4/15/09
ฉากจบของพระเอก (จากการจราจลของคนเสื้อแดง)
http://www.thairath.co.th
ปีที่ 60 ฉบับที่ 18712 วันพุธ ที่ 15 เมษายน 2552
ฉากจบของพระเอก
ขนาดสื่อยักษ์ฝรั่งยังเชียร์สุดลิ่มทิ่มประตู
นิตยสารไทม์สออกบทวิเคราะห์สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศ ไทย ที่นำไปสู่การก่อจลาจล และรัฐบาลต้องใช้กำลังทหารเข้าปราบปราม ฟันธง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีชัยชนะเหนือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
ในการทำสงครามสื่อสารมวลชนอย่างชัดเจน
รวมทั้งยังสามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นจากภาวะอนาธิปไตยมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งที่เพียงไม่กี่วันก่อนหน้านี้เกือบจะเพลี่ยงพล้ำทำให้ประเทศไทยต้องกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าผู้นำประเทศคนอื่นในทวีปเอเชีย จากเหตุวุ่นวายในการจัดประชุมอาเซียน +3
โดยการมีชัยชนะเหนือ พ.ต.ท.ทักษิณในสงครามสื่อครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า นายกฯอภิสิทธิ์ สามารถตอบโต้ข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณในเรื่องการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง และเรื่องการกล่าวอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุวุ่นวายในกรุงเทพฯได้ในทุกประเด็น
ซ้ำร้าย ในการให้สัมภาษณ์สดตอบโต้กันผ่านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและบีบีซี นายกฯอภิสิทธิ์ สามารถตอบคำถามได้อย่างมีเหตุมีผล อดทน และชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งแตกต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตอบคำถามอย่างเลื่อนลอยและไม่น่าเชื่อถือ
สื่อฝรั่งให้คะแนนม็อบเสื้อแดงแพ้ขาด
ในอารมณ์รับมุกกับสื่อไทยที่รายงานสถานการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน รัฐบาลบัญชาการทหารสลายม็อบเสื้อแดงได้อย่างมีประสิทธิผล แถลงพอใจยุทธการสลายม็อบไร้คนตาย เป็นความภูมิใจของนายกฯอภิสิทธิ์ที่กู้สถานการณ์ได้อย่างนุ่มนวล
ขณะเดียวกันก็เร้ากระแสตีกลับ ชาวบ้านไม่พอใจม็อบเสื้อแดงปิดถนน เผาเมือง สร้างความเดือดร้อน ตั้งกองกำลังออกมาช่วยรัฐบาลลุยกับม็อบเสื้อแดง
ตบมือให้กำลังใจทหาร
และโดยอาการถอยร่น ท่ามกลางกองกำลังทหารพร้อมรถถัง รถหุ้มเกราะเคลื่อนพลเข้าบีบพื้นที่การชุมนุมรอบทำเนียบรัฐบาล
ช่วงเที่ยงของวันที่ 14 เมษายน นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำม็อบ นปช. ได้ประกาศมติสลายการชุมนุม อ้างคนเสื้อแดงอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบในวงล้อมทหาร ถูกบล็อกไม่ให้แนวร่วมเข้ามาเสริมกำลังผู้ชุมนุม และมีการแทรกซึมของกลุ่มคนที่ส่งเข้ามาป่วนสถานการณ์ ทำลายความชอบธรรมของคนเสื้อแดง
กระแสเพลี่ยงพล้ำ พลาดพลั้งในเกมรบ
คนเสื้อแดงถูกประทับตรา “จำเลยสังคม” เจ็บทั้งตัวและใจ ในสถานะ “ม็อบอาภัพ”
“อภิสิทธิ์” คุมเกมส่วนใหญ่ไว้ได้
แต่ในอารมณ์ของผู้ชนะ จะกุม “ความชอบธรรม” ได้ในระดับใด กับบทยักษ์ถืออาวุธครบมือ มี พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเป็นกระบอง พร้อมทหารหลายสิบกองพันเป็นกองกำลังสู้กับประชาชนมือเปล่า
ไม่นับความได้เปรียบในการยึดจอสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีทั้ง 6 ช่อง ที่เป็นของรัฐบาลและทหาร ออกอากาศสดชี้แจงสถานการณ์เป็นรายชั่วโมง อัดข้อมูลสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายรัฐบาล
ในทางตรงกันข้ามก็สั่งทหารตัดสัญญาณดาวเทียม ปิดจอทีวีดีสเตชั่น และวิทยุชุมชนของฝ่ายม็อบเสื้อแดงไม่ให้ออกอากาศสื่อสารกับแนวร่วม
ปิดประตูทุบแมว
และก็เป็นอะไรที่ “เต็มตัว” นับตั้งแต่ยุคอดีตของพรรคประชาธิปัตย์ “อภิสิทธิ์” เป็นหัวหน้าพรรค ที่อยู่ในวงห้อมล้อมของเหล่าขุนทหาร แนบเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างเนียนๆ นั่งหัวโต๊ะแถลงข่าวรายงานการบัญชาเกมทหารสลายม็อบคนเสื้อแดง
โดยมีรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์นั่งหน้าสลอน
แม้แต่ทหารอาชีพอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์-สุวรรณ รมว.กลาโหม ยังนั่งก้มหน้าก้มตา ในขณะที่ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก นั่งหลบกล้องอยู่ มุมห้อง เหมือนไม่อยากโชว์ตัว
เอาเป็นว่า ถ้าไม่ได้ช็อตที่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ “บุคคลสถานะพิเศษ” ที่โดนม็อบเสื้อแดงล้อมกรอบ สกรัมสะบักสะบอมคารถ
สถานการณ์คงไม่พลิกเข้าทาง “อภิสิทธิ์” ขนาดนี้
แต่ทั้งหมดทั้งปวงภายใต้ฉากสุดท้าย หนังใกล้จบ หลังเกมรบนองเลือด โดยสถานะของนายกฯอภิสิทธิ์ที่กำชัยเหนือกว่าในยกนี้จะได้ทีลากยาวอำนาจ ยื้ออยู่บนเก้าอี้นายกฯต่อไปในมาดของพระเอกข่มผู้ร้าย ภายใต้ การคุ้มกันของกองกำลังทหาร ใช้ทั้งปืนและรถถังลุยกดหัวคนเสื้อแดงให้แพ้อย่างราบคาบ
นั่นมันหนังไทยในอดีต.
No comments:
Post a Comment