภาพถ่ายด้านหน้า ให้เห็นป้ายชื่อ สถานีอนามัย 2. ภาพถ่ายเยื้องด้านซ้าย (ยืนถ่ายห่างจากภาพประมาณ 15 เมตร ให้เห็นมุมไกล) 3. ภาพถ่ายเยื้องด้านขวา (ยืนถ่ายห่างจากภาพประมาณ 15 เมตร ให้เห็นมุมไกล)
โดยส่งภาพถ่าย ตอบกระทู้ขึ้นแสดงในกระทู้นี้ทุกแห่ง ... เพื่อจะส่งภาพถ่ายนี้ถึงกระทรวง ภายในวันที่ 24 เมษายน 2552 เนื่องในโอกาส ครบรอบวันประสูติ ของ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
ร่วมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ เตรียมสถานที่ การจัดงาน จังหวัดเคลื่อนที่และหน่วยแพทย์ พอสว. ณ วัดบ้านหนองกบ ตำบลกู่จาน อำเภอ คำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ซึ่ง นายอุทิศ ฝูงดี หัวหน้าสถานีอนามัยกู่จาน นางเครือวัลย์ คนชม หัวหน้าสถานีอนามัยนาเวียง พร้อมทีมงานได้ร่วมกันกับประชาชนในพื้นที่ อสม. อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าอาวาส เตรียมสถานที่ช่วยกันด้วยความพร้อมเพรียงและสามัคคีดีมาก...ขอชื่นชมครับ ...

โอวาท ที่ประทับใจ จาก นพ.สุรพร ให้กับ บุคลากรใหม่


20 เมษายน 2552 ภาคบ่าย เข้าร่วมงานการประชุม ที่ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดยโสธร และ งานพิธีรดน้ำ ขอพร ท่านสุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร ซึ่ง นพ.จิณณพิภัทร ชูปัญญา รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร ภก.องอาจ แสนศรี รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร นางอรวรรณ ยืนยง รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร และ นายมงคล สุทธิอาคาร รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร นำทีมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัดร่วมรดน้ำขอพร ณ ห้องประชุมบั้งไฟโก้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยมิตรภาพและความอบอุ่น
21 เมษายน 2552 โอวาทดีๆ ในการต้อนรับบุคลกรใหม่ : ภาคเช้าเข้าร่วมงานการประชุม โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขก่อนประจำการ ที่ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดยโสธร ในงานนี้ ท่านสุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร และ นพ.อดิเกียรติ เอี่ยมวรนิรันดร์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลยโสธร ผู้เข้ารับการอบรมประกอบด้วย ข้าราชการที่จบการศึกษาใหม่ ทุกหลักสูตร ประกอบด้วย แพทย์ 16 คน ทันตแพทย์ 3 คน พยาบาล 17 คน และสาธารณสุขศาสตร์ทุกสาขา 25 คน รวม 61 คน หัวหน้าคณะวิทยากรโดย นพ.จิณณพิภัทร ชูปัญญา รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร มีวิทยากรพี่เลี้ยงจาก อำเภอ คำเขื่อนแก้ว 2 คน ซึ่งทำหน้าที่ได้ดี คือ นส.ประกายรุ่ง จวนสาง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลตำบล ดงแคนใหญ่ และ น้องกล้า นายศักรินทร์ สินธุพันธ์ จาก โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว ส่วนน้อง ใหม่ที่เข้ารับการอบรม จาก สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ คำเขื่อนแก้ว จำนวน 4 คน ประกอบด้วย
นางสาวกาญจนา ไชยมาตร นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ.โพนสิม
นางสาวพรทิวา ทองทา นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ. นาหลู่
นางสาวราตรี ชายทอง นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ. กู่จาน
นางสาวหทัยชนก จันทรากาศ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สอ. นาเวียง
....ผมประทับใจ การให้โอวาทที่ผู้บริหารให้พรกับน้องใหม่ ในงานวันนี้ ขออนุญาตท่านทั้งสอง ขอเผยแพร่เพื่อให้ได้รับทราบโดยทั่วกันดังนี้ โอวาทจากท่านสุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดยโสธร “ พวกเราทุกคน ณ ที่นี้ ทราบดีอยู่แล้วว่า คนที่เราจะเกี่ยวข้องในการทำงานของพวกเรา คือ คน การทำงานกับคน นั้น สิ่งสำคัญที่สุด ที่พวกเราจะต้องมี คือ หัวใจ ...คือมีหัวใจที่จะรัก ในการให้บริการ แก่คนเหล่านั้น ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ส่วนที่สำคัญ รองลงมาอีก คือ คน ในวงการของเรา คือเพื่อนร่วมงานของเรา ในแวดวง สหวิชาชีพของเรา เพราะไม่มีวิชาชีพใดสำคัญที่สุด ....แต่สำคัญทุกวิชาชีพ หากพวกเราทำงานอย่างประสานสอดคล้อง ลงตัว ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และมี Team work ที่ดีแล้ว พวกเราจะมีความสุข...ในการทำงานกับประชาชนทุกคนในที่นี้ เป็นคุณหมอ ทั้งหมด...คุณหมอคืออะไร ในอุดมคติของชาวบ้าน คุณหมอ คืออาชีพที่สูงส่งควรค่าแก่การให้เกียรติ ฉะนั้น พวกเรา คุณหมอ ทุกคน ต้อง มีการครองตน ที่เหมาะสมแก่คุณค่า คำว่า คุณหมอ ในความรู้สึกของประชาชน....การปฏิบัติที่ดีและง่ายที่สุด คือ ตื่นเช้ามา ให้นึกถึงแต่เรื่องดีๆ...ทำตนดีๆ ทั้งการคิดการพูด และการกระทำ ชีวิตตลอดวันจะดีเอง...อย่าลืม ส่องกระจกสำรวจตนเองก่อนออกจาบ้าน และยิ้ม ให้ตนเอง อย่างมีความสุข..จดจำรอยยิ้มนั้นไว้ แล้ว มอบให้คนอื่นด้วย...ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุขในการทำงาน แล้วหากเรามีความสุขในการทำงาน จะส่งผลให้ผู้ที่ได้รับบริการจากเรามีความสุขด้วย... ”
โอวาทจากท่าน นพ.อดิเกียรติ เอี่ยมวรนิรันดร์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลยโสธร
“งานที่ผมให้ความสำคัญ อยู่เสมอในทุกๆ ปี มี 3 งานคือ งานที่ 1 งานปฐมนิเทศข้าราชการใหม่ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน หากคนเรามีจุดเริ่มต้นที่ดี มีความรู้สึกที่ดี และมีความประทับใจในการทำงานตั้งแต่แรกแล้ว ชีวิต การทำงานก็จะประสบแต่สิ่งดีๆตลอดไป...งานที่ 2 งาน Thanks Party ประจำปี เช่นในเทศกาลปีใหม่ เพราะ เป็นงานที่ตอบแทนการทำงานด้วยความทุ่มเท ของการทำงานอย่างหนัก ของพวกเรามาตลอดปี....งานที่ 3 งานเกษียณ เพราะเป็นการตอบแทนให้กับคนที่ยอมทุ่มเท ทำงานมาตลอดชีวิตราชการ....Enjoy Work””Enjoy Life…เป็นหัวข้อของงานวันนี้ที่ดีมาก ..เพราะความสุขในการทำงานสามารถสร้างได้ด้วยตัวเราเอง....พวกเราในที่นี้หากทำงานไปได้สักระยะแล้ว ใครที่มีความรู้สึกว่า เจ้านายก็ไม่ดี เพื่อนร่วมงานก็ไม่ดี ผู้รับบริการก็ไม่ดี หน่วยงานอื่นๆ ที่เราไปติดต่องานด้วยก็ไม่ดี...ไม่เหมือนเราเลย...ขอแนะนำให้พยายามปรับความคิดในการทำงานใหม่ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะให้บุคคลรอบข้างเรา ปรับตัวให้เข้ากับเรา...มีแต่เราทนั้นที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับพวกเรา โดยที่ยังคงความเป็นตัวของตัวเราไว้ เช่นรู้จักยิ้มให้คนอื่นเป็น แล้วเราจะรู้สึกรักคนอื่น หากเราอยากให้คนอื่นรักเรา เราต้องรักคนอื่นเป็น...ทำอย่างไรก็ได้ ให้ตื่นเช้าขึ้นมาอยากจะไปทำงาน อยากจะไปพบหน้า กับเพื่อนร่วมงานของเรา ..เมือเพื่อร่วมงานของเราบางคน เป็นคนที่เราไม่ชอบหน้า...เราไม่สามารถกำจัดบุคคลเหล่านั้นออกไปจากสภาพแวดล้อมการทำงานของเราได้ ...เราควรจะเปลี่ยนมุมมองว่า ทำอย่างไร จะให้คนอื่นรักเรา ...และทำอย่างไร เราจึงจะรักคนอื่นเหล่านั้น ด้วยความเต็มใจ ...ให้ทุกคนเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ....และขอฝากสิ่งต้องห้าม หรือ สิ่งที่พวกเราควรละเว้น ในการทำงานกับสังคมคือ ให้พวกเรา ละเว้น จาก การจับผิด ซึ่งกันและกัน ...แต่ให้พวกเราทำ อย่างหนึ่งแทนคือ ให้พวกเรา ไว้วางใจซึ่งกันและกัน....แล้วจะมีความสุข ”

ค่ายรวมใจ สายใยผูกพัน เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน คำเขื่อนแก้ว



20 เมษายน 2552 เปิดทำงานวันแรกด้วย อารมณ์ที่แจ่มใส หลังจากเป็นช่วงฤดูกาลแห่งการหยุดราชการที่ยาวที่สุดในประเทศไทย (หยุดติดต่อกัน 10 วัน ) เช้าเข้าร่วม การอบรม ค่ายรวมใจ สายใยผูกพัน เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน ณ ห้องประชุม โรงเรียนคำเขื่อนแก้วชนูปถัมภ์ พิธีเปิดโดย นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว ในฐานะประธาน คปสอ. คำเขื่อนแก้ว ผู้เข้ารับการอบรมประกอบด้วย จนท. จาก สถานีอนามัยทุกแห่ง โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว และผู้ป่วยเบาหวาน สถานีอนามัยละ 4 แห่ง วิทยากรจาก โรงพยาบาลอุดรธานี เป็นกิจกรรมที่ดีมากๆ ภายใต้การประสานงานโครงการของ หัวหน้างานคนเก่ง นางอภิญญา บุญถูก นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสอ.คำเขื่อนแก้ว แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเป็นช่วงวันหยุด แต่สามารถประสานงานวิทยากร สถานที่และผู้เข้ารับการอบรมได้ อย่างดี ขอชื่นชมๆ ส่วน จาก โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว ต้องชื่นชม หัวหน้า PCT ที่ เป็นผู้ประสานงานหลักและสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมในวันนี้ขึ้น....จากการสอบถามผู้เข้ารับการอบรม ส่วนมากพึงพอใจ และอยากให้ขยายผลไปมากๆ...ตามนยาบาล ของ นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว ที่ได้ให้โอวาทไว้ว่า แพทย์ที่ดีที่สุด คือตัวเรา ... 22 เมษายน 2552 เตรียมงาน ออกแบบ และร่วมงานการมอบประกาศนียบัตร สำหรับมอบให้กับผู้เข้ารับการอบรม ค่ายรวมใจ สายใยผูกพัน เพื่อผู้ป่วยเบาหวาน ณ ห้องประชุม โรงเรียนคำเขื่อนแก้วชนูปถัมภ์ ประธานพิธีปิดและมอบประกาศนียบัตรโดย นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว

สรุปบทความ เหตุการณ์ จลาจล สงกรานต์ 52



วันที่ 17 เมษายน 2552 : สรุปบทความ เหตุการณ์ จลาจล สงกรานต์ จาก http://www.thairath.co.th/
เป้าหมาย “ทักษิณ“ รัฐไทยล้มเหลว [19 เม.ย. 52 - 20:53] http://www.thairath.co.th/
มหาสงกรานต์ปีนี้ เป็นปีที่มีวันหยุดราชการยาวนานที่สุด
เพราะรัฐบาลอยากให้ประชาชนมีความสุข สนุกสนาน ฉลองปีใหม่ไทย รดน้ำกันให้ชุ่มฉ่ำ คลายวิกฤติความขัดแย้งของคนในชาติ
แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ม็อบเสื้อแดงภายใต้ การนำของกลุ่ม นปช. ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบฯ ขับไล่ระบอบอำมาตยาธิปไตย และรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ขยายลุกลามบานปลาย เป็นจลาจลกลางเมือง กลายเป็นสงครามไฟ
ปิดถนนหลายจุดในกรุงเทพฯ จนการจราจรเป็นอัมพาต ปาระเบิดเพลิง เผารถเมล์ ยึดรถแก๊สขวางถนนในย่านชุมชน
ถึงขั้นที่รัฐบาลต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เคลื่อนกำลังทหารออกมาควบคุมสถานการณ์
ม็อบปะทะทหาร ชาวบ้านปะทะม็อบ

แม้แต่นายกฯอภิสิทธิ์ ก็ยังถูกม็อบไล่ล่าทุบรถจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ขณะที่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ โดนรุมยำหัวร้างข้างแตก
ก่อนที่ทหารจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และกดดันจนแกนนำม็อบเสื้อแดงต้องประกาศสลายการชุมนุมและมอบตัวกับทางการ
ถือว่ายังโชคดีที่ไม่มีเหตุรุนแรงถึงขั้นเลือดนองแผ่นดิน
สถานการณ์ผ่านมาถึงวันนี้ ต้องยอมรับว่า ปัญหาความแตก แยกขัดแย้งของผู้คนในประเทศ เหตุจลาจล มิคสัญญีที่เกิดขึ้น
มันแค่หยุดไปชั่วคราว ไม่ใช่การสงบอย่างถาวร
ไฟยังไม่ดับ เพียงแต่จำกัดวงไว้ได้ชั่วคราวเท่านั้น สถานการณ์ความขัดแย้งยังคุกรุ่นรอเวลาปะทุ
พร้อมที่จะหวนกลับมามีเหตุให้เกิดเรื่องปะทะกันได้อีก
และอาจลุกลามบานปลายขยายวงกว้างออกไป จนเกิดความเสียหายมากกว่าเหตุจลาจลม็อบเสื้อแดงครั้งที่ผ่านมาก็เป็นได้
“ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ขอชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของม็อบเสื้อแดงที่นำมาสู่เหตุการณ์จลาจล เป็นเพราะมีเดิมพัน และเป็นเดิมพันที่สูงมาก
เนื่องจากหัวหน้าขบวนการม็อบเสื้อแดง ที่ประกาศเปิดตัวอย่างชัดเจน คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ยังไม่ยอมแพ้ ยังเดินหน้าสู้ต่อ เพราะยุทธศาสตร์ของเขายังไม่บรรลุผล
ในฐานะหัวหน้าขบวนการคนเสื้อแดง ความเคลื่อนไหวจากการโฟนอินและวีดิโอลิงค์ชัดเจนว่า
ต้องการปลุกเร้ากระแสมวลชนคนเสื้อแดง ให้เกิดการเผชิญ
หน้ากับฝ่ายอำนาจรัฐ
เป้าหมาย คือ สร้างอำนาจต่อรอง
ที่สำคัญ ภายใต้การเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆให้เข้ามาชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพมหานคร
ยกระดับการชุมนุมจากการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ขับไล่นายกฯอภิสิทธิ์ มาเป็นการปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ประกาศโค่นล้มอำมาตยาธิปไตย
กดดัน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ให้ลาออกจากตำแหน่ง
แต่ในทางลึกได้มีความพยายามในการต่อสายเจรจาต่อรองผ่านบุคคลบางฝ่าย โดยสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณตั้งเงื่อนไขขอมา ก็คือ
เงินที่ถูกอายัด 76,000 ล้านบาท เขาขอคืนแค่ 50,000 ล้านบาท และไม่ต้องติดคุกในทุกคดี
แต่การเจรจาประสานในทางลับ ประตูไม่เปิดให้บรรลุผลได้
ทำให้มีการยกระดับสถานการณ์ม็อบเสื้อแดงให้รุนแรงยิ่งขึ้น
เป้าหมายสำคัญ คือ ทำให้เกิดการแตกหัก
ทำให้ประเทศไทยกลายเป็น “รัฐที่ล้มเหลว” ไม่สามารถอยู่ร่วมในกติกาแห่งอารยประเทศได้
โดยมีร่องรอยชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอน ในการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ทั้งการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ การโฟนอิน และวีดิโอลิงค์ เข้ามาปลุกม็อบเสื้อแดง ระบุชัดว่า
ประเทศไทย มีรัฐบาลที่ไม่ได้มาโดยประชาธิปไตย มาโดยมิชอบ มาจากผลพวงของการรัฐประหาร
เป็นรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติซ่อนรูป
กล่าวหากระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่มีความยุติธรรม โจมตีทำลายความน่าเชื่อถือของประธานองคมนตรี และองคมนตรี
หนุนหลังอย่างเปิดเผยปลุกระดมคนเสื้อแดงทุกพื้นที่ทั่วประ-เทศให้ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว สร้างเงื่อนไขให้ประชาชนลุกฮือ
เพื่อทำให้รัฐบาลถูกมองว่าแก้ปัญหาวิกฤติประเทศไม่ได้
ทำให้เกิดจลาจล มิคสัญญี ปฏิวัติรัฐประหาร สงครามกลางเมือง
เพื่อให้องค์กรสากลอย่างสหประชาชาติ สอดแทรกเข้ามาเป็นกรรมการกลางจัดโต๊ะเจรจา เปิดช่องให้ตัวเองได้มีที่นั่งอยู่ในวงเจรจานั้นด้วย
แต่เป้าหมายนี้ ก็ไม่บรรลุผล
เพราะรัฐบาลยังสามารถควบคุมสถานการณ์วิกฤติจลาจลม็อบเสื้อแดงเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนหน้านั้น การเดินเกมตามยุทธศาสตร์
ของ “ทักษิณ” ที่บรรลุผลไปแล้ว ก็คือ ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่เมืองพัทยาได้สำเร็จ
กลุ่มม็อบเสื้อแดงบุกทุบกระจกโรงแรม ลุยเข้าไปถึงขอบเวทีประชุมผู้นำอาเซียน
ส่งผลให้บรรดาผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้งผู้นำประเทศคู่ค้าคู่เจรจา ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
ที่ต้องร่วมวงเจรจาและลงนามสัญญาด้านการค้า การลงทุน การแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือด้านต่างๆระหว่างกัน
ต้องวิ่งหัวซุกหัวซุนออกจากห้องประชุม บ้างก็โดดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บ้างก็ลุยน้ำลงเรือเร็ว พากันหนีตายกลับประเทศแทบไม่ทัน
สื่อต่างประเทศรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ทำให้ประเทศไทย เสียภาพพจน์ไปเต็มๆ
ส่งผลกระทบไปถึงเรื่องการลงทุนและการท่องเที่ยวของไทย
ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามตามมามากมายจากนานาชาติ ถึงขนาดที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ออกมากล่าวประณามการใช้ความรุนแรงของกลุ่มผู้ประท้วงที่บุกขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งซีเอ็นเอ็น และบีบีซี ก็ ได้ตั้งคำถามและข้อสังเกตมากมายระดมเข้าใส่ “ทักษิณ” ในทำนองว่า
พฤติการณ์ที่ออกมา นานาชาติ กระแสโลก ไม่ขานรับ
ที่สำคัญ มาถึงวันนี้ประเทศไทยก็ยังไม่ได้กลายเป็น “รัฐที่ล้มเหลว” อย่างที่คนบางคนต้องการเห็น
อย่างไรก็ตาม ทีมของเราขอย้ำว่า สถานการณ์ในขณะนี้แม้รัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์สามารถหยุดเหตุการณ์จลาจลจากม็อบเสื้อแดงไว้ได้
แต่ก็เป็นเพียงการหยุดเอาไว้ชั่วขณะ
เป็นแค่อาการสงบชั่วคราว แต่ไฟแห่งความขัดแย้งแตกแยกในสังคมยังไม่ได้ดับมอดสนิทลง ยังคงคุกรุ่น
พร้อมที่จะปะทุขึ้นมาได้อีกตลอดเวลา และอาจลุกโชนร้อนแรงกว่าเดิม
ถ้ามีการเติมเชื้อโหมไฟจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

เหนืออื่นใด การที่ประเทศไทยจะกลายเป็น “รัฐที่ล้มเหลว” จะเกิดขึ้นก็เพราะฝีมือของคนไทยด้วยกัน
ถ้าไม่สามารถยุติความแตกแยกร้าวฉานของคนในชาติได้
“ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ต้องขอตอกย้ำอีกครั้งว่า โดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย โดยไม่อยู่ในอาณัติ ครอบงำใดๆ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
มีหน้าที่สำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤติให้ประเทศชาติและประชาชน
แต่ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้ที่เป็นฝ่ายค้านในอดีต ถูกมองเป็นพวกเสื้อเหลือง ในขณะที่รัฐบาลในอดีตและมาเป็นฝ่ายค้านในขณะนี้ เป็นพวกเสื้อแดง
การทำงานในสภาฯ จึงกลายเป็นการแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย แบ่งสี ควบคู่ไปกับการเมืองนอกสภาฯ
แทนที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยจะร่วมมือร่วมใจกันใช้เวทีสภา เป็นเวทีแก้ปัญหาวิกฤติให้กับชาติบ้านเมือง
กลับกลายเป็นใช้เวทีสภาเป็นสถานที่ฟาดฟันกัน ไม่ได้ ใช้เป็นเวทีระดมสมองในการคลี่คลายปัญหาให้กับประเทศชาติ
ถ้า ส.ส. และ ส.ว.ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย แก้ความแตกแยกในระบบไม่ได้ ก็คงยุติความแตกแยกร้าวฉานของสังคมไม่ได้
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างที่ทำกันไป เป็นเพียงการแก้ที่ปลายเหตุ
แต่ถ้าต้นเหตุคือ ส.ส. นักการเมือง ไม่สามารถปรองดองกันได้ ฟันเฟืองแต่ละขั้วยังคงอาละวาดกันต่อไป ปัญหาก็ไม่จบ
โดยเฉพาะปัญหานักการเมืองบ้านเลขที่ 111 และบ้านเลขที่ 109 ที่ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง เป็นหัวเชื้อให้มีการอาละวาดราวีกันไม่เลิก
ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ต้นตอจึงอยู่ที่แกนนำของคนพวกนี้ไม่กี่สิบคน ที่จะต้องหันหน้ามาพูดคุยกัน กติกาสูงสุดของประเทศจะแก้ไขกันอย่างไร โดยใช้เวทีสภาเป็นทางออก
แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนเหล่านี้ยังต้องฟัง “นายใหญ่” ที่อยู่ เมืองนอก อย่างเคร่งครัดอยู่รึเปล่า
ถ้าต้องฟัง ยังไงมันก็ไม่จบ.

ดีใจประเทสไทยพ้นวิกฤติหายะนะ ทุกคนต้องมองไปข้างหน้า


วันที่ 17 เมษายน 2552 ดีใจประเทสไทยพ้นวิกฤติหายะนะ ทุกคนต้องมองไปข้างหน้า : ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.dailynews.co.th ; จนถึงวันนี้เหตุการณ์วิกฤติในใจกลางกรุงเทพมหานครได้คลี่คลายไปได้ตามลำดับ แต่ความสูญเสียของประเทศชาติได้เกิดขึ้น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคงไม่มีใครที่จะปฏิเสธได้อย่างแน่นอน การดับชนวนเหตุจลาจลนี้มีแต่ประเทศชาติที่เป็นผู้แพ้ ไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ และทุกฝ่ายไม่ควรที่จะหาเหตุทางปากเพื่อซ้ำเติมให้สถานการณ์ปะทุขึ้นมาอีก เพราะปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในเรื่องการเรียกร้องประชาธิปไตยตามความคิดของตนเองยังไม่มีทางสิ้นสุดลงง่าย ๆ แต่เหตุความไม่สงบที่ได้สงบลงไปอย่างมีสตินั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และเป็นการชี้ให้เห็นว่าคนไทยทุกคนต้องการเห็นการรอมชอมกันเพื่อนำไปสู่ความสงบ
...แม้สถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองจะยุติลงได้เร็ว แต่ความเชื่อมั่นต่าง ๆ คงมิใช่กลับคืนมาได้รวดเร็ว โดยเฉพาะการเชื่อมั่นจากต่างประเทศ โดยเฉพาะปัญหาการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยซึ่งจะดูปัจจัย จากปัญหาการเมืองเป็นหลัก เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยที่ต้องติดตามดูความวุ่นวายของประเทศไทย ซึ่งทั้งสองเรื่องหลักนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศชาติมีรายได้เข้าสู่บ้านเมือง และทำให้ประชาชนไม่ตกงานเพิ่มขึ้น ปัญหาดังกล่าวนี้รัฐบาลรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องเร่งสร้าง ความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็ว นอกจากนี้ภาคเอกชนจะต้องมาร่วมด้วยช่วย กันเพื่อผลักดันให้ชาติบ้านเมืองเดินหน้าอย่างเชื่อมั่น

เจ้าของ'ดอกบัวคู่'ใจบุญ ควัก12ล้านแจกผู้เฒ่าทั้งจังหวัด


วันที่ 17 เมษายน 2552 ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.dailynews.co.th
เจ้าของ'ดอกบัวคู่'ใจบุญ ควัก12ล้านแจกผู้เฒ่าทั้งจังหวัด ชื่นชม คนทำดี จิตใจดี คนนี้จัง: [17 เม.ย. 52 - 21:33
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (17 เม.ย.) ที่ลานหน้าโรงแรมทวินโลตัส ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้มีบรรดาผู้สูงอายุทั้งหญิงและชาย รวมถึงผู้พิการใน จ.นครศรีธรรมราช กว่า 3,000 คน เดินทางมารวมตัวกัน เพื่อรอรับบริจาคเงินและสิ่งของอุปโภคบริโภค

ต่อมา นางสุนันทา ลีเลิศพันธ์ อายุ 69 ปี ประธานกรรมการบริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด และเป็นเจ้าของโรงแรมทวินโลตัส พร้อมด้วยนายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เดินทางมาถึงและนำเงินสด พร้อมด้วยของใช้ที่จำเป็นอื่นๆ มอบให้กับบรรดาผู้สูงอายุ และผู้พิการที่เข้าแถวรอรับ โดยเงินที่นำมาแจกในวันนี้มีจำนวน 2 ล้านบาท และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
นางสุนันทา กล่าวภายหลังว่า เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ที่ตนและสามี คือนายบุญกิจ ลีเลิศพันธ์ แจกเงินให้กับผู้สูงอายุใน จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากตนและสามีเป็นชาวนครศรีธรรมราช ต่อสู้ชีวิตก่อร่างสร้างตัวมาจาก จ.นครศรีธรรมราช โดยนำเอาตำรายาโบราณของญาติผู้ใหญ่มาประยุกต์ผลิตเป็นยาสีฟันสมุนไพร และสบู่สมุนไพรดอกบัวคู่ ต่อสู้ชีวิตมาจากศูนย์ จนกระทั่งสินค้าขายดีทั่วประเทศและสามารถส่งขายต่างประเทศเกือบทั่วโลก ทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะมั่นคง มีกิจการเป็นของตนเอง ทั้ง บริษัทดอกบัวคู่ จำกัด และโรงแรมอีกหลายแห่ง
นางสุนันทา กล่าวต่อว่า หลังจากมีฐานะพอที่จะช่วยเหลือสังคมได้ ก็ไม่ลืมนึกถึงบ้านเกิดเมืองนอน ผู้สูงอายุผู้มีพระคุณ ทุกปีหลังจากนั้นจะเดินทางมายัง จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงเดือน เม.ย. เพื่อนำเงินมาแจกผู้สูงอายุในจังหวัดที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส กระทั่งต่อมาสามีได้เสียชีวิต ตนและลูกหลาน ก็ยังนำเงินมาแจกทุกปี และจะแจกต่อไปไม่หยุดแม้ตนจะตายไป หากลูกหลานยังมีกำลังช่วยเหลือตัวเองได้ และพอจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่นได้
"ก็ได้สั่งเสียไว้ให้แจกและช่วยคนต่อไป เพราะได้สั่งสอนลูกๆ ว่าให้ดำรงตนอยู่อย่างพอเพียงตามแนวพระราชดำริ ไม่ต้องสะสมความมั่งคั่งเหมือนเศรษฐีผู้มีอันจะกินอื่นๆ เพราะคนเราตายไปแล้วเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ นอกจากความดีกับความชั่วเท่านั้น ต้องช่วยเหลือและแบ่งปันให้เพื่อนร่วมสังคม ซึ่งลูกๆหลานๆได้รับปากแล้ว หากประชาชนยังอดหนุนสินค้าลูกหลานทุกคนก็จะนำผลกำไรกลับคืนสู่สังคมให้มาก ที่สุดเท่าที่จะมากได้" ประธานกรรมการบริษัทดอกบัวคู่ กล่าว

4/17/09

7วันอันตรายดับ373เจ็บ4,332รายเชียงใหม่แชมป์ ยโสธรปลอดอุบัติเหตุ


สรุป7วันอันตรายดับ373เจ็บ4,332รายเชียงใหม่แชมป์ ยโสธรปลอดอุบัติเหตุ http://www.thairath.co.th/
วันนี้ (17 เม.ย. 52) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) แถลงสถิติอุบัติเหตุทางถนนของวันที่ 16 เม.ย.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของช่วง 7 วันระวังอันตราย พบว่า เกิดอุบัติเหตุ รวม 343 ครั้ง มากกว่าปีที่แล้ว 55 ครั้ง ร้อยละ 19.10 ผู้เสียชีวิต 52 ราย มากกว่าปีที่แล้ว 8 ราย ร้อยละ 18.18 บาดเจ็บ 371 ราย มากกว่าปีที่แล้ว 52 ราย ร้อยละ 16.30 สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 40.66 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 19.96 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.90 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สุพรรณบุรี 13 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ลพบุรี พิษณุโลก เชียงราย ปทุมธานี และสมุทรสงคราม จังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 44 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุพรรณบุรี 16 ราย
นายวิชัย กล่าวเพิ่มว่า สรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 7 วัน ระหว่างวันที่ 10-16 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุรวม 3,977 ครั้ง น้อยกว่าปีที่แล้ว 266 ครั้ง ร้อยละ 6.27 เสียชีวิตรวม 373 ราย มากกว่าปีที่แล้ว 5 ราย ร้อยละ 1.36 ผู้บาดเจ็บรวม 4,332 ราย น้อยกว่าปีที่แล้ว 471 ราย ร้อยละ 9.81 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 145 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 14 ราย จังหวัดที่ไม่มีอุบัติเหตุ 7 จังหวัด ได้แก่ ตราด ฉะเชิงเทรา ยโสธร อำนาจเจริญ สกลนคร น่าน และยะลา จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 164 ราย

หยุดทำร้ายไทย ยุติใช้ความรุนแรง : ทำได้ด้วยตัวคุณ


เปิดเครือข่ายหยุดทำร้ายไทย ยุติใช้ความรุนแรง [16 เม.ย. 52 - 15:14]
ขอขอบคุณข้อความและภาพจากhttp://www.thairath.co.th/ วันที่ (16 เม.ย.52) ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้แทนสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ผู้แทนองค์กรภาคธุรกิจ (สภาหอการค้า และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) ผู้แทนภาควิชาการ (ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และ ประธานอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชมงคล) ผู้แทนภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาล และ นายกสมาคมอบต.แห่งประเทศไทย) ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม (เครือข่ายนักวิชาการไม่เอาความรุนแรง คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง สถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม กลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ชมรมแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์เพื่อประชาชน เครือข่ายประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้แต่อย่าใช้ความรุนแรง) และสถาบันพระปกเกล้า
...นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แถลงผลการประชุมว่า ทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกันว่า ตลอดปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งในสังคมระหว่างคนเสื้อสีต่างๆ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทยอย่างมากมาย ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาโลก หากยังปล่อยให้สถานการณ์ความขัดแย้งคงลุกลามต่อไป ความรุนแรงก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท้ายที่สุดอาจกลายสงครามกลางเมือง อันจะนำไปสู่หายนะของประเทศไทยและคนไทยทั้งประเทศ ยากที่จะเยียวยาได้
...นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ แถลงอีกว่า ผู้แทนหน่วยงานร่วมทุกหน่วยงาน จึงก่อตั้งเครือข่าย “หยุดทำร้ายประเทศไทย” และขอเชิญคนไทยทั้งประเทศเข้าร่วมในเครือข่ายดังกล่าว เพื่อแสดงให้โลกทั้งโลก และผู้ที่กำลังขัดแย้งกันรับรู้ว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากรัฐหรือประชาชน และต้องการแสดงให้เห็นว่า การเคารพกฎหมายและเสรีภาพของผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นสำหรับการดำรงอยู่ของสังคมและประเทศไทยอย่างสงบสุข พร้อมกันนี้ ขอเชิญชวนทุกภาคส่วนของสังคมไทยได้เข้าร่วมรณรงค์ “หยุดทำร้ายประเทศไทย ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรง” โดยเริ่มแสดงออกร่วมกัน ดังต่อไปนี้
...1. เชิญชวนทุกองค์กร ทุกบริษัท ห้างร้าน ส่วนราชการ หน่วยงานที่เห็นด้วยกับเครือชาติแขวนธงชาติหน้าบริษัท ห้างร้าน หน่วยงาน และบ้านที่อยู่อาศัย หากเป็นไปได้ก็มีป้าย “หยุดทำร้ายประเทศไทย ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรง” ไว้หน้าหน่วยงานด้วย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อเรียกร้องต่อทุกฝ่ายต้องตระหนักว่าเราทั้งหลายไม่ว่าอยู่ฝ่ายใด ล้วนแต่เป็นคนไทยและอยู่ฝ่ายเดียวกันคือฝ่ายประเทศไทย
...2. ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 เวลา 8.30 – 9.30 น. ขอเชิญชวนทุกองค์กร ทุกบริษัท ห้างร้าน ส่วนราชการ และทุกหน่วยงานที่เห็นด้วยกับแนวทางให้บุคลากรชุมนุมโดยสงบสันติหน้าองค์กร บริษัท ห้างร้าน และหน่วยงานของตนเอง โดยทุกคนถือธงชาติ เพื่อให้โลกทั้งโลก และผู้ขัดแย้งได้เห็นพลังด้านบวกของคนส่วนใหญ่ในสังคม ว่าไม่ยอมรับความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดจากใคร หรือรูปแบบใด...3. ขอความร่วมมือหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ สถานีโทรทัศน์ทุกช่อง สถานีวิทยุทุกแห่ง เคเบิลทีวีทุกแห่ง วิทยุชุมชนทุกแห่ง ช่วยกันเชิญชวนคนไทยส่วนใหญ่ที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ร่วมกันรณรงค์ โดยสื่อมวลชนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของชาติและสังคม เครือข่ายหวังว่า สื่อมวลชนทุกฝ่ายทุกแขนงจะให้ความร่วมมือตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
...4. ขอให้องค์กร บริษัท ห้างร้าน ส่วนราชการ หรือหน่วยงาน จัดกิจกรรมต่างๆในความสามารถของตนเอง เพื่อสื่อสารสาระสำคัญดังต่อไปนี้อย่างต่อเนื่อง คือ
4.1 ประชาธิปไตยเห็นแตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง
4.2 ประชาธิปไตยต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น
4.3 สร้างความยุติธรรมและความเป็นธรรมในสังคมไทย ทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และไม่เลือกปฏิบัติ
4.4 สร้างความเป็นพลเมืองไทยที่มีสำนึกประชาธิปไตย

นายประสงค์กล่าวด้วยว่า เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทยจะได้แถลงกิจกรรมให้ทราบต่อไป หากองค์กรใดประสงค์จะเข้าร่วมเครือข่ายและกิจกรรม สามารถติดต่อมาได้ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โทรศัพท์. 0-2668-9422 โทรสาร. 0-2668-7505 E-Mail : reporter@inet.co.th

ภูมิพันธุ์ จันทร์สว่าง ลูกชายคนดี เขามีดีอะไรละ


วันที่ 16 -17 เมษายน 2552 หยุดชดเชยวันสงกรานต์ ดูหนัง กับลูก อ่านหนังสือที่บ้าน วันนี้เห็น ลูกชายภูมิพันธุ์ จันทร์สว่าง ทำงานบ้าน ปลูกต้นไม้ ล้างรถ กวาดบ้าน ถูบ้านเรือน และทำอาหารให้พ่อทาน แล้ว รู้สึกภูมิใจ ที่ ลูกชายสามารถใช้วิชาประสบการณ์ในการดำรงชีวิตได้ดี ...รู้จักหน้าที่และมีความรับผิดชอบ ส่วน ลูกสาวนั้นให้คุณแม่ไปส่งที่โรงเรียน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นบรรยากาศที่รู้สึกสบายใจแทนคนไทยทั้งประเทศ ที่สามารถนำความสงบสุขกลับคืนมาได้ หลังจากมีเหตุการณ์วุ่นวายมาหลายวัน...ไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเลยในประเทศไทย ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายไหน กลุ่มใดก็ตาม..หากเกิดมีขึ้น ...ขอประณามล่วงหน้าไว้เลย ว่าเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการทำลายชาติของเรา และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กๆ..

ตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานนอกเวลาราชการ





วันที่ 15 เมษายน 2552 เวลา 09.09 น. ไป พร้อมกับ นายสุรินันท์ จักรวรรณพร นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสอ. คำเขื่อนแก้ว ออกตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานนอกเวลาราชการ ในวันหยุดราชการ วันนี้ ไป ตาม สถานีอนามัยต่างๆดังนี้
สถานีอนามัยนาหลู่ จนท. ผู้อยู่เวรให้บริการคือ นายมานะกิจ กลิ่นจันทร์ จพ.สาธารณสุขชำนาญงาน
กำลังเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับการก่อสร้างต่อเติมอาคาร ด้านหลัง สถานีอนามัย
สถานีอนามัยบกน้อย จนท. ผู้อยู่เวรให้บริการคือ นส.จิตร์สุดา อรจันทร์ จพ.สาธารณสุข ปฏิบัติงาน
สถานีอนามัยนาแก จนท. ผู้อยู่เวรให้บริการคือ นายคมสัน อดกลั้น หัวหน้าสถานีอนามัยนาแก
สถานีอนามัยนาคำ จนท. ผู้อยู่เวรให้บริการคือ นายวีระวัฒน์ กำศร นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ
กำลังก่อสร้างต่อเติมอาคารด้านหลัง สถานีอนามัย
สถานีอนามัยนาเวียง จนท. ผู้อยู่เวรให้บริการคือ นางรัศมี โซ่เงิน พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
ห้องน้ำศูนย์ 3 วัย เสร็จสมบูรณ์แล้ว สวยงามดีมาก ...สามารถเป็นตัวอย่างได้
สถานีอนามัยกู่จาน จนท. ผู้อยู่เวรให้บริการคือ นายอุทิศ ฝูงดี หัวหน้าสถานีอนามัยกู่จาน
อยู่ระหว่างการก่อสร้างต่อเติมอาคาร ด้านล่าง สถานีอนามัย เพื่อ รองรับ การให้บริการในรูปแบบของ โรงพยาบาลตำบลกู่จาน ในวันนี้ คณะกรรมการมาประชุม ร่วมกันเพื่อติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างอาคาร และ การจัดหาทุนสำหรับให้บริการ มี นายบุญรอด พวงศรี เป็นประธานการประชุม
โรงพยาบาลตำบลดงแคนใหญ่ นส.ประกายรุ่ง จวนสาง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
รับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน ที่บ้าน ท่านวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว และคุณนายกัญญารัตน์ เพชรรัตน์ เลี้ยงอาหารเนื่องในงานทำบุญที่บ้านนาถ่ม

4/15/09

รดน้ำขอพร คุณปู่ผาย จันทร์สว่าง





วันที่ 14 เมษายน 2552 รดน้ำขอพร คุณปู่ผาย จันทร์สว่าง : เสร็จจากพิธีรดน้ำขอพร นายถวิล จันทร์สว่าง แล้ว พาคณะญาติๆไปเยี่ยม และ รดน้ำขอพร คุณปู่ นา สามาอาพัฒน์ รดน้ำขอพร คุณปู่ผาย จันทร์สว่าง ปู่ผายได้ลูกสาวคนสุดท้องคอยให้การดูแลอย่างดี ผมมาเยี่ยมทุกครั้งที่กลับมาบ้าน เห็น น้าจำนง นาสะอ้าน จันทร์สว่าง ปรนนิบัติ ดูแล พ่อของเธอเป็นอย่างดี น่าชื่นชมมาก ...ขอเป็นกำลังใจให้ น้าจำนง นาสะอ้าน จงมีกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข็ง ในการดูแล คุณปู่ผายของพวกเรา ให้มีความสุขกาย สุขใจตามควรแก่สภาพสังขารร่างกายของท่านนะครับ..น้าจำนง มาลูกสาวที่น่ารัก 2 คน คือ น้องแต๋น ธนาภรณ์ และน้องน้ำ สิรินภา ศิรินภา นาสะอ้าน (รุ่นเดียวกับ นายอินทราพร จันทร์สว่าง ) จากนั้นพาลูกๆ หลานๆไป ทำพิธี สรงน้ำ กระดูก คุณแม่ สมร จันทร์สว่าง ที่วัดศรีโสภณ บ้านสีสุก โดยมีท่านพระครู สนิท เป็นประธานในพิธีสงฆ์

บุตร-หลาน ขอพรคุณพ่อถวิล จันทร์สว่าง สงกรานต์ 52





วันที่ 14 เมษายน 2552 บุตร-หลาน ขอพรคุณพ่อถวิล จันทร์สว่าง: ณ วันนี้ คุณพ่อถวิล จันทร์สว่าง มีหลานปู่ จำนวน 17 คน เป็นหลานปู่ 11 คน ( ชาย 6 หญิง 5 ) เป็นหลานตา 6 คน ( ชาย 2 หญิง 4 ) คน ดังนี้
ครอบครัว นายณัฐวุฒิ – นางเรืองลักษณ์ จันทร์สว่าง จำนวน 3 คน
ลำดับ ชื่อ สกุล ชื่อเล่น กำลังเรียน
1 น.ส. จารุทรรศ จันทร์สว่าง พี่อ้อม พยาบาลศาสตร์ที่ ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัย มหิดล
2 น.ส. ฐิตินันท์ จันทร์สว่าง แอม ม. 5 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม
3 ดช. พงศธร จันทร์สว่าง เอฟ เอ็ม ม. 1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม
ครอบครัว นางวงษ์ศิลป์ – สุริยา เหมือนทอง จำนวน 3 คน

จุดประสงค์หลักของงาน วันนี้มี 2 ประการคือ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ และ การทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับบุตรหลานได้สืบสานประพณี อันดีงามที่แสดงถึงความกตัญญูกตเวทิตา ที่เป็นรูปธรรม… ขอขอบพระคุณ พี่ธงศักดิ์ โสมณวัตร และญาติๆทุกท่านที่ให้กียรติมาร่วมงาน
หมายเหตุ : ทุกๆปี คุณปู่ คุณตา จะมอบเงินขวัญถุงให้กับ หลานๆทุกคนที่มาร่วมงานรดน้ำขอพร คนละ 20 บาท ปีนี้ ท่านใจดี เพิ่มให้เป็นคนละ 120 บาท