10/31/13

31 ตค.2556: พร้อมให้บริการ1,500คน_หน่วยทันตกรรมพระราชทาน ณ อ.คำเขื่อนแก้ว

31 ตค.2556: พร้อมให้บริการ1,500คน_หน่วยทันตกรรมพระราชทาน ณ อ.คำเขื่อนแก้ว
วันที่ 31 ตุลาคม 2556 ผม นายพันธุ์ทอง  จันทร์สว่าง  เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมม่านเมฆา สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว เรื่อง เตรียมความพร้อมรับหน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว
ที่จะออกให้บริการในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 ที่โรงเรียนคำเขื่อนแก้วชนูปถัมภ์ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
ประธานการประชุม โดย นายสมเพชร  สร้อยสระคู นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว
อำนวยการประชุม โดย นายวิทยา  เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว
เลขานุการ การประชุม โดย ทศพล นิติอมรบดี  หัวหน้างานทันตสาธารณสุข สสอ.คำเขื่อนแก้ว
                   จังหวัดยโสธรเคยได้รับบริการจากหน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ ในปี 2538 ผ่านมาแล้ว 18 ปี การออกหน่วยทันตกรรมในครั้งนี้ มีแพทย์จิตอาสา คณะทันตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 160 คน มาให้บริการ สามารถให้บริการได้วันละ 1,500 คน ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดยโสธรที่อยู่ใกล้จุดรับบริการ ออกมารับบริการโดยพร้อมเพียงกัน

                   กิจกรรมในวันดังกล่าวศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ และคณะ และมีอาจารย์ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทันตแพทย์อาสา และบุคลากรอาสาสมัครสายสนับสนุนร่วมปฏิบัติงานครั้งนี้จำนวนกว่า 160 คน ให้บริการตรวจสุขภาพช่องปาก อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด รักษาคลองรากฟันแบบครั้งเดียวเสร็จ ใส่ฟันเทียมบางส่วนและทั้งปากชนิดถอดได้ฐานพลาสติก และการผ่าตัดในช่องปาก ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ทันตสุขศึกษา เช่นเดียวกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ พร้อมทั้งส่งต่อผู้ป่วยที่มีโรคร้ายแรงในช่องปาก ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ไปรับการรักษาต่อในโรงพยาบาลใกล้เคียงที่มีความเชี่ยวชาญหรือโรงพยาบาลทันตกรรมคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงขอเชิญชวนประชาชนไปรับบริการทางทันตกรรมได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
            ทั้งนี้ในปี 2556 หน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว มีกำหนดออกให้บริการทันตกรรมในจังหวัดยโสธร จำนวน 4 ครั้ง ระหว่างวันที่ 11-14 ธันวาคม 2556 ดังนี้
                   ครั้งที่ 1 ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ที่โรงเรียนมหาชนะชัยวิทยาคม
ครั้งที่ 2 วันที่ 12 พฤศจิกายน 2556 ที่โรงเรียนกุดชุมวิยาคม
ครั้งที่ 3 วันที่ 13 พฤศจิกายน 2556 ที่โรงเรียนเลิงนกทา
และครั้งที่ 4 วันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 ที่โรงเรียนคำเขื่อนแก้วชนูปถัมภ์ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร

                   ที่มาเกี่ยวกับ หน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว
                   จากพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อพุทธศักราช 2513 ความว่า ฉันต้องการให้หมอไปช่วยดูแล บำบัดทุกข์ให้แก่เด็กนักเรียนและประชาชนที่อยู่ห่างไกลหมอและคำแนะนำพระราชทานอันเป็นที่มาของหน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ ว่า การจะให้ราษฎรที่ยากจนมีปัญหาเรื่องฟัน หยุดการทำนา ทำไร่ เดินทางไปหาหมอนั้น เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ในทางตรงกันข้าม หากเป็นการให้บริการเคลื่อนที่สู่ประชาชนก็จะเป็นการแก้ปัญหาได้ทางหนึ่งจึงก่อเกิดหน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ ขึ้น โดยเริ่มออกปฏิบัติงานให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2513 และออกปฏิบัติงานให้บริการแก้ไขปัญหาสุขภาพช่องปากแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกลและทุรกันดารทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทยเรื่อยมาจวบจนปัจจุบันเป็นประจำทุกปี
                   มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย หน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง และกำนัน อำเภอคำเขื่อนแก้ว อาทิเช่น แพทย์หญิง เพชรวันชัย จางไววิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว
นายสุกล กิจเกียรติ์นายกองค์การบริหารส่วนตำบล( อบต ). แคนน้อย
นายวสันต์ ชัยภูมิ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล( อบต ).ลุมพุก
พ.ต.ท.มนูญ วงศ์ก่อ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้ว
นายสุดใจ จวนสาง ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอคำเขื่อนแก้วและกำนันตำบลแคนน้อย
นายณรงค์ วงศ์ศิริ กำนันตำบล นาแก
นายประมวล เจนร่วมจิต กำนันตำบล ลุมพุก
ทพ.ญ.ปวีณา สง่าแสง ทันตแพทย์ โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว และทีมงาน จาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เช่น




นส.พัชรกมล  ไศลบาท จพ.ทันตสาธารณสุข  ชำนาญงาน          โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล กู่จาน
นางหอมไกร  อาจวิชัย จพ.ทันตสาธารณสุข ชำนาญงาน            โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ดงแคนใหญ่
นส.อุทัยวรรณ  สุภี            จพ.ทันตสาธารณสุข  ชำนาญงาน     โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ย่อ
นางสาวลดาวัลย์ คุณสุทธิ์   จพ.ทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สงเปือย

น.ส.ศศิธร สมสะอาด         จพ.ทันตสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแคนน้อย

30 ตค.2556: คำมหาวัง_3พลัง_ขับเคลื่อนสุขภาพ

30 ตค.2556: คำมหาวัง_3พลัง_ขับเคลื่อนสุขภาพ
วันที่ 30 ตุลาคม 2556 ผม นายพันธุ์ทอง  จันทร์สว่าง  
เข้าร่วมประชุม เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอ ร่วมกัน 3 อำเภอ ประกอบด้วย เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอคำเขื่อนแก้ว
เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอมหาชนะชัย เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอค้อวัง  หรือ เครือข่าย คำมหาวัง
ณ ห้องประชุมเล็กโรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว
อำนวยการและประสานการประชุม ด้วยดี โดย เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอคำเขื่อนแก้ว
ประธานการประชุมโดย พญ.ดุสิตา ชนะชัยวิบูล์วัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาชนะชัย
ผู้ร่วมประชุม ประกอบด้วย
นาย วิระมิตร บุญโถน สาธารณสุขอำเภอ มหาชนะชัย 
นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว     
พญ.เพชรวันชัย จางไววิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว
นาย ณัฐวุฒิ จันทร์สว่าง สาธารณสุขอำเภอค้อวัง         
นพ.ภาณุพันธุ์   ธนปฐมสินชัย          ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค้อวัง
นายศักดา ผาจำปา ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอค้อวัง
ภก.กาญจนพงษ์   เพ็ญทองดี เภสัชกรชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว
นางประภัสสร ทองศิริรัตน์ หัวหน้ากลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลมหาชนะชัย
นายทรงพล   พลไชย        นักวิชาการสาธารณสุข       ชำนาญการ         โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว
นางจำเนียร สนามทอง หัวหน้ากลุ่มบริหาร โรงพยาบาลมหาชนะชัย
นางอริยวรรณ   จันทร์สว่าง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว
                   มติที่ประชุม ทั้ง 3 CUP จะพัฒนางานสาธารณสุข ใช้งบประมาณร่วมกัน จำนวน 300,000 บาท(สามแสนบาทถ้วน) โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ เรื่อง PCHA ภายใต้หลักคิด 5 เรื่องUCARE ของ DHS คือ
  DHS ทั้ง 5 องค์ประกบนั้น จำกันง่ายๆ ก็ ให้ ใช้คำว่า UCARE
U: Unity team
C: Community Participation
A: Appreciation
R: Resource Sharing ( หรือ Development and Resource Sharing ผ่านกระบวนการ KM CBL R2R)
E: Essential Care
            ทำ DHS ให้ครบ 5 องค์ประกอบ U CARE และ ผลงาน หรือผลลัพธ์ ที่ได้ ก็จะ CARE YOU
รายละเอียด เพิ่มเติม ที่ นี่  

http://ptjsw.blogspot.com/2013/07/18-192556-odopdhsucare.html









30 ตค.2556: บุญ บุญ หล่นทับ ประชุม ผอ.รพ.สต.

30 ตค.2556: บุญ บุญ หล่นทับ ประชุม ผอ.รพ.สต.
วันที่ 30 ตุลาคม 2556 ผม นายพันธุ์ทอง  จันทร์สว่าง  
            ขอบคุณคนที่เตือสติ ในเรื่องดีดี วันนี้ คุณ อุ๊ จากก กทม.
ภาคบ่ายวันนี้มีประชุม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง
เรื่อง การป้องกันและแก้ไขปัญหาเบาหวานความดันโลหิตสูง
ณ ห้องประชุมม่านเมฆา สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว
ประธานการประชุมโดย นายวิทยา  เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว
วาระก่อนการประชุม เรื่องการทำบุญประเพณี
            กฐิณ อำเภอคำเขื่อนแก้ว ๖ พย.๕๖ วัดนาเวียง
            ด้วย นายสมเพชร  สร้อยสระคู นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว และคณะ กำหนดการทำบุญกฐินสามัคคี ประจำปี ๒๕๕๖ โดยมีกำหนดทอดถวายกฐิน ณ วัดบ้านนาห่อม ตำบลนาคำ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
ในวันพุธที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จึงขอเชิญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง และบุคลากรในสังกัดร่วมกิจกรรมดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน
            กฐิณ สสจ.ยส. ๑๐ พย.๕๖ วัดนาเวียง
ด้วยนายแพทย์สุใหญ่ หลิ่มโตประเสริฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร และคณะ กำหนดการทำบุญกฐินสามัคคี ประจำปี ๒๕๕๖ โดยมีกำหนดทอดถวายกฐิน ณ วัดบ้านนาเวียง ตำบลกู่จาน อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จึงขอเชิญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง และบุคลากรในสังกัดร่วมกิจกรรมดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน
            วาระการประชุมที่สำคัญคือ การป้องกันและแก้ไขปัญหาเบาหวานความดันโลหิตสูง
มติการประชุม
            ให้ทุกหน่วยบริการ ปฏิบัติงาน เพื่อลดปัญหาเบาหวานควมดันโลหิตสูง ในเขตรับผิดชอบ โดยวิธีการต่างๆที่หมาะสมในแต่ละพื้นที่

ให้คณะกรรมการผู้รับผิดชอบ จัดนิทรรศการ การสาธิตเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ให้กับประชาชน ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 ณ โรงเรียนคำเขื่อนแก้วชนูปถัมภ์ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ในวันที่ มีกิจกรรม หน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว 

10/29/13

25 ตค.2556: ผักหวานกับ แค นา คู่กัลยาณมิตร_กระสัง_คำเขื่อนแก้ว

25 ตค.2556: ผักหวานกับ แค นา คู่กัลยาณมิตร_กระสัง_คำเขื่อนแก้ว
วันที่ 25ตุลาคม 2556 ผม นายพันธุ์ทอง  จันทร์สว่าง  และคณะ จากเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอคำเขื่อนแก้ว
เข้าร่วม เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการการปฏิบัติงานป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานความดันโลหิตสูง ณ ห้องประชุมม่านเมฆา สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว
วิทยากร โดย นพ.สมชาย ธรรมสารโสภณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
จัดเวที ด้วยดี โดย นายวิทยา  เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว
นางอภิญญา บุญถูก หัวหน้างานควบคุมโรคไม่ติดต่อ สสอ.คำเขื่อนแก้ว
ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมเวที ประกอบด้วย แพทย์หญิง เพชรวันชัย จางไววิทย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว และคณะ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง
ผู้รับผิดชอบงาน ป้องกันและควบคุทมโรคไม่ติดต่อ จาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง กว่า ๖๐ คน

 จัดการความรู้สู่ระบบสุขภาพที่เป็นธรรม
            การปฏิบัติเพื่อให้มีสุขภาพดีนั้น มีหลากหลายวิธีมาก ชาวบ้าน ในหมู่บ้านต่างๆล้วนมีวิธีการที่หลากหลายและแตกต่างกัน ซึ่งล้วนเป็นวิธีการที่ดีๆกันทั้งนั้น เพียงแต่พวกเรา ที่ปฏิบัติงานในวงการสาธารณสุขยังมองไม่ครอบคลุม โยเฉพาะแพทย์ ถูกเบ้าหลอม ให้มองไปในทิศทางของชาวตะวันตก ซึ่ง ผมเรียกว่า แบบม้าลำปาง จนลืมมองบริบทอื่นๆของระบบสุขภาพ หากปฏิบัติตามระบบการแพทย์ตะวันตก ทุกอย่างดีจริง ประเสริฐจริง แล้ว ทำไม แพทย์จึงมีอายุเฉลี่ยเพียง 53 ปี ขณะที่ ชาวบ้านทั่วไป อายุเฉลี่ย เกือบ 70 ปี ทั้งๆ ที่แพทย์ รู้ทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับความรู้ด้านสุขภาพ ฉะนั้น จึงอยากให้พวกเราคิดในอีกมิติหนึ่งว่า ยิ่งเราให้ความสำคัญ กับ การให้บริการสุขภาพที่ทันสมัยมากขึ้นเท่าไร ในอีกฟากฝั่งหนึ่ง คือการช่วยตนเอง การพึ่งตนเอง ด้านสุขภาพ ของประชาชน ยิ่งถูกทำลายลง พวกเราไม่รู้หรอกว่า การปลูกผักหวาน นั้น สามารถให้เจริญเติบโตง่ายๆ โดย ปลูกต้นแคนาต้นเตี้ยก่อน แล้วจึงปลูกผักหวานลงไป ใต้ร่มเงาแค นั้น ไม่นาย ผักหวานก็จะเจริญเติบโต ไปพร้อมๆกับ แคนา นั่นเอง ณ วันนี้ ผมดีใจมาก ที่พวกเรา ชาว คำเขื่อนแก้ว ได้ ให้ความสำคัญ กับการสร้างสุขภาวะ ให้กับคนในพื้นที่ต่างๆ อำเภอกระสัง กับ อำเภอคำเขื่อนแก้ว ขอเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ในการสร้างระบบสุขภาพ ที่มุ่งเน้นการพึ่งตนเอง ของประชาชนให้แข็งแกร่ง ต่อไป เพราะสภาวะ ต่างๆที่มาคุกคามสุขภาพของเขานั้น พวกเขา รู้ดีที่สุด เขารู้ว่า จะมี หมี วิ่งเข้ามาหาเขาตอนไหน และจะไล่ หมี ออกไปได้อย่างไร ด้วยตัวของเขาเอง บางที เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่กำลังคุกคามพวกเราอยู่นี้ ที่เปรียบเสมือความืด อาจจะมี วิธีไล่ให้พ้นไปจากพวกเราก็ได้ เฉกเช่น มนุษย์สามารถหาวิธีไล่ ความมืด ไปได้เพียงแค่ เอื้อมมือไปเปิดสวิซท์ไฟ ก็เป็นได้ หากเราสามารถนำเอาความรู้ด้านการดูแลสุขภาพตนเองของชาวบ้าน ที่มีอยู่มากมาย มาจัดการให้เป็นระบบ ก็อาจจะเรียกได้ว่า เป็น การจัดการความรู้สู่ระบบสุขภาพที่เป็นธรรม อย่างแท้จริง

ด้วยการพึ่งพาและอาศัยกัน อย่างเป็นกัลยาณมิตร ของเรา อำเภอกระสัง กับ อำเภอคำเขื่อนแก้ว อาจจะร่วมกันค้นพบ วิธีเปิดสวิซท์ ไล่ความมืดดำของ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ในอนาคตก็เป็นได้ นพ.สมชาย ธรรมสารโสภณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระสัง กล่าว








25 ตค.2556: กฐินพ่อทองดี ขันธุรา แม่คูณ ขันธุรา บ้านอัมพวัน(ปลอดเหล้า)

25 ตค.2556: กฐินพ่อทองดี ขันธุรา แม่คูณ ขันธุรา บ้านอัมพวัน(ปลอดเหล้า)
วันที่ 25ตุลาคม 2556ผม นายพันธุ์ทอง  จันทร์สว่าง และคณะ เข้าร่วม อนุโมทนาบุญ
งานทำบุญกฐิน ๒ กอง ณ บ้านอัมพวัน ตำบลดงแคนใหญ่ ( บ้านคุณรัศมี โซ่เงิน)
ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ดี ของ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร คือ บุญกฐินปลอดเหล้า ที่ทุกหมู่บ้านในทั้งอำเภอได้ปฏิบัติติดต่อกันมาเป็นเวลา กว่า 5 ปีแล้ว
กองที่ ๑ อุทิศส่วนกุศล ให้แด่ คุณพ่อทองดี ขันธุรา (บิดาผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว)
กองที่ ๒ อุทิศส่วนกุศล ให้แด่ คุณแม่คูณ ขันธุรา (มารดาที่ล่วงลับไปแล้ว

วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตั้งกองบุญกฐิน ณ บ้านเลขที่ ๒๒ หมู่ที่ ๑๑ บ้านอัมพวัน ตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเขื่อนแก้ว
จังหวัดยโสธร  ลางคืนมีมหรสพสมโภช
วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ กองที่ ๑ ทอดถวายกฐิน ณ วัดอัมพวัน ตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเขื่อนแก้ว
กองที่ ๒ ทอดถวายกฐิน ณ วัดบ้านหนองเทา ตำบลนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว

เจ้าภาพโดย
นางกี ศิลารักษ์  นายทองคำ ศิลารักษ์
นางรัศมี โซ่เงิน  นายบัญชา โซ่เงิน
นางราตรี นิลพาด  นายนิรันดร์ นิลพาด
นายเสมาทองคำ ขันธุรา
นส.นฤชา ขันธุรา

พร้อมลูกหลานและญาติพี่น้อง ทุกคน

25 ตค.2556: กฐินแม่สมร ทองทา พ่อสา ทองทา_บ้านนาถ่ม(ปลอดเหล้า)

25 ตค.2556: กฐินแม่สมร ทองทา พ่อสา ทองทา_บ้านนาถ่ม(ปลอดเหล้า)
วันที่ 24ตุลาคม 2556ผม นายพันธุ์ทอง  จันทร์สว่าง และคณะ เข้าร่วม อนุโมทนาบุญ กับ ครอบครัว
คุณพ่อ สา ทองทา (คุณพ่อ ของ นางโสภิดา  พลไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาคำ)
ณ บ้าน นาถ่ม  ซึ่ง เป็น งานทำบุญมหากฐิน ๒ กอง  ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ดี ของ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร คือ บุญกฐินปลอดเหล้า ที่ทุกหมู่บ้านในทั้งอำเภอได้ปฏิบัติติดต่อกันมาเป็นเวลา กว่า 5 ปีแล้ว

กองที่ ๑ อุทิศส่วนกุศล ให้แด่ คุณแม่สมร ทองทา (มารดาผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว)
กองที่ ๒ อุทิศส่วนกุศล ให้แด่ คุณพ่อสา ทองทา (บิดาผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่)
ตั้งกองบุญมหากฐิน ณ บ้านเลขที่ ๘๓ หมู่ที่ ๑๒ บ้านาถ่ม ตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตั้งกองบุญมหากฐิน ณ บ้านเลขที่ ๘๓ หมู่ที่ ๑๒ บ้านาถ่ม บ้านบกน้อย อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นวันรวม กลางคืนมีมหรสพสมโภช
วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ทอดถวายองค์มหากฐิน ณ วัดนาถ่ม ตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเขื่อนแก้ว


คำอนุโมทนาบุญ จากเจ้าภาพ "ขออนุโมทนาบุญแด่ทุกๆท่านนะครับ บุญกุศลที่ท่านทำด้วยใจบริสุทธิ์ ขออำนาจแห่งสิ่งศักดิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวจงประสบแต่ความสุข ความเจริญเทอญ"






เจ้าภาพโดย
คุณพ่อสา ทองทา
นางสุภาภรณ์ บุญสุข นายเปลี่ยน บุญสุข
นางโสภิดา พลไชย นายทรงพล พลไชย
นายเกียรติกร ทองทา นางวงเดือน ทองทา
นส.จุฑารัตน์ ทองทา
นส.ประนมพร บุญสุข

พร้อมลูกหลานและญาติพี่น้อง ทุกคน

24 ตค.2556: พระสังฆราชกราบ­ผ้าอาสนะ_ธรรมะน่ารู้

24 ตค.2556: พระสังฆราชกราบ­ผ้าอาสนะ_ธรรมะน่ารู้
วันที่ 24ตุลาคม 2556 : พระสังฆราชกราบ­ผ้าอาสนะ_ธรรมะน่ารู้

วันนี้สื่อต่างๆทั้งในและต่างประเทศ เผยแพร่ ข่าว สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สิ้นพระชนม์
สิริอายุพระองค์ท่าน ๑๐๐ ปี ๒๑ วัน  
รัฐบาล ฯพณฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศ ให้ข้าราชการลูกจ้าง พนักงานของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ไว้ทุกข์ มีกําหนด ๓๐ วันตั้งแต่วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ผมประทับใจ บทความที่เผยแพร่ หัวข้อ สมเด็จพระสังฆราชกราบ­ผ้าอาสนะ
ซึ่งมีที่มาจาก อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรท์ และศิลปินแห่งชาติ ชาวกาญจนบุรี จังหวัดเดียวกับบ้านเกิดของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้เล่าที่มาที่ไปของผ้าอาสนะไว้ว่า
            สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เคยตรัสว่า "เมื่อสมัยยังมีชีวิตอยู่โยมมารดากิมน้อยเย็บผ้าอาสนะจากเศษผ้าชิ้น­เล็กชิ้นน้อยนำไปถวายพระลูกชายคราใดที่พระสังฆราชคิดถึงโยมมารดาก็จะกราบ­ผ้าผืนนี้ผ้าอาสนะจึงเป็นสัญลักษณ์ของสายใยแห่งความ­รักระหว่างแม่กับลูกและความกตัญญูกตเวทีซึ่งเป็นคุณธรรมที่สำคั­ญยิ่ง"
และท่านได้แต่ง บทกวี อันไพเราะ ไว้ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2556 เดือนที่แล้ว นี่เอง ข้อความว่า
"ที่นี่" ที่อาสนะพระสังฆราช 
"ที่นี่" ที่ประกาศพระศาสนา 
"ที่นี่" ที่ประทับขวัญกตัญญุตา
"ที่นี่" ที่ผืนผ้า บูชาพระองค์ 
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ๑๕/๙/๒๕๕๖
สมเด็จพระสังฆราชกราบ­ผ้าอาสนะ
            พระ ดร. อนิล ผู้ช่วยเลขาฯ สมเด็จฯ ท่าน เล่าว่า วันหนึ่ง สมเด็จฯ ท่านเรียกเข้าพบ ให้หาผ้าอาสนะผืนนั้นว่า หายไปไหน”  ท่านอนิลเคยเห็นอยู่ไม่รู้ความสำคัญ คิดว่าเป็นเศษผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำไป
สมเด็จฯ ท่านถึงกริ้ว บอกว่า ผ้านี้เป็นของสำคัญของที่นี่ เป็นผ้าที่โยมแม่ทำให้ ที่นี่ คิดถึงโยมแม่ก็ได้กราบผ้าผืนนี้เป็นประจำ
ร้อนถึงท่านอนิลต้องรื้อถังขยะกลางของวัด ก็ไม่พบ ปรากฏว่า ผ้าผืนนั้นค้นพบซ้อนๆ อยู่ในกองเศษผ้าตรงซอกใต้ที่ประทับของสมเด็จฯ ท่าน นั้นเอง เวลานี้ ผ้าอาสนะผืนนี้ก็ยังเก็บไว้อย่างดีอยู่ เป็นผ้าปะชุนกว้างราวศอกเศษ ยาวราวสองศอก สมเด็จฯ ท่านใช้สรรพนามแทนพระองค์ว่า ที่นี่กับผู้ใกล้ชิดโดยตลอด   คำนี้มี นัยยะสำคัญลึกซึ้ง
ผ้าอาสนะผืนนี้จึงเป็นผ้ามงคล สะท้อนถึงความผูกพันความเทิดทูนถึง  แม่ผู้ล้ำเลิศของลูก
คัดจาก : ความเลิศล้ำและล้ำเลิศ”  โดย อาจารย์ เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์  หน้า ๕๙ หนังสือมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ ๒๗ ก.ย. - ๓ ต.ค. ๒๕๕๖  ขอบพระคุณที่เผยแพร่โดย


พระสังฆราช สิ้นพระชนม์
            ทั้งนี้ วันนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ออกแถลงการณ์เรื่องพระอาการประชวรของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขณะประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ฉบับที่ 9” โดยเนื้อหาแถลงการณ์ระบุว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษารายงานว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระอาการโดยรวมทรุดลง ได้สิ้นพระชนม์ลงแล้ว เมื่อเวลา 19.30 น.สาเหตุเนื่องจากการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จะออกแถลงการณ์เฟซบุ๊กแฟนเพจ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชได้โพสต์ คำอธิษฐานถวายพระพร
ขอถวายบุญกุศลทั้งปวงที่บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน ณ วินาทีนี้แด่เจ้าพระคุณฯสมเด็จพระสังฆราช
       ขอรวมกุศลทั้งปวงเป็นแสงสว่างไสวใสบริสุทธิ์ถวายจิต แห่งพระองค์ท่านให้ยิ่งสว่างไสวผ่องแผ้วยิ่งๆ ขึ้นไป
       สิ่งใดทางกาย วาจา ใจที่อาจมีล่วงเกิน ทั้งรู้และไม่รู้ตัว ข้าพเจ้ากราบขอขมากรรมทั้งหมด ขอโมทนากุศลทุกสิ่งที่ทรงปฏิบัติมา และจะทรงบำเพ็ญต่อไป ไม่ว่าจะอยู่ในพระสังขารหรือใดๆ ขอพระรัตนตรัยโปรดชี้นำและเปิดทางสว่างให้ข้าพเจ้าขอปฏิบัติธรรม เดินจิตได้ถูกธรรม เพื่อให้สมเป็นผู้เดินตามรอยธรรมของพระผู้ประเสริฐและงดงามพระองค์นี้ด้วย เทอญ

       คนดี แสนดี ส่งข้อความที่ประทับใจว่า ขอพระองค์ทรงพระดำเนินยังทรวงสวรรค์สถิตในดวงใจของปวงพุทธศาสนชนทั่วกาลนานเทอญ

24 ตค.2556: ยโสธร_เตรียมข้อมูลลูกจ้างบรรจุ_พกส.ตาม หนังสือ ว.815

24 ตค.2556: ยโสธร_เตรียมข้อมูลลูกจ้างบรรจุ_พกส.ตาม หนังสือ ว.815
วันที่ 24ตุลาคม 2556ผม นายพันธุ์ทอง  จันทร์สว่าง เข้าร่วม ประชุม เรื่องการบริหารงานบุคคล(ลูกจ้าง)
ณ  ห้องประชุมพญาแถน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร
ประธานการประชุม โดย นายแพทย์สุใหญ่ หลิ่มโตประเสริฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร
ผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย นพ.จักราวุธ จุฑาสงฆ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร (นายแพทย์เชี่ยวชาญ)
และผู้รับผิดชอบ จาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร  โรงพยาบาลยโสธร โรงพยาบาล และ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอทุกแห่ง
ทั้งนี้เป็นการประชุม เพื่อรองรับการปฏิบัติงานตามหนังสือกระทรวงสาธารณสุข ที่ สธ. ๐๒๐๑.๐๓๔ / ว.๘๑๕  ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖
            มติการประชุมที่สำคัญ  อาทิเช่น
1.     หน่วยบริการทุกหน่วยที่จะจ้างบุคลากรทุกตำแหน่ง ต้องขออนุมัติ จากคณะกรรมการบริหารกำลังคนระดับจังหวัด
ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกรอบอัตรากำลังตามโครงสร้าง ของหน่วยงานนั้นๆ
2.     ลูกจ้างโครงการ Health Check ทั้งนักวิชาการสาธารณสุข   และ พนักงานขับรถยนต์ ให้จ้างเป็นการจ้างเหมาบริการ รายเดือน
3.     ลูกจ้างโครงการแพทย์แผนไทย 3 ตำแหน่ง (ป่าติ้ว กุดชุม  เมือง) เดิม ออกคำสั่งที่ จังหวัด เพราะกรมแพทย์ฯ โอนเงินให้จังหวัด มอบอำนาจให้ ผู้ว่าฯ ปี งปม. 2557 เริ่ม 1 ตุลาคม 2556 สปสช . จะโอนตรงไปที่โรงพยาบาลฉะนั้นให้จ้างโดยเป็นลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุงโรงพยาบาล เพราะลูกจ้างโครงการพิเศษ ไม่มีคุณสมบัติ รับเข้าเป็น พกส. เพราะไม่ได้จ้างจากเงินบำรุง(จ้างจากเงินสนับสนุนจากกรม)
4.     อัตราจ้างลูกจ้างชั่วคราว จ้างเหมา รายเดือน ให้ใช้อัตรา  เดือนละ 6,900 บาท โดยมีฐานคิดจาก อัตรา 300 บาทต่อวัน ตามยโยบายรัฐบาล คิดเดือนละ  23 วันทำการ
5.     การเพิ่มค่าจ้าง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2556  ให้เพิ่มจากอัตราเงินเดือน ณ 1 พฤษภาคม 2556 ในอัตราร้อยละ 6 โดยเมื่อคำนวณแล้ว หากตัวเลขไม่ลงท้ายด้วย เลข สิบ ให้ปรับขึ้นเป็นเลขสิบ ดังนี้
กลุ่มที่ 1  ลูกจ้างที่ยังเงินเดือนไม่ถึงขั้นต่ำ ให้เพิ่มค่าจ้าง ร้อยละ 6
กลุ่มที่ 2  ลูกจ้างที่เพิ่ม ร้อยละ 6 แล้ว เกินขั้นต่ำไป ให้ปรับเป็นไม่เกินขั้นต่ำ( ได้จริงอาจไม่ถึงร้อยละ6 )
กลุ่มที่ 3  คนที่เงินเดือนเกินขั้นต่ำแล้ว ให้ ได้ไม่เกิน อัตราขั้นต่ำ  ตามหนังสือ ที่ ว.815 ( ลดเงินเดือน )
6. พยาบาลวิชาชีพ จบ สถาบันไหนก็ตาม ถือ เป็น นักเรียนทุนหมด
7. การประเมินนักวิชาการสาธารณสุขพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ต้องยึดถือตามหลักเกณฑ์ ที่ สธ. กำหนด กับสถาบันที่ร่วมผลิต นักวิชาการสาธารณสุขในสมทบ คือ ผู้ที่จบ จากสถาบันบรมราชชนก สังกัดกระทรวงสาธารณสุขและวิทยาลัยสมทบอีก 5 แห่ง  
            บัญชีค่าจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ขั้นต่ำ ขั้นสูง รายละเอียดตามภาพ


ชะลอ ชะลอการจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุข
            ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ออกหนังสือด่วนที่สุดที่ สธ 0201.304/815 ที่ สธ. ๐๒๐๑.๐๓๔ / ว.๘๑๕  ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ เรื่อง ชะลอการจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ถึงอธิบดีทุกกรม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้อำนวยการสำนักและหน่วยงานในสังกัดสำนักปลัดสาธารณสุข แพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ผู้อำนวยการวิทยาลัยทุกแห่ง ลงนามโดยนายวชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข
           โดยเนื้อหาในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างพนักงานกระทรวงสาธารณสุขผู้ได้รับปริญญา ประกาศนียบัตรชาชีพที่ ก.พ.รับรองคุณวุฒิแล้ว หรือผู้มีทักษะประสบการณ์ เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2556 โดยอ้างถึงรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขครั้งที่ 5/2556 วันที่ 9 กันยายน 2556 มีรายละเอียด ดังนี้
         ตามที่คณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุข จัดให้มีการประชุมเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2556 โดยได้พิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเรื่องต่าง ๆ จำนวน 7 ฉบับโดยมติที่ประชุมได้กำหนดกลักการไว้ดังนี้
        1. ชะลอการจัดทำสัญญาจ้างและให้ส่วนราชการ (กรม) เร่งรัดทำกรอบอัตรากำลังคนในภาพรวม โดยให้ดำเนินการแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 เพื่อเสนอคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขขอนุมัติ และ แจ้ง อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุขทราบตามข้ออ 9 และ 29 วรรค 2 ของระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยพนักงานกระทรวงสาธารณสุขพ.ศ.2556
        2. จัดลูกจ้างชั่วคราวที่ผ่านการประเมินเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้กรอบอัตรากำลังคนที่กำหนดไว้ตามข้อ 1 โดยให้อยู่ภายในกรอบวงเงินไม่เกินร้อยละ 10 ของค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวในภาพรวมของเครือข่ายบริการระดับเขตได้ รวมถึงการเยียวยาสำหรับผู้ได้รับค่าจ้างลดลง สัญญาจ้างให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2556 และจะดำเนินการได้เมื่อเครือข่ายบริการระดับเขตอนุมัติแล้ว ส่วนลูกจ้างชั่วคราวรายใดที่ประเมินไม่ผ่านหรือตำแหน่งที่เกินกรอบอัตรากำลังตามข้อ 1 หน่วยบริการสามารถจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุงลักษณะอื่นได้ เช่น รายวัน รายคาบ จ้างเหมาบริการหรือรายเดือนต่อไปได้ ซึ่งการบริหารค่าจ้างให้อยู่ภายในกรอบวงเงินร้อยละ 10 ข้างต้น ทั้งนี้ขอให้ดำเนินการคัดเลือกลูกจ้างชั่วคราวที่ผ่านการประเมินเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุขโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการทำงานอย่างแท้จริง
              3. ให้ยกเลิกบัญชีค่าจ้างแนบท้ายประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เรื่องค่าจ้างของพนักงานกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2556 ทั้งบัญชีแนบท้าย 1 และ 2 แล้วให้ใช้บัญชีค่าจ้างใหม่ตามที่ส่งมาด้วย
              4. การได้รับค่าจ้างของพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2556 กำหนดให้ได้รับอัตราค่าจ้างไม่เกินขั้นต่ำของบัญชีแนบท้ายตามข้อ 3 (กลุ่มเทคนิคที่เป็นสายงานวิชาชีพ และกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ อัตราค่าจ้างตามบัญชีที่ส่งมาด้วย เป็นอัตตราที่ได้เพิ่ม 1.2 เท่า จากอัตราเงินเดือนที่เป็นสายงานเดียวกัน โดยมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริหารกำลังคนระดับจังหวัดหรือเรียกชื่ออย่างอื่นของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เป็นผู้กำหนดและเสนอเครือข่ายบริการระดับเขตให้ความเห็นชอบ
             5. ลูกจ้างชั่วคราวที่ไม่แสดงเจตนาเข้ารับการประเมินเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข หากขณะนี้ประสงค์จะแสดงเจตนาเข้ารับการประเมินให้สามารถทำได้ และส่วนราชการดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเรื่องหลักเกณฑ์ว่าด้วยการประเมินลูกจ้างชั่วคราวเข้าสู้ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุขพ.ศ.2556
              6. การบริหารจัดการในภาพของกรมต่างๆ และวิทยาลัยในสังกัดในสถาบันพระบรมราชชนก ให้ถือปฏืบัติตามหลักการข้างต้น      
       ในการนี้ขอให้ส่วนราชการในสังกัดได้ถือปฏิบัติตามมติคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขข้างต้น
              อนึ่งการจ้างงานของลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุงขณะนี้ยังคงให้ถือปฏิบัติตามหนังสือสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ สธ 0201.479 ลงวันที่ 30 เม.ย. 2556 ต่อไป สำหรับลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุงที่มีการจ้างงานไว้ในขณะนี้ หากรายใดไม่ผ่านการประเมินหรือไม่แสดงเจตนาเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ให้หน่วยบริการพิจารณาการจ้างตามมติคณะกรรมการบริหารพนักงานกระทรวงสาธารณสุขในข้อ 2 ส่วนผู้ที่ผ่านการประเมินเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ต้องจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปีตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยไม่มีการปรับค่าจ้างคงรับค่าจ้างอัตราเดิมไปพลางก่อน และให้หน่วยบริการมีคำสั่งจ้างลูกจ้างชั่วคราวข้างต้น ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 จนกว่าการจัดทำกรอบอัตรากำลังคนในภาพรวมจะแล้วเสร็จ

นักวิชาการสาธารณสุขในสมทบวิทยาลัยสมทบอีก 5 แห่ง มีที่ใดบ้าง
ปกติแล้ว ถ้าเรียน วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร หรือ วสส. จะเรียนหลักสูตรไหน ก็ไม่ตกงาน เพราะถือว่าเป็น
นักเรียนทุน ของกระทรวงสาธารณสุข จบ แล้วจะได้วุฒิ ประกาศนียบัตรชั้นสูง ( ปวส.)
ส่วนมากแล้ว วสส. แต่ละแห่ง จะ เปิดสอน 3 หลักสูตร คือ
1หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงสาธารณสุขศาสตร์ (สาธารณสุขชุมชน)
2หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาธารณสุขศาสตร์ (ทันตสาธารณสุข)
3หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาธารณสุขศาสตร์(เทคนิคเภสัชกรรม)
            รวมทั้ง หลักสูตร อื่นๆ ที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุขกาญจนาภิเษก
ผลิต เช่น หลักสูตร ปริญาตรี เปิด  การแพทย์แผนไทยบัณฑิต สาขาการแพทย์แผนไทย
หลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์บัณฑิต สาขาเวชระเบียน
หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพเช่น
ประกาศนียบัตรวิชาชีพแพทย์แผนไทย
ประกาศนียบัตรวิชาชีพเวชระเบียน
ประกาศนียบัตรวิชาชีพโสตทัศนศึกษาทางการแพทย์
ต่างก็ถือเป็นนักเรียนทุน ของกระทรวงสาธารณสุข จบหลักสูตรเหล่านี้แล้ว ก็ไม่ตกงานเช่นกันครับ
            แต่ มี วสส. บาง แห่ง ผลิต บัณฑิต ในระดับปริญาตรี หลักสูตร วิทยาศาสร์บัณฑิต(วทบ.) หรือ สาธารณสุขศาสตร์บัณฑิต(สบ.) ตามปริญญาที่ได้จาก สถาบัน ที่ร่วมผลิต กับ วสส. แห่งนั้นๆ แต่ทั้ง วทบ. หรือ ส.บ. เป็น
นักสาธารณสุข ทั้งสองวุฒิ เมื่อไปปฎิบัติงาน จะได้รับการบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งเหมือนกันคือ "นักวิชาการสาธารณสุข" วทบ.สาธารณสุขชุมชน มีสอนที่ วสส.ยะลา วสส.ยะลาเป็นสถาบันสมทบของ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ซึ่งไม่มีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มีแต่คณะวิทยาศาสตร์ เลยได้วุฒิ วิทยาศาสร์บัณฑิต(วทบ.) ตามสถาบันสมทบ(เนื่องจาก วสส.ไม่สามารถประสาทปริญญาเองได้)
วสส.ชลบุรี เป็น สาธารณสุขศาสตรบัณฑิต (ส.บ.) สมทบกับ มหาวิทยาลัยมหิดล
วสส.พิษณุโลก เป็นสถาบันสมทบของ มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงได้วุฒิ สาธารณสุขศาสตร์(สบ.)ของคณะสาธารณสุขศาสตร
สรุปว่า ได้วุฒิ ส.บ. หรือ วทบ. ส่วนหนึ่งมาจาก การเป็นสถาบันสมทบของมหาวิทยาลัย ซึ่งหากสถาบันนั้นมีคณะ สาธารณสุขศาสตร ก็ได้วุฒิ ส.บ. หากเป็นคณวิทยาศาสตร์ ก็ได้วุฒิ ว.ทบ.