25 ต.ค.2562 Rama V of Siam รัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์ที่แท้จริง” (Un vrai Roi)
วันที่
25 ตุลาคม 2562 วันนี้ นายพันธุ์ทอง
จันทร์สว่าง ขอบันทึกคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ ของพระมหากษัตริย์ไทย ในสายตาชาวโลก
กว่า 200 ปี ที่ป่านมา ความว่า
“นักการเมืองยุโรปคุยกันนักหนาว่ารู้จักคิงจุฬาลงกรณ์เป็นอย่างดี
บางคนรู้ลึกขนาดว่า พระองค์มีชายาถึง ๘๐๐ คน
บางคนก็ว่าพระองค์จะอภิเษกกับพระขนิษฐาเท่านั้น
แต่ทว่าคนอังกฤษกับคนฝรั่งเศสก็ยื้อแย่งประเทศของพระองค์อย่างไม่เป็นผลเท่าไหร่
และก็ยังไม่มีใครฮุบประเทศนี้ได้จริงจังเสียที
ขนาดส่งเรือรบเข้าไปถึงกลางใจเมืองหลวง
แต่ด้วยกลการเมืองที่เดอะคิงใช้หลอกล่อพวกเรา เรือรบเหล่านั้นก็ต้องถอยทัพออกมาหมด
พร้อมกับเงิน (ค่าไถ่) ที่พระองค์มอบให้เราเพียงหยิบมือ
ช่างเป็นเรื่องประหลาดเหลือเชื่อ แทนที่เราจะตั้งหน้ารบกันจริงๆ เรากลับต้องตั้งต้นคืนดีกันเพราะการที่เราได้เขมรมาไว้ในครอบครอง
ฝรั่งเศสก็กลายเป็นเพื่อนบ้านของสยามไปโดยปริยาย
เราได้สมบัติจากนครวัดมาไว้เชยชมมากมายแล้วก็จริง
แต่ก็ยังเอื้อมไปไม่ถึงตัวนครวัดที่เป็นต้นตอของสมบัติเหล่านั้น
ทำให้เราดูคล้ายแมลงหวี่ยุ่งๆ ที่คอยสร้างความรำคาญให้วัว แต่ก็ทำอะไรวัวไม่ได้
และแล้วฝรั่งเศสก็สูญเสียจันทบูรไป
ทุกครั้งที่มีการลงนามในกระดาษเราก็จะพูดว่ามันเป็นชัยชนะทางการทูตร่ำไป
แต่ที่แท้แล้วเราไม่เคยชนะอะไรเลย
ฝรั่งเศสต้องสูญเงินเท่าไหร่เพื่อแลกกับผืนแผ่นดินที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเหล่านั้น
ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๔ (พ.ศ. ๒๔๔๗)
เราทุ่มเงินหลายล้านฟรังก์เพื่อพัฒนาท่าเรือเมืองตราด ที่ทดแทนจันทบูรมาได้
โดยที่เราวาดฝันไว้ว่ามันจะกลายเป็นเมืองท่า Le Havre อันยิ่งใหญ่
แต่แล้วมันก็กลายเป็นภาพลวงตาทั้งเพ ดูตามแผนที่มันช่างเป็นทำเลสุดวิเศษ
แต่ที่จริงต้องใช้เวลาเดินเท้าเป็นวันๆ กว่าจะเข้าไปถึงมัน
ผู้ชนะที่แท้จริงน่าจะเป็นเดอะคิง
พระองค์สามารถทำให้เราถอยออกไปได้แบบถอนรากถอนโคน
การสิ้นสุดอำนาจของฝรั่งเศสในดินแดนของพระองค์ไม่ใช่เหตุบังเอิญ
พระองค์รายล้อมไปด้วยพันธมิตรที่ไม่น้อยหน้าใครในยุโรป คือปรินซ์วัลเดอมาร์ ผู้มีพระชายาเป็นเจ้าหญิงชาวฝรั่งเศส
คือปรินเซสมารี ปรินซ์วัลเดอมาร์ เป็นพระเชษฐาของจักรพรรดินีมารียา ฟีโยโดรอฟนา
(เจ้าฟ้าหญิงดัคมาร์แห่งเดนมาร์ก) ของรัสเซีย
ทำให้เดาได้ไม่ยากนักว่าใครคือผู้ปกป้องราชอาณาจักรเล็กๆ นี้
มันเป็นความกดดันสำหรับฝรั่งเศสในการทำสนธิสัญญาฉบับใหม่
(เรื่องคืนเขมรส่วนใน-ผู้เขียน) ซึ่งถึงแม้ฝรั่งเศสจะเดินหน้าไปก่อน
แต่แท้ที่จริงกลับเป็นเดนมาร์กที่แซงหน้าเราขึ้นไป
เห็นได้ชัดจากผลประโยชน์ของชาวเดนมาร์กจำนวนมหาศาลที่ฝังรากอยู่ได้อย่างมั่นคง
ในธุรกิจเหมืองแร่ การเดินเรือ สัมปทานรถรางไฟฟ้า และอื่นๆ
ในขณะที่มีชาวฝรั่งเศสเพียง ๑ คน รับราชการอยู่ในราชสำนักสยาม (หมายถึง นายชอร์ช
ปาดูซ์ ที่ปรึกษากฎหมายชาวฝรั่งเศส-ผู้เขียน) สยามก็ว่าจ้าง ๘๗ อังกฤษ, ๕๐ เยอรมัน, ๓๘ เดนมาร์ก, ๘
เบลเยียม, ๗ อิตาเลียน และที่เหลือเป็นชาวญี่ปุ่น อย่างนี้หรือที่เรียกชัยชนะทางการเมืองของฝรั่งเศส?
ขณะนี้ฝรั่งเศสกำลังถอยหลังมาอยู่ที่จุดศูนย์
เราได้แต่ความเกลียดชังในขณะที่ชาวเดนมาร์กได้หน้า พวกเราหมดสิ้นแล้วในสยาม
ถ้าจะมีอะไรเหลืออยู่คงเป็นเจ้าหญิงมารี ออเล-อง เท่านั้น
ที่จะช่วยผลักดันทางอ้อมให้สนธิสัญญาฉบับนี้เป็นจริงขึ้นมา
การที่จะได้เขมรส่วนในกลับมาเป็นของเราเท่ากับเรียกขวัญกำลังใจทั้งหมดที่ฝรั่งเศสทุ่มเทลงไปในเขมรคืนมาด้วย
คิงจุฬาลงกรณ์ได้ทรงกระทำทุกอย่างเพื่อปกป้องประชาชนของพระองค์
การยอมเสียสละแผ่นดินเขมรที่เหลืออยู่ ๔๐,๐๐๐
ตารางกิโลเมตร และประชากร ๒๘๐,๐๐๐ คน
ทำให้พระองค์เป็นผู้มีสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียวในลุ่มแม่น้ำ (เจ้าพระยา)
อันกว้างใหญ่ ม.ปิชอง และ ม.ดูตัสตาร์
อธิบายว่ามันอาจจะเป็นภารกิจขั้นตอนสุดท้ายที่เราทำได้
แต่ความสำเร็จก็อาจจะไม่เกิดขึ้น
ถ้าเจ้าหญิงมารีจะไม่ใช้อิทธิพลของเธอกับพระเจ้ากรุงสยาม
ผลที่สุดสยามก็พบเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของชาวสยาม
คิงจุฬาลงกรณ์ที่จะกลับมาเยือนยุโรปอีกครั้งกำลังเสด็จมาในนามของผู้นำที่เป็นเอกราชจริงๆ”
(๑๖) ##หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสเขียนถึงรัชกาลที่5
ขอชื่นชมและขอบพระคุณ
##อ.ไกรฤกษ์
นานา ผู้แปล ลงในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม
ขอบคุณ
ข้อมูลจาก
No comments:
Post a Comment