รวมคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ อดีตถึงปัจจุบัน

วันที่ 14 มกราคม 2554 รวมคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ อดีตถึงปัจจุบัน

วันเด็กแห่งชาติ สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี" เป็นคำขวัญวันเด็ก ปี 2555 โดย ฯพณฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบให้กับเด็กในปีนี้

คำขวัญวันเด็ก เป็น คำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

พ.ศ.2499 - จอมพล ป.พิบูลสงคราม - จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม

พ.ศ.2502 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า

พ.ศ.2503 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด

พ.ศ.2504 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย

พ.ศ.2505 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด

พ.ศ.2506 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด

พ.ศ.2507 - งดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ

พ.ศ.2508 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี

พ.ศ.2509 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี

พ.ศ.2510 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย

พ.ศ.2511 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง

พ.ศ.2512 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ

พ.ศ.2513 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส

พ.ศ.2514 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ

พ.ศ.2515 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ

พ.ศ.2516 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ

พ.ศ.2517 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - สามัคคีคือพลัง

พ.ศ.2518 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี

พ.ศ.2519 - หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช - เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้

พ.ศ.2520 - นายธานินทร์ กรัยวิเชียร - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย

พ.ศ.2521 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ

พ.ศ.2522 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กไทยคือหัวใจของชาติ

พ.ศ.2523 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย

พ.ศ.2524 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม

พ.ศ.2525 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย

พ.ศ.2526 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม

พ.ศ.2527 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา

พ.ศ.2528 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม

พ.ศ.2529 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2530 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2531 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2532 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2533 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม

พ.ศ.2534 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา

พ.ศ.2535 - นายอานันท์ ปันยารชุน - สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม

พ.ศ.2536 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม

พ.ศ.2537 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม

พ.ศ.2538 - นายชวน หลีกภัย - สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม

พ.ศ.2539 - นายบรรหาร ศิลปอาชา - มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด

พ.ศ.2540 - พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ - รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด

พ.ศ.2541 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย

พ.ศ.2542 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย

พ.ศ.2543 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย

พ.ศ.2544 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย

พ.ศ.2545 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส

พ.ศ.2546 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี

พ.ศ.2547 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน

พ.ศ.2548 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด

พ.ศ.2549 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด

พ.ศ.2550 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข

พ.ศ.2551 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม

พ.ศ.2552 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี

พ.ศ.2553 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม

พ.ศ.2554 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ

พ.ศ.2555 - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร - "สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี"

ขอบคุณ ข้อมูลดีดี จาก http://hilight.kapook.com/view/17298

ตัวอย่างที่ดีดี แก่เด็กๆผมขอชื่นชม ทุกท่าน ที่ เป็นคนดี มีวินัย และใจสะอาด ทุกๆท่าน ที่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็กๆของเรา ในอนาคตสืบไป และขอยกตัวอย่างมา พอสังเขปดังนี้

http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2338391

ตัวอย่างที่ดีดี 1 เจ้าของร้านเป็ดย่างยอดพลเมืองดี พบกระเป๋าใส่เงิน1.4 แสนกลับนำส่งตำรวจตามหาเจ้าของทันที พบเป็นพ่อค้าเขียงหมู แวะไปทานข้าวแล้วลืมไว้ เดชะบุญ เจอฮีโร่ตัวจริง เฮโล เหมาเป็ดย่างเลี้ยงตำรวจมือกลางวันทั้งโรงพักเป็นการขอบคุณ

วันที่ 7 ธันวาคม 2554 มีพลเมืองดีเก็บกระเป๋าใส่เงินจำนวนมาก ที่ลืมทิ้งไว้ในร้านอาหารย่านลาดกระบัง และได้นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ออกสืบหาเจ้า จึงได้เดินทาไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ นายสุพัชรไชย แพทย์รัตนกุล กต.ตร.สน.ลาดกระบัง เจ้าของร้านเป็ดย่างชื่อดัง ให้การว่า ขณะที่พนักงานร้านของตนกำลังบริการลูกค้าในช่วงเช้า ได้พบกระเป๋าผ้าสีเทา จำนวน 1 ใบ ไว้บนโต๊ะจึงได้แจ้งให้ตนทราบ เมื่อตนเปิดออกดูก็พบว่ามีเงินสดถึง 147,410 บาท พร้อมสมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย และบัตรเครดิตอีกจำนวน 1 ใบ ระบุชื่อเจ้าของ นายอุดมศิลป์ สุภัทโรภาสพงศ์ จึงได้นำทรัพย์สินดังกล่าว มาส่งคืนให้ สน.ลาดกระบังเพื่อตามหาเจ้าของ

จนกระทั่งเวลา 12.00 น. นายอุดมศิลป์ เจ้าของเงินแสน ได้เดินทางมารับทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนไป พร้อมกับให้การว่าเมื่อช่วงเช้าหลังจากเนื้อหมูหน้าเขียงเสร็จแล้ว ได้แวะไปทานข้าวที่ร้านของนายสุพัชรไชย โดยสั่งเป็ดย่างมาทาน 1 จานกับข้าวสวยร้อนๆ จากนั้นได้จ่ายเงินค่าข้าว ก่อนจะออกจากร้านเพื่อนำเงินไปฝากธนาคารแถวที่พัก แต่ไปถึงธนาคารพบว่าลืมกระเป๋าเอาไว้ พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อมาว่าลืมกระเป๋าใส่เงิน มีผู้เก็บได้ให้มารับที่สน. ตนจึงรีบมารับเงินคืน

ตัวอย่างที่ดีดี 2 แท็กซี่หนุ่มน้ำใจงามคืนเงินแสนให้เจ้าของ (ไอเอ็นเอ็น)

แท็กซี่น้ำใจงาม เก็บเงินสดได้ 1 แสนบาท คืนให้พ่อค้าขายผ้าชาวแอฟริกา

นายสุรศักดิ์ ประทุม อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดยโสธร คนขับรถแท็กซี่ สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว-5428 กรุงเทพฯ ส่งมอบเงินสดจำนวน 1 แสนบาท คืนให้กับพ่อค้าขายเสื้อผ้าชาวแอฟริกา หลังเก็บเงินได้ขณะขับรถส่งผู้โดยสาร ทั้งนี้ นายสุรศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนได้รับผู้โดยสาร 2 สามีภรรยาชาวแอฟริกา ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยสุขุมวิท 101/1 เพื่อให้ไปส่งย่านประตูน้ำ โดยระหว่างที่ผู้โดยสารทั้ง 2 นั่งอยู่ภายในรถ ต่างมีลักษณะเร่งรีบ กระทั่งตนขับรถมาถึงบริเวณแยกพร้อมพงษ์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ผู้โดยสารได้รีบก้าวลงจากรถไป และลืมถุงพลาสติกสีขาวไว้บนเบาะนั่งตอนหลัง ซึ่งตอนแรกตนคิดว่าเป็นเศษขยะ จึงจะนำไปทิ้ง

แต่เมื่อหยิบขึ้นมา และเปิดดูพบธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 1 ปึก มีสายรัดของธนาคารระบุจำนวนเงิน 100,000 บาท ใกล้กันมีรูปถ่ายผู้หญิง และมีนามบัตรวางไว้ ซึ่งตนจำได้ว่าเป็นผู้โดยสารที่ใช้บริการ จึงรู้สึกไม่สบายใจ และอยากจะนำไปคืนเจ้าของ จึงประสานและขับรถไปยังสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ หรือ สวพ.FM 91 เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์ตามหาเจ้าของ จากนั้นทางสถานีวิทยุได้ประชาสัมพันธ์ และติดต่อประสานไปตามที่อยู่และนามบัตรที่ได้รับ จนกระทั่งพบเจ้าของและทำการส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวคืน

อย่างไรก็ตาม นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ตนเพิ่งขับรถ ได้เพียงแค่ 2-3 เดือน ปัจจุบันได้พักอาศัยอยู่กับภรรยา ย่านหนองจอก ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วง และเห็นใจเจ้าของเงินกว่าจะหาเงินได้ 100,000 บาท จึงต้องใช้เวลานาน ซึ่งตนไม่คิดอยากได้ และนำเงินดังกล่าวมาคืน

ตัวอย่างที่ดีดี 3 นักศึกษาแพทย์ ม.อ. เก็บกระเป๋าเงิน พร้อมเงิน

ยกย่อง นักศึกษาแพทย์ ม.อ. เก็บกระเป๋าเงิน พร้อมเงินสด 28,295.50 บาทได้ รอนาน 1 ปี ก่อนจะเจอตัวเจ้าของกระเป๋า

6 กรกฎาคม 2553 รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้มอบประกาศเกียรติคุณนักศึกษาผู้ยึดถือประโยชน์เพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่งให้กับ นายสุรธี ชอบงาม นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2553 นายสุรธี พบกระเป๋าเงิน พร้อมเงินสดจำนวน 28,295.50 บาท ที่บริเวณหอพักบินหลา 1 จึงส่งมอบให้เจ้าหน้าที่หอพักบินหลา 1 เพื่อติดตามหาเจ้าของกระเป๋าเงินดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อครบ 1 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถติดตามหาเจ้าของกระเป๋าได้ เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อให้ นายสุรธี ไปรับกระเป๋าดังกล่าวกลับคืน แต่หลังจากนั้น นายสุรธี ได้ประสานกับสถานีวิทยุ ม.อ.หาดใหญ่ เพื่อขอให้ช่วยติดตามหา น.ส.กนกภรณ์ สุขละ ซึ่งมีชื่อระบุไว้ในบัตรสินเชื่อส่วนบุคคลในกระเป๋าใบดังกล่าว จนกระทั่งสามารถติดต่อ น.ส.กนกภรณ์ สุขละ ให้มารับกระเป๋าเงินกลับคืนไปได้ในที่สุด

ข้อมูลจากคุณนิรันดร์ ไชยชุติกาญจน์ มุกดาหาร 0874228872

ตัวอย่างที่ดีดี 4 มุกดาหาร-คนดีมีน้ำใจ เก็บเงินได้คืนเจ้าของ

มุกดาหารพบคนดีมีน้ำใจ เก็บกระเป๋าสตางค์ได้ ข้างในมีเงินนับหมื่นและเอกสารสำคัญนับสิบรายการ เดินทางมาที่ สภ.เมืองมุกดาหารเพื่อแจ้งความประสงกับตำรวจเพื่อคืนกระเป๋าสตางค์ให้เจ้าของ

นายบุญธรรม ใจสูขอายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 7 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ลงทุนเดินทางพร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านและครอบครัวมาจากอำเภอหว้านใหญ่ด้วยรถโดยสารประจำทาง เป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ไป- กลับ ประมาณ 100 กิโลเมตร

เพื่อแจ้งความต่อร้อยตำรวจโท ภานุพงศ์ พันธ์สน ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร ให้ติดตามตัวนางสะอาดรักษ์ สายสวัสดิกุล อยู่บ้านเลขที่ 12 ซอยพัฒนาการ ถ.เมืองใหม่ ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหารให้ มารับกระเป๋าสตางค์คืน

ที่ตนเองเก็บได้เมื่อตอนเย็นเมื่อวานที่ผ่านมา ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร โดยในกระเป๋าสตางค์ดังกล่าว มีเงินสดจำนวน 9,850 .50 บาท นอกจากนั้นยังมีเอกสารจำพวกบัตรรักษาพยาบาลบัตรVISA บัตรเครดิต บัตรกดเงินATM และเอกสารสำคัญอื่น ๆ นับสิบรายการ

ทั้งนี้นายบุญธรรม ใจสุข ซึ่งมีอาชีพทำนาและฐานะยากจน เล่าว่า เมื่อตนได้เข้ามาในเมืองกับเพื่อนบ้านซึ่งมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่ตนไม่มีเงินจึงอาสาเฝ้ารถให้โดยนั่งรออยู่กระบะหลัง ขณะที่นั่งรออยู่นั้นได้มีนางสะอาดรักษ์ เจ้าของกระเป๋าสตางค์ที่ตนพบเห็นใน รถเข็นสินค้าที่ออกจากห้างมาข้นของขึ้นรถ เสร็จแล้วก็ออกรถไปเลย

ตนจึงตั้งใจจะไปเข็นรถเข็นที่นางสะอาดรักษ์จอดขวางช่องรถอยู่มาเก็บให้เป็นที่เป็นทาง แต่เมื่อไปถึงพบว่านางสะอาดรักษ์ลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในรถเข็นตนจึงรีบเก็บมาไว้ รอเจ้าของกระเป๋าสตางค์กับมาหาที่รถเข็นจะคืนให้แต่ไม่เห็นมาสักทีจึ่งตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน

เมื่อมาถึงบ้านแล้วจึงได้เล่าเรื่องเก็บกระเป๋าสตางค์ได้ให้ภรรยาฟัง และในที่สุดได้ตกลงร่วมกันว่าพรุ่งนี้ จะต้องเอากระเป๋าสตางค์คืนเจ้าของ จึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านไว้ โดยตลอดทั้งคืนที่ตนครอบครองกระเป๋าสตางค์อยู่นั้น รู้สึกนอนไม่หลับ

กระวนกระวายในใจ นึกสงสารเจ้าของกระเป๋าสตางค์ ที่จะต้องเดือดร้อนแน่ ๆ ตนจึงได้ขอแรงผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยครอบครัวและญาติมิตร ขึ้นรถมาที่โรงพักสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร เพื่อมาแจ้งความและประกาศหาเจ้าของกระเป๋าสตางค์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไปตามตัวนางสะอาดรักษ์มารับกระเป๋าคืน

ทางด้านนางสะอาดรักษ์ เมื่อมาถึงได้ตรงเข้าขอบคุณนายบุญธรรม ด้วยความตื่นเต้นที่ได้กระเป๋าคืน เพราะตนได้ตัดใจแล้วว่า กระเป๋าสะตางค์ของตนต้องสูญแน่นอน แต่ห่วงและกังวนมากคือบัตรเครดิต บัตรกดเงินATM และไม่คิดว่าจะพบคนดีมีน้ำใจงามเช่นนี้

จากนั้นนางสะอาดรักษ์ จึงได้มอบเงินจำนวน 1,500 บาทให้เป็นสินน้ำใจกับนายบุญธรรม คนดีมีน้ำใจยืนยันว่าไม่อยากได้เพราะไม่ใช่ของตัวเอง.

ตัวอย่างที่ดีดี 5 หนุ่มพิษณุโลกเก็บเงิน2.7แสนคืนเจ้าของ

วันที่ 10 ต.ค. 54 พ.ต.อ.สมชาย เกิดช้าง ผกก. ร.ต.ต.ปฐมพงษ์ มีอยู่ ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมเป็นสักขีพยานคืนเงินให้ให้กับ น.ส.วรรณา ศรีทรง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.6 ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย หลังจากลืมทิ้งเอาไว้ในร้านก๋วยเตี๋ยวภายในตัวเมืองพิษณุโลก ซึ่งมีนายณัชเกษม ประเสริฐศักดิ์ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นรสเยี่ยมบ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก ได้นำมามอบให้กับตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ทั้งนี้เมื่อช่วงเวลา 14.00 น. วันเดียวกันนายณัชเกษม เจ้าของร้านเปิดเผยว่า ได้มีลูกค้าเข้าไปทานก๋วยเตี๋ยวในร้านของตนตามปกติ กระทั่งพบกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลวางอยู่ จึงได้ออกมาตามหาเจ้าของ ซึ่งขับรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ แต่ไม่ทันขับออกไปก่อน ได้เปิดกระเป๋าดู พบมีเงินจำนวน 3 ปึก แต่ไม่ทราบจำนวน จึงเก็บเอาไว้รอเจ้าของกลับมารับคืน แต่กระทั่งตนปิดร้านไม่มีใครมารับ จึงได้นำกระเป๋ามามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และไม่ทราบว่าข้างในมีเงินเท่าไหร่ และมีอะไรบ้าง หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดออกมานับต่อหน้าผู้คน พบมีเงินอยู่จำนวน 270,000 บาท และบัตรประจำตัวเจ้าของเงินอยู่ด้วย จึงไปติดต่อเจ้าของกลับมารับเงินคืน

นายณัชเกษม กล่าวอีกว่า ปกติจะมีลูกค้ามาทานก๋วยเตี๋ยวแล้วลืมของส่วนตัวเอาไว้เป็นประจำ แต่ส่วนมากจะกลับมารับคืน ซึ่งตนก็จะเก็บเอาไว้ให้ทุกราย บางครั้งยังมีลูกค้าลืมฟันปลอมเอาไว้เหมือนกัน ตนก็เก็บเอาไว้ให้ แต่ครั้งนี้เป็นเงินสด จึงต้องนำมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เพราะตนไม่ได้นับ และดูในกระเป๋ามีอะไรอยู่บ้าง หลังจากเปิดเห็นเงินก็ปิดเอาไว้ และมาแจ้งตำรวจอีกครั้ง

น.ส.วรรณา เจ้าของเงิน กล่าวด้วยความดีใจว่า ไม่คิดจะมีคนจิตใจงามแบบนี้ เพราะหลังจากตนขับรถยนต์เดินทางมาจาก จ.อุตรดิตถ์ และกำลังจะเดินทางต่อไปที่ จ.พิจิตร ได้แวะทานก๋วยเตี๋ยว ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นรสเยี่ยมบ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวเรียบร้อย จึงรีบขับรถยนต์ออกไปทันที โดยลืมกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลเอาไว้และไม่ได้เอะใจแม้แต่นิดเดียว กระทั่งขับรถไปถึง จ.พิจิตร ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจพิษณุโลก แจ้งให้ทราบว่าตนลืมกระเป๋าเงินเอาไว้ โดยเจ้าของร้านนำมามอบให้กับตำรวจขอให้ไปรับคืน ส่วนเงินจำนวน 300,000 บาท เป็นเงินที่ตนเตรียมเอาไปจ่ายเป็นค่าน้ำมัน เพราะมีกิจการเกี่ยวกับพืชไร่ และได้มอบเงินเป็นสินน้ำใจให้กับเจ้าของร้าน จำนวน 5,000 บาท

พ.ต.อ.สมชาย เกิดช้าง ผกก. กล่าวว่า อยากจะให้รับรู้ยังมีคนดีอยู่ในสังคมบ้านเรา และต้องการให้เป็นตัวอย่างของคนสมัยนี้ ซึ่งเป็นบุคคลที่น่ายกย่องสังคมต่อไป

ข่าว คนดีเมืองช้าง! ขับรถส่งไอศกรีมเก็บกระเป๋าเงินกว่าแสนคืนเจ้าของ

จากทุกสถานีข่าว

วันนี้ (27 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชาญ ภูมิสุข อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ที่ 9 ต.เขวาสินรินทร์ อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ อาชีพพนักงานขับรถส่งไอศกรีม ได้เก็บกระเป๋าเงินได้ในรถเข็นสินค้าที่บริเวณลานจอดด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าเทสโก้-โลตัส สาขาสุรินทร์ พบข้างในกระเป๋ามีเงินสดกว่า 80,000 บาท พร้อมสร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท, นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน และ พระเลี่ยมทอง 3 องค์ ประเมินค่าไม่ได้ ประกอบด้วย พระหลวงปู่ทวด รุ่นเครื่องบินตกเมืองจีนรอดชีวิต, หลวงพ่อคูณ รุ่นตำรวจไม่จับ และ พระกริ่งเขมรสมัยเขมรแตก จึงได้นำส่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของห้าง เพื่อช่วยประกาศหาเจ้าของต่อไป

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ห้างได้โทรศัพท์แจ้งให้ นายวินัย แข่งขัน อุปนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และ อดีต กกต.สุรินทร์ เจ้าของกระเป๋าเงินและทรัพย์สินดังกล่าวได้ทราบ ทั้งนี้เนื่องจากได้ข้อมูลจากสลากชิงโชคจากการซื้อหนังสือจากร้านขายหนังสือภายในห้าง ที่อยู่ภายในกระเป๋าเงินที่ถูกเก็บได้ จากนั้น นายวินัย แข่งขัน ได้เดินทางมารับ พร้อมได้นัดพบกับ นายวิชาญ ภูมิสุข ผู้เก็บกระเป๋าได้ดังกล่าว

นายวินัย แข่งขัน อุปนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เจ้าของกระเป๋าเงินและทรัพย์สิน กล่าวว่า ตนได้เข้ามาซื้อหนังสือที่ร้านขายหนังสือในห้างหลายเล่ม เพื่อนำไปเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้แก่คณาจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และคนที่เคารพนับถือ เมื่อได้สินค้าตามที่ต้องการก็จับใส่รถเข็นสินค้า พร้อมกระเป๋าเงินดังกล่าวแล้วเข็นไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่ลาดจอดรถบริเวณหน้าห้าง ขณะนั้นได้มีรถขับสวนมา และมีรถยนต์มาจอดอยู่ข้างๆ ด้วย จึงรีบนำหนังสือและสิ่งของในรถเข็นคันดังกล่าวขึ้นรถยนต์แล้วเดินทางกลับบ้านทันที ก่อนมารู้ตัวว่ากระเป๋าสตางค์หาย จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามพนักงานร้านขายหนังสือก็ไม่พบแต่อย่างใด

“คิดว่าทรัพย์สินในกระเป๋าสูญหายไปหมดแล้ว ไม่คิดว่าจะได้คืนแบบนี้ และไม่น่าเชื่อว่าในสังคมไทยจะมีคนดีเช่นนี้หลงเหลืออยู่ จากการได้รับมอบกระเป๋าคืน พบว่า เงินสดจำนวน 86,925 บาท, สร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท, นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน และ พระเลี่ยมทองอีก 3 องค์ อยู่ครบทั้งหมดไม่มีอะไรหายแม้แต่น้อย ดังนั้น จึงขอมอบพระหลวงพ่อคูณเลี่ยมทองรุ่นตำรวจไม่จับ พร้อมเงินอีกจำนวน 10,000 บาท เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณและคุณค่าของการทำความดีในครั้งนี้ แก่ คุณวิชาญ ภูมิสุข ที่เก็บกระเป๋าเงินได้แล้วส่งคืนเจ้าของโดยไม่คิดจะเอาเป็นของตัวเองแม้แต่น้อย” นายวินัย กล่าว

ทางด้าน นางสาวนวลน้อย จูไพรี ผู้จัดการห้างเทสโก้-โลตัส สาขาสุรินทร์ เปิดเผยว่า เป็นครั้งที่สองแล้วในรอบปีนี้ ที่มีผู้เก็บของมีค่าในรถเข็นสินค้าได้แล้วนำส่งคืนเจ้าของ โดยครั้งแรกเป็นทองคำหนัก 6 บาท สร้อยเพชรและเงินสด อีก 30,000 บาท

Data by http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000165167