วันที่ 15 มีนาคม 2555 ติดต่อขอเงินช่วยเหลือข้าราชการเสียชีวิต:พรรณณี นักผูก
วันนี้ ผม นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ปฎิบัติราชการปกติ ณ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว
และ ประสานงานกับ คุณ นางอภิญญา สนสายสิงห์ งานการเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร เรื่องการส่งเอกสารเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือครอบครัว กรณีเสียชีวิต ของ นางพรรณี นักผูก พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.ดงแคนใหญ่ เป็นการขอรับเงินบำเหน็จตกทอดข้าราชการเสียชีวิต ซึ่งเป็นไป ตามพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 ซึ่ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร ให้ ส่งเอกสาร ประกอบการขอรับเงินดังกล่าวดังนี้
เอกสารสำหรับเจ้าตัวของข้าราชการผู้ตาย
1. สำเนา ใบมรณบัตร จำนวน 3 ชุด
2. สำเนา บัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 3 ชุด
3. สำเนา ทะเบียนบ้าน ที่มีคำว่า ตาย จำนวน 3 ชุด
4. สำเนา บัตรข้าราชการ จำนวน 3 ชุด
5. สำเนา ใบสำคัญการสมรส หรือ ใบหย่า(อย่างใดอย่างหนึ่ง) จำนวน 3 ชุด
ทายาท ทุกคน พ่อ แม่ ลูก สามี(ถ้าสมรส)
6. สำเนา ทะเบียนบ้าน จำนวน 3 ชุด
7. สำเนา บัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 3 ชุด
8. สำเนา ใบสำคัญการสมรสหรือ ใบหย่า ของบิดา มารดา จำนวน 3 ชุด
9. สำเนาสมุดเงินฝากธนาคาร ที่รับเงิน ของทายาท ทุกคน จำนวน 3 ชุด
ไปสู่ สุขคติ นะ น้องหนุ่ย ภารกิจที่คั่งค้าง ญาติ มิตร และ ทีมงานของเรา จะช่วยกันดูแลครับผม
สัดส่วนการรับเงินบำเหน็จตกทอดของทายาทของผู้ตาย
ทายาทมีสิทธิได้รับบำเหน็จตกทอดเป็นจำนวน เท่ากับเงินเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีเวลาราชการ
ทายาทแต่ละประเภทมีสิทธิ ได้รับเงินมากน้อยแค่ไหน
ทายาทที่เป็นบุตร ได้รับ 2 ส่วน ถ้าผู้ตายมีบุตร 3 คนขึ้นไป ให้ได้รับ 3 ส่วน
ทายาทที่เป็นสามี หรือภรรยา ให้ได้รับ 1 ส่วน
ทายาทที่เป็นบิดา มารดา ให้ได้รับ 1 ส่วน
การขอรับเงินบำเหน็จตกทอดข้าราชการเสียชีวิต
ซึ่งเป็นไป ตามพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 กำหนดให้ข้าราชการที่เป็นสมาชิกมีสิทธิได้รับเงินเมื่อออกจากราชการเป็น 2 ส่วน คือ
เงินส่วนที่1เงินบำเหน็จหรือบำนาญจากกระทรวงการคลัง ซึ่งขึ้นอยู่กับเวลาราชการ และเหตุการออกจากราชการ และเงินส่วนที่ 2 คือเงินก้อนจำนวนหนึ่งจาก กบข โดยสิทธิการรับเงินคืนมีรายละเอียด ดังนี้
1. กรณีอายุราชการ ไม่ถึง 10 ปี จะมีไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จจากภาครัฐ แต่จะได้รับเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าวจาก กบข.
2. กรณีอายุราชการ 10 ปีแต่ไม่ถึง 25 ปี จะมีสิทธิได้รับบำเหน็จจากภาครัฐ และเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าวจาก กบข.
3. กรณีอายุราชการ 25 ปีขึ้นไป จะมีสิทธิเลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญจากภาครัฐ
- กรณีสมาชิกที่รับราชการภายหลังวันที่ 27 มี.ค.2540 และเลือกรับบำนาญสมาชิกจะได้รับเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และผลประโยชน์ตอบแทนของเงินดังกล่าวจาก กบข
กรณีข้าราชการเสียชีวิตได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
สิทธิประโยชน์เมื่อข้าราชการเสียชีวิต
1. เสียชีวิตระหว่างรับราชการ ได้รับประโยชน์ ดังนี้
1.1 บำเหน็จตกทอด (เงินเดือนเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีเวลาราชการ) ให้แก่ทายาท : บุตร 2 ส่วน คู่สมรส 1 ส่วน บิดามารดา 1 ส่วน) (พรบ. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494)
1.2 เงิน กบข.กรณีเป็นสมาชิก กบข.(พรบ. บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494) จำนวน ตามที่ กบข.แจ้ง เป็นรายปี ประกอบด้วย เงินประเดิม เงินชดเชย เงินสะสม เงินสมทบ และเงินสะสมส่นเพิ่ม
1.3 เงินช่วยเหลือพิเศษ (3 เท่า ของเงินเดือนเต็มเดือน) ให้แก่ผู้ที่ผู้ตายแสดงเจตนาโดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อส่วนราชการ ถ้าไม่ได้แสดงเจตนาไว้ให้จ่ายแก่ทายาทตามลำดับ : คู่สมรส บุตร บิดามารดา) ทั้งนี้ ต้องดำเนินการภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ข้าราชการตาย (พรฏ.การจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นฯ พ.ศ.2535)
1.4 ขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ/ขอพระราชทานเพลิงศพ (ต้องเป็นข้าราชการระดับ 3 ขึ้นไป)
2. ผู้ได้รับบำนาญปกติเสียชีวิต ได้รับประโยชน์ ดังนี้
2.1 บำเหน็จตกทอด (30 เท่าของเงินบำนาญ) ให้ แก่ทายาท : บุตร คู่สมรส บิดามารดา
ในกรณีขอรับบำเหน็จดำรงชีพไปจำนวน 15 เท่า แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ไปแล้วจะได้รับส่วนที่เหลืออีก 15 เท่า
2.2 เงินช่วยเหลือพิเศษ (เงินบำนาญรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพ (ช.ค.บ.: ถ้ามี) จำนวน 3 เดือน) ให้แก่ผู้ที่ผู้ตายแสดงเจตนาโดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อส่วนราชการ ถ้าไม่ได้แสดงเจตนาไว้ให้จ่ายแก่ทายาทตามลำดับ: คู่สมรส บุตร บิดามารดา)
ทั้งนี้ ต้องดำเนินการภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ข้าราชการตาย (พรฏ.การจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นฯ พ.ศ.2535)
2.3 ขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ/ขอพระราชทานเพลิงศพ (ต้องเป็นข้าราชการระดับ 3 ขึ้นไป)
ส่วนสิทธิอื่นๆ ตามที่เจ้าตัวได้ สะสมต้นทุนเอาไว้ โดยการสมัครเป็นสมาชิก เช่น
1. เงินประกันชีวิต ตามกรมธรรม์
2. เงินประกันอุบัติเหตุหมู่
3. เงิน ฌาปนกิจสงเคราะห์ ของ สมาคม องค์กรต่างๆ
4. เงินสวัสดิการ จากหน่วยงานต่างๆ เป็นต้น
กรณี ไม่มีคู่สมรส และบิดามารดา เสียชีวิตไปแล้วจะได้รับไหมครับ
ReplyDelete