5/29/10
แปลงความดีเป็นทุน โครงการ เปลี่ยน ประเทศไทย ในอนาคต..
23 พฤษภาคม 2553 เช้าเก็บสิ่งของ หลังการจัดงาน ป้ารจนา ภาคบ่ายไป ส่งลูก หลาน ที่ อุบล พาเด็กๆไป ดู บรรยากาศ ซากเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ณ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ณ สถานที่ที่เคยเป็นดั่งทะเลเพลิง แบ่งสีแบ่งฝ่าย และท้ายสุดก็เป็นพื้นที่แห่งความสูญเสีย ทั้งทรัพย์สินและเลือดเนื้อของคนไทย ....
หลังจากที่วันนี้ ผม นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ได้ ไปเก็บภาพ ณ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี อนุสาวรีย์ แห่งความเห็นแก่ตัวของคนเพียงไม่กี่คน ที่มีศักยภาพ ทำมาค้าขายในแผ่นดินไทยผืนนี้จนร่ำรวยอภิมหาศาลแล้ว สามารถย้ายตนเองไปเป็นพลเมืองประเทศอื่นๆได้ ปัจจุบันลืมสำนึกว่าตนเองเคยเป็นคนไทยไปแล้ว จนสามารถทำลายบ้าน ทำลายเมืองได้ถึงเพียงนี้ ... บรรยากาศ เต็มไปด้วย ความสลด หดหู่ ของคนทุกเพศ วัย ทุกกลุ่มอาชีพ ต่างรำพึงถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเงินที่คนบางคนสามารถทำประโยชน์ไปได้ จากแผ่นดินไทย นำไปเก็บไว้ที่ประเทสอื่นๆ.. คงจะไม่มาก แต่ ความสูญเสียที่ไม่สามารถประมาณค่าได้ คือ ความสูญเสียทางด้านจิตใจ และ ความสูญเสีย ในการถ่ายทอด ซึมซับ การกระทำด้วยความรุนแรง เหล่านี้ ให้ลูกหลาน ของเราได้เห็น ซึ่งอาจจะใช้เวลา นายหลายสิบปี กว่าที่ความรู้สึกเหล่านี้จะลบเลือนหายไปได้
ที่ด้านหน้า มี พวงมาลา ที่นำมาสักการะ พระบรมอนุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีข้อความ ที่น่าประทับใจ ว่า กราบขอโทษ บูรพกษัจริย์-บรรพชน แทนลูกหลานที่ขาดสติ ...... ขอพระบารมีบูรพมหากษัตริย์ ปกป้องคุ้มครองชาติไทย...
...หมายเหตุ ณ ซากการเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี จะสังเกตได้ว่า...ตราครุฑ ที่ด้านหน้าซากเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ยังคงเด่น เป็นสง่า ไม่ถูกเผาไปกับอาคาร เป็นที่แปลกใจของผู้คนยิ่งนัก...
กลับถึงบ้าน ได้เห็นบทความ จาก Google Click เข้าไป พบว่า ยังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมาก ที่สามารถแสดงออกได้ในทางที่ดี ที่สร้างสรรค์ อาจจะเป็นข่าวหรือไม่ผมไม่ทราบ แต่ขอชื่นชมคนที่เขียนบทความนี้ ที่นำเสนอได้ดี ดีกว่าการนำนำเสนอ คนนั้น ว่าคนนี้ คนนี้ดาคนนั้น ซึ่งรังแต่จะร้างความแตกแยกในสังคม ... ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำตามที่ตนเองได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เมื่อยังไม่ถึงโอกาสของเรา ก็ควรรู้จัก รัก รู้จัก รอ รู้จักอดทน และรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน จะดีกว่าการที่มุ่ง อาฆาต พยาบาท ซึ่งกันและกัน เพราะเราเห็นตัวอย่างมาแล้ว ว่า ความสูญเสียนั้นเกิดกับใคร คนนั้นก็ระทมขมขื่น สุดแสนที่จะรับได้ ...ที่ผ่านมาสื่อจะนำเสนอข้อความที่ยั่วยุ เช่น ... มึง ไม่ ยุบ..กู ยึด... ... มึง ไม่ ถอน..กู เผา...Hero ... ผู้ก่อการร้ายราชประสงค์ เป็นต้น...หรือย่าง เช่นเมื่อ วันที่ 20 สำนักข่าวต่างประเทศ ลงใน YouTube จน โด่งดังไปทั่วโลก ( ในความเสื่อมเสียชื่อเสียงของชาวไทย) ข้อความว่า "ฆ่าล้างบางตระกูลชินวัตร ทรราชย์เเผ่นดิน" เสียงตะโกนจากคนโดนเผาร้านเซ็นเตอร์วัน เเละจะทำ cut out ประกาศให้โลกรู้ความระยำตระกูลชินวัตร เป็นต้น ... แต่วันนี้ บทความนี้ ผมให้ เป็น บทความที่ดี ... หาก มี Card เติมความดีได้ เติมเข้าไปให้เยอะๆนะครับ... หรือ ในอนาคต หากมีโอกาสได้เป็นผู้นำประเทศไทย.. ผมจะทำโครงการ...แปลงความดีเป็นทุน. ... จะ มีระบบ SIM CARD บันทึกคุณงามความดี ... ทำดีมากได้มาก ทำดีน้อย ได้น้อย ..สะสมไว้มากๆ นานไป สามารถ นำ ค่าคะแนนความดี ไปแปลงเป็นทุนได้ .... เป็นโครงการ...แปลงความดีเป็นทุน... ใครมีต้นทุนความดีมากๆ ไปกู้ยืมเงินไม่ต้องมีหลักทรัพย์ ค้ำประกัน ถูกจับสามารถใช้ประกันตนเองได้ เด็กๆ เรียนจบสามารถนำค่าคะแนนความดี ไปเป็นคะแนนเพิ่มได้ ข้าราชการ สามารถนำค่าคะแนนความดีประกอบการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งได้ เป็นต้น...
ตัวอย่าง คนที่ไปทำความดี วันนี้ ผม นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ขอ เพิ่มคะแนนความดี ใน SIM CARD บันทึกคุณงามความดี ของทุกท่าน ตามโครงการที่ผมจัดทำขึ้นคนเดียว คนละ 999 คะแนนเลยนะครับ... เพื่อความสงบ สันติสุข ขอองประเทศไทย... แปลงความดีเป็นทุน โครงการ เปลี่ยน ประเทศไทย ในอนาคต..
วันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนไป เมื่อฟ้าหลังฝนส่องแสงความสดใสขึ้นอีกครั้ง ด้วยธารแห่งน้ำใจของคนไทยที่ไหลบ่า ...“ฟ้าหลังฝน” กับ “คนหน้าใส” ร่วมมือ-ใจ กู้ซากม็อบแดง
หลังฝันร้ายผ่านพ้น กลุ่มประชาชน กลุ่มเยาวชน ไม่แบ่งสี แบ่งฝ่าย แบ่งเพศ แบ่งวัย ต่างก็ร่วมกันออกมาแสดงพลังแห่งจิตอาสา ที่เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่หลังหลุดเคอร์ฟิว ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาออกมารวมตัวกันที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินีกันนับหมื่นคน
จากนั้นก็ลงมือปัด กวาด เช็ด ถู บริเวณพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย บ้างก็คว้าไม้กวาด ไม้ถูพื้น หรือ แปรงขัด พากันเดินออกไปทำความสะอาดพื้นที่ ณ จุดอื่นๆ ที่มีด้วยกัน ถึง 6 เส้นทาง
ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ถ.ราชดำริ ถึงบริเวณแยกราชประสงค์ เส้นทางที่ 2 ถ.สีลม ถึง ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ และ ถ.สาทร เส้นทางที่ 3 ถ.พระราม 4 ถึงแยกสามย่าน สะพานเหลือง บริเวณสยามสแควร์ และ ถ.อังรีดูนังต์ เส้นทางที่ 4 ถ.วิทยุ ถ.สารสิน ถ.หลังสวน และ ชิดลม เส้นทางที่ 5 ถ.พระรามที่ 4 ถึง บ่อนไก่ แยกคลองเตย และสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และเส้นทางที่ 6 ถ.ราชปรารภ ไปแยก ถ.ศรีอยุธยา และสามเหลี่ยมดินแดง
6 เส้นสายนี้ มีเหล่าชาวมหา'ลัยหน้าใสใจดีตั้งหน้าตั้งตาทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมอยู่ด้วย เพียบ...
“สริตา ดำรงรัตนุวงศ์” นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ เลือดสีชมพูบอกเดินทำความสะอาดมาตั้งแต่สีลม จนถึงราชดำริ ถึงแม้จะเหนื่อยและเหม็น แต่บรรยากาศและมิตรภาพของคนที่พร้อมที่จะช่วยเหลือกัน มันก็ทำให้เกิดความสุขและความอิ่มเอม
“ภาพอย่างนี้เราไม่ค่อยจะเห็นกันสักเท่าไร ปลื้มที่เห็นคนไทยออกมาช่วยกัน หลังจากที่เห็นแต่ภาพทะเลาะกันอยู่นาน หลังจากนี้ เลยอยากให้ปรองดองกัน อยากให้รักกันเหมือนเดิม”ลูกพระ เกี้ยว วิงวอน
เดินถัดมาอีกหน่อยบริเวณ ข้าง เซ็นทรัลเวิลด์ “จิรานุตม์ ชววิชญ์” บัณฑิตคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ถือโอกาสที่ทำงานหยุดออกมาทำประโยชน์ต่อสังคม และแม้มาสาย แต่ก็ยังได้ช่วยและเก็บความภูมิใจกลับบ้าน
“เดินตั้งแต่ศาลาแดงมา ตอนแรกก็ยังไม่รู้จะทำอะไรรู้แค่ว่าอยากออกมาทำประโยชน์ ให้ความเสียหายความเสื่อมโทรม สกปรก แบ่งเบาภาระ กทม.และช่วยเหลือส่วนร่วมบ้าง”ลูกพระเกี้ยวรายนี้ ไม่มีบ่นเช่นกัน
ต่อไปลูกเหลืองแดง “ฟางฟาง-ชมพูนุช ธรรมเวช” ลูกแม่โดมที่ช่วยทำความสะอาดอยู่แถว รายนี้ซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดมาจากบ้าน ทั้งแปรงขัด ทั้งน้ำยา แน่วแน่มาขัดๆ ถูๆ แถมยังชวนน้องสาวออกมา ด้วยจิตอาสา
“เราไม่ได้มีกลุ่มก้อนเครือข่าย ออกมาดื้อๆ นี่แหละ เพราะพูดคุยกันไว้ในเฟซบุ๊กว่าจะมา หลังจากอัปเดตเหตุการณ์ทางการเมืองกันอยู่ตลอด เลยอยากออกมาช่วย ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติสักครั้ง”พนักงานทำความสะอาดหน้าใหม่บรรยาย
ปิดท้ายที่ลูกนนทรีก็เดินทางมาเช่นกัน “สาวแอนท์-ประดับดาว คุ้มแพรวพรรณ” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาพร้อมแปรงขัดอุปกรณ์คู่ใจในวันนี้เช่นกัน แอนท์มากับเพื่อนๆ อีกหลายคน นอกจากได้ทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวมแล้ว งานนี้ยังได้เจอคนใจดี
“เมื่อเช้าแอนท์ขึ้น แท็กซี่ออกมาจากบ้าน หลังจากนัดหมายกับเพื่อนจะมาทำความสะอาดแล้วก็บอก คุณน้าแท็กซี่ว่าจะมาสวนลุม พื้นที่ชุมนุม คุณน้าคนขับรถก็ เลยถามว่าจะมาทำอะไร อันตรายหรือเปล่า เราก็บอกเขาว่าเรามาทำความสะอาด แล้วเขาก็ไม่เก็บเงินเรา เขาบอกว่า เรามาทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม โอ้โห ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยขึ้นรถแท็กซี่ฟรี และเพิ่งจะรู้สึกว่าจริงๆ แล้วคนไทยยังรักกันมาก แตกแยกกันเพียงบางกลุ่มเท่านั้น”นักศึกษาสรุป
ชาวบ้านเศร้าไม่น่าเผาขนาดนี้ แต่ดีใจคนไทยช่วยเหลือกัน เรื่องดีๆ จาก
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=449535&lang=T&cat=
ผู้สื่อข่าวสอบถามความคิดเห็นชาวบ้านที่มาช่วยทำความสะอาดย่านราช ประสงค์ โดย น.ส.นพพาภรณ์ พิลากุล อายุ 40 ปี ช่างซ่อมเสื้อผ้าย่านรามคำแหง กล่าวว่า นั่งรถมาลงที่ประตูน้ำ ตั้งใจมาช่วยทำความสะอาด ตอนมาถึงก็ได้กลิ่นขยะเหม็นฟุ้งไปทั่ว ถนนสกปรกมาก จึงช่วยกันทำความสะอาดร่วมกับชาวบ้านคนอื่นๆ ซึ่งเพื่อนได้ซื้อขนมให้นำมาฝากผู้ที่มาช่วยกันทำความสะอาดด้วย ส่วนจะกลัวว่าจะมีระเบิดหรือไม่นั้นตนเองไม่กลัว เจ้าหน้าที่น่าจะเก็บกู้หมดแล้ว คนที่เผาอาคารห้างสรรพสินค้าไม่น่าทำอย่างนี้ เหตุการณ์ผ่านมาเศร้าใจมาก ไม่น่าเผาบ้านเมืองขนาดนี้
ด้าน นางฐิติพร ด่านสว่างกุล อายุ 60 ปี กล่าวว่า มาถึงแยกราชประสงค์ตั้งแต่ 9.15 น. วันนี้มาด้วยใจ ไม่ได้กลัวว่าจะเกิดเหตุระเบิดซ้ำอีก และคิดว่าการกระทำของคนเข้าร่วมประท้วงเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ไม่ควรถึงขนาดเผาบ้านเผาเมือง เพราะไม่ถูกต้อง ส่วนตัวรู้สึกดีใจ คนไทยเข้ามาช่วยเหลือกัน และดีใจที่มีประชาชนหลายวัยที่เห็นใจชาติบ้านเมือง
ส่วน นายกิตกร นาเมืองรักษ์ อายุ 43 ปี พนักงานโรงงาน ติดตามข่าวสารทางทีวีทุกวัน เห็นแล้วรู้สึกว่ามันร้ายแรงเกินไปและไม่น่าที่จะทำกันได้ถึงขนาดนี้ รัฐบาลเองควรให้คำตอบที่กระจ่างชัด และการกระทำที่เกิดขึ้นก็ดูเหมือนจะเหมาะสม รัฐบาลควรได้บทเรียนในครั้งนี้ สำหรับวันนี้รู้สึกดีใจที่คนไทยสามัคคีช่วยเหลือ มาร่วมทำความสะอาดกัน
ขณะที่ นางต๋อย อายุ 50 ปี เปิดเผยว่า เดินทางมาจากนนทบุรี ขับรถส่วนตัวมาลงที่บ่อนไก่ รู้สึกกลัวเหมือนกันแต่ก็คอยระวังอยู่ตลอด ตนเองสงสารประเทศชาติ วันนี้เห็นภาพคนไทยช่วยเหลือกันรู้สึกปลื้มที่คนไทยช่วยเหลือกัน ที่เดินทางมาครั้งนี้อยากมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูประเทศ
ด้าน นายเอกนรินทร์ อร่ามวิทย์ อายุ 23 ปี เปิดเผยว่า อยู่แถวลาดพร้าว ทราบข่าวจากเฟสบุ๊คและเดินทางมาคนเดียว เห็นรูปแล้วสลด เพราะอยากทำอะไรเพื่อชาติบ้าง คิดว่าคนไทยไม่น่าจะทำแบบนี้ เพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้องมีเยอะแยะ อยากให้คิดก่อนทำ ตอนนี้รู้สึกดีที่คนไทยรักกันเพราะคิดว่าส่วนน้อย ไม่ถึง 1เปอร์เซ็นต์ของประเทศที่เผา และเชื่อว่าตราบใดที่มีในหลวง ก็ยังมีความหวังเสมอ คนที่มาวันนี้อย่างน้อยก็ทำเพื่อในหลวง
No comments:
Post a Comment