11/28/09
เขาเป็นเพื่อนผมครับ : เรื่องจริง ที่ เป็นนิทาน ม.2 ของโรงเรียนเบ็ญฯ
วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2552 : เขาเป็นเพื่อนผมครับ : เรื่องจริง ที่ เป็นนิทาน ม.2 ของโรงเรียนเบ็ญฯ : วันนี้ภาคเช้า ผม นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ภาคเช้า ไปร่วมงานทำบุญ กับ หลวงปู่โบราณ พระอธิการอากาส อาภัสโร ที่สำนักปฏิบัติธรรมพรปิยะ บ้านไผ่ จากนั้น ไป รับลูกๆ รับประทานอาหารเที่ยง ที่ บ้านเฮา ลาบเป็ด ภาคบ่ายเข้า ประชุมผู้ปกครอง นักเรียนชั้น ม 2 ที่ โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ชื่องาน สานสายใย สานใจครูและผู้ปกครอง ซึ่ง วันนี้ ภาคบ่ายโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จัดการประชุมผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้น ม.2 เพื่อให้คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองระดับชั้นเรียนได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และระดมพลังสมอง ในการดำเนินงานจัดกิจกรรม ส่งเสริมหรือแก้ไขปัญหาพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ร่วมกัน ระหว่างบ้านและโรงเรียน ตามยุทธศาสตร์ของผู้ปกครอง ในกระบวนการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ซึ่ง พ.ต.อ. พงษ์พล พงษ์พานิช ประธานเครือข่ายระดับโรงเรียน โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ที่ว่า ดูแลลูกหลาน ประสานโรงเรียน พากเพียรเอาใจใส่ เข้าใจบทบาท ไม่ขาดการประชุม รวมกลุ่มพัฒนา สามัคคีร่วมใจ .. วันนี้ อาจารย์ เรวัติ ลัทธิมนต์ หัวหน้าระดับสายชั้น ม. 2 และ ท่านสุเทพ ปาสิกเทพย์ ได้จัดร่วมกับคณะครู ได้ดีมาก มีเวทีให้ผู้ปกครองได้เสนอแนะข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ...ผู้ปกครองต่างได้ เล่าประสบการณ์ที่ดี ที่ประทับใจและที่ควรปรับปรุง เพื่อแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ...ส่วนการประชุม กลุ่มผู้ปกครอง ชั้น ม. 2/16 คุณครูสุชาดา สิริพูน คุณครูที่ปรึกษานั้น เธอเป็นคนที่ดีมากในสายตาผม เอาใจใส่ และปรารถนาดี กับลูกศิษย์ของท่านทุกคน บุคลิคดี น่าศรัทธา เหมาะสมแล้วที่พวกเราให้ความไว้วางใจให้กับท่านและครธครุ เป็นผู้ดูแลแทนผู้ปกครองเราในหลายๆเรื่อง ... ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ผู้ปกครองประจำห้องเราวันนี้ ท่านนายแพทย์ดนัย ธีวันดา ทำหน้าที่ได้ดีมาก ผู้ปกครองที่ร่วมประชุมอาทิ นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผอ.รพ.นครพนม เป็นต้น .... บรรยากาศการประชุมรวมทุกห้องนั้น...บางคนเล่าถึงความเก่งของลูกๆ ที่สามารถสอบนั่นสอบนี่ได้ บ้าง..ส่วนที่ ผมประทับใจ คือ เหตุการณ์ ที่ผู้ปกครอง ท่านหนึ่งพูดถึง ความดี ของลูกตนเองว่า .. ลูกผมอาจจะเรียนไม่เก่ง แต่ผมประทับใจ ในสิ่งที่ลูกผมได้ทำ ... ผมจำได้แม่เลย ลูกกลับบ้านผิดเวลา เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน หากเป็นคุณ จะซักไซร้ไล่เรียงจากลูกหรือไม่...
วันแรก คุณแม่ : ทำไมกลับค่ำนักหละลูก ( ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ)
ลูกชาย : ผมไปส่งเพื่อนครับ (ตอบคุณแม่ พร้อมก้มหน้าหลบตาคุณแม่เข้าไปในบ้าน)
วันที่สอง คุณแม่ : ทำไมกลับค่ำอีกหละลูก ( ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจมากขึ้นกว่าเมื่อวาน)
ลูกชาย : ผมไปส่งเพื่อนครับ (ตอบคุณแม่ กำลังจะหลบตาคุณแม่เข้าไปในบ้าน)
คุณแม่ : เดี๋ยว ไปส่งที่ไหน เหรอ (เสียงดังขึ้นอีก)
ลูกชาย : ผมไปส่งเพื่อนที่ป้ายรถเมล์ครับ (ตอบคุณแม่ พร้อมก้มหน้าหลบตาคุณแม่เข้าไปในบ้าน)
วันที่สาม คุณแม่ : วันที่สามแล้วนะ ที่ลูกกลับค่ำ ไปไหนมา บอกแม่มาดี ( ถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น)
ลูกชาย : ผมไปส่งเพื่อนครับ
คุณแม่ : ทำไมต้องไปส่งเพื่อนที่ป้ายรถเมล์หละ (เสียงดังขึ้นอีก)
ลูกชาย : ผมถือกระเปาไปส่งเพื่อนที่ป้ายรถเมล์ครับกระเป๋ามันหนัก (ตอบคุณแม่ พลางก้มหน้าหลบตาคุณแม่เข้าไปในบ้าน)
วันที่สี่ คุณแม่ : อีกแล้วนะ กลับค่ำ พูดมาดีๆ ไปไหนมา ( ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างยิ่ง)
ลูกชาย : ผมถือกระเปาไปส่งเพื่อนที่ป้ายรถเมล์ครับ
คุณแม่ : พ่อมึงเหรอ ทำไมต้องถือกระเป๋าไปส่งทุกวัน (เสียงแบบโมโหสุดขีด )
ลูกชาย : เปล่าครับ ...แต่เพราะ เขาเป็นเพื่อนผมครับ (ตอบคุณแม่ พลางก้มหน้าหลบตาคุณแม่เข้าไปในบ้านอีก)
คุณแม่ เริ่มคิดไปต่างๆนาๆ ว่า ลูก ปกติที่ผ่านมา ไม่เคยกลับบ้านผิดเวลา แต่นี่กลับผิดเวลา ตั้ง หลายวัน ไม่กล้าซักไซ้ไล่เรียงลูกมากนักว่าเป็นเพื่อนคนไหน เพศหญิง หรือเพศชาย สำคัญอย่างไร เพราะลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่น เกรงว่าจะรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขา...หรือเขาจะเริ่มมีความรักในวัยเรียน ...
พอดี เย็นวันนั้น ทางโรงเรียนมีหนังสือมาแจ้งให้ผู้ปกครองทราบว่า วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุด ทางโรงเรียนจะขออนุญาตนำเด็กทั้งห้อง ไปทำกิจกรรม ที่วัดท่าวังหิน คุณแม่ คิดได้ว่า อย่างไร เสียวันพรุ่งนี้จะต้องไปดูให้ได้ว่า เพื่อนคนนั้นเขาหรือเธอเป็นใคร คุณแม่ก็ไปร่วมกิจกรรมที่วัดด้วย ... ลูชายดีใจมาก ที่คุณแม่ขอไปร่วมทำบุญที่วัดด้วย พาคุณแม่ไปวัดรอเพื่อนและคุณครู แต่เช้า.. เมื่อทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ทุกคน เดิน ลงมาจากศาลา
คุณแม่ : ไหนลูกเพื่อนคนกันหรือที่ลูกต้องถือกระเป๋าไปส่งเขาที่ป้ายรถเมล์ทุกวันน่ะ
ลูกชาย : คนนั้นครับ... เขา ขาหัก... บ้านเขาอยู่บ้านนอก ห่างจากนี้ไป 40 กิโลเมตร ต้องขึ้นรถเมล์ไป แล้วไปต่อรถ ที่ คิวรถครับ
ลูกชายตอบพลางชี้ไปยัง เด็กชายผิวดำแดง เดินด้วยไม้ค้ำยัน กระเผลกๆ ลงมาจากศาลา เป็นคนสุดท้าย ห่างจากเพื่อนๆ ...ขาซ้ายห้อยเฝือกขาวโพลนมองเห็นแต่ไกล
ลูกชายยังไม่ทันพูดอะไรต่อ น้ำตาคุณแม่ได้เอ่อไหล ออกมาโดยไม่รู้สึกตัว ..
นี่แหละ คือ สิ่งที่แม่ต้องการ ... มากว่าเกรดเฉลี่ย 4.00 ของเธอเสียอีก คุณแม่ พูดกับตนเองเคล้ากับน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจในตัวลูก ...
No comments:
Post a Comment