1 ก.ค.2560 ฉันไม่อยากมีแม่ตาบอด ฉันคือคนใจบอดสิ่งดี ที อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร
วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ผมนายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง บันทึกกิจกรรม แบ่งปัน ร่วมกับ ลูกๆ บ้านบกน้อย
เรื่องราวประทับใจ ชายผู้มั่งคั่ง คนใจบอด
บุตรของแม่ตาบอด
เรื่องราวดีดี จาก เกาหลี ที่
ควรค่าแก่การเผยแพร่ ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
เรื่อง
ฉันไม่อยากมีแม่ตาบอด ฉันคือคนใจบอด
แม่ของฉันตาบอดหนึ่งข้าง
ฉันรู้สึกรังเกียจเขา การมีชีวิตอยู่ของเขาทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ
สมัยเรียนชั้นประถม มีวันหนึ่งโรงเรียนจัดการแข่งขันกีฬาสี แม่ก็มาดูฉันในการแข่งขันวันนั้น แต่ฉันกลับไม่รู้สึกดีแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่รู้อึกอัดและลำบากใจอย่างมาก ฉันมองแม่ที่มีตาข้างเดียวด้วยความขยะแขยง และไม่อยากจะใส่ใจ เพราะในวันต่อมา ฉันถูกเพื่อนๆในโรงเรียนล้อเลียนว่า ฮ่าๆๆๆๆ แม่เธอเป็นอีบอด!
สมัยเรียนชั้นประถม มีวันหนึ่งโรงเรียนจัดการแข่งขันกีฬาสี แม่ก็มาดูฉันในการแข่งขันวันนั้น แต่ฉันกลับไม่รู้สึกดีแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่รู้อึกอัดและลำบากใจอย่างมาก ฉันมองแม่ที่มีตาข้างเดียวด้วยความขยะแขยง และไม่อยากจะใส่ใจ เพราะในวันต่อมา ฉันถูกเพื่อนๆในโรงเรียนล้อเลียนว่า ฮ่าๆๆๆๆ แม่เธอเป็นอีบอด!
ในตอนนั้น
ฉันอยากให้แม่หายไปจากโลกใบนี้!
เมือกลับถึงบ้าน ฉันตะคอกใส่แม่ว่า ทำไมแม่ต้องมีตาเดียว
แม่ทำให้หนูเป็นตัวตลกถูกเพื่อนๆล้อเลียน แม่น่าจะตายๆไปให้พ้นๆซะ
แม่ไม่ตอบอะไรฉัน ฉันคิดว่าแม่คงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย แต่ฉันไม่สนใจ
เพราะฉันได้พูดในสิ่งที่อยากพูดออกไปแล้ว และนั่นทำให้ฉันรู้สึกสบายใจมาก
ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก
และไปหาน้ำดื่มที่ห้องครัว ฉันได้ยินเสียงคนร้องไห้
เมื่อเดินไปดูก็เห็นแม่ร้องไห้แต่ฉันกลับรู้สึกไม่เห็นใจแม่เลย
ฉันมองแม่แค่แป๊บเดียวก็เดินถอยออกมา พร้อมกับบอกตัวเองว่าฉันต้องรีบโตเป็นผู้ใหญ่
และหนีไปอยู่ให้ไกลๆจากแม่ให้มากที่สุด
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงพยายามขยันเรียนหนังสืออย่างมาก
และในที่สุดฉันก็หนีออกมาจากแม่จนได้ ฉันแต่งงานและมีลูก
ตอนนี้ชีวิตของฉันประสบความสำเร็จ และมีความสุข
ฉันรู้สึกชอบบ้านที่ไม่ต้องมีแม่อาศัยอยู่ด้วยแบบนี้
ในขณะที่ฉันกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขที่ไม่ต้องมีแม่มากวนใจ
ทันใดนั้นก็มีคนๆหนึ่งแอบมองฉันอยู่
ฉันตะโกนออกไปว่า นั่นใครอ่ะ! มีอะไร?
ฉันรู้ทันที
ว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือแม่ของฉัน เพราะเธอมีตาเพียงข้างเดียว
เมื่อลูกสาวๆของฉันเห็นเข้าก็รีบวิ่งหนีเข้าไปในบ้านทันที
ฉันตะโกนออกไปว่า
เธอเป็นใคร ฉันไม่รู้จักเธอ และบอกอีกว่า เธอทำลูกฉันตกใจกลัวมาก รีบไสหัวไปเลยนะ
เมื่อแม่เห็นว่าฉันโกรธมาก เลยพูดออกด้วยเสียงนิ่งว่า ขอโทษ สงสัยฉันจะมาผิดที่
แล้วก็หันหลังจากไป
จนกระทั่งวันหนึ่ง
ฉันได้รับจดหมายให้ไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นนักเรียน หลังจากเสร็จงานเลี้ยงแล้ว
ฉันก็กลับบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับแม่ในสมัยก่อน ฉันเห็นแม่นอนนิ่งอยู่บนพื้นที่เย็นเฉียบ
ในมือถือกระดาษไว้ 1แผ่น ซึ่งนั่นเป็นจดหมายที่แม่จะเขียนมาหาฉัน
ลูกรัก
แม่คิดว่าแม่ชีวิตอยู่มานานพอแล้ว แม่ควรจะต้องไปแล้ว
และแม่คงไม่ไปตามหาลูกอีกแล้ว
แต่แม่ก็หวังว่าจะมีโอกาสที่ลูกกลับมาหาแม่บางสักครั้ง
หวังว่านี่จะไม่เป็นการร้องขอที่มากเกินไป แม่คิดถึงลูกมากนะ
ตอนที่แม่ได้ยินว่าลูกจะกลับมาร่วมงานเลี้ยงรุ่นนักเรียนแม่รู้สึกดีใจมากๆ
แต่เพื่อลูก แม่จึงตัดสินใจไม่ไปหาลูกที่โรงเรียน
เพราะแม่ไม่อยากให้ลูกรู้สึกอึดอัดลำบากใจ
การแม่มีตาข้างเดียว
แม่รู้ว่ามันทำให้ลูกรู้สึกอึกอัดมาก แม่ก็รู้สึกอยากจะขอโทษลูก
แต่ลูกรู้มั้ยว่าสมัยเด็ก
ลูกประสบอุบัติเหตุต้องสูญเสียตาไปหนึ่งข้าง
แม่เป็นแม่ไม่สามารถเห็นลูกอยู่สภาพนั้น กลัวว่าลูกจะถูกคนอื่นล้อเลียน
กลัวว่าเมื่อโตขึ้นมาลูกจะอยู่ยังไง
ดังนั้นแม่จึงยอมสละดวงตาหนึ่งข้างของแม่ให้กับลูก ลูกเป็นลูกของแม่
แม่ทำให้ลูกเกิดมาเห็นโลกใบนี้
แม่รู้สึกภูมิใจในตัวลูกมาก แม่อยู่ตรงนี้ใช้ดวงตามองเห็นสิ่งต่างๆมาเพียงพอแล้ว
ดังนั้นไม่ว่าลูกจะทำอะไรกับแม่
แม่ไม่เคยรู้สึกเสียใจน้อยใจ หลายๆครั้งที่ลูกโมโหแม่ ต่อว่าแม่
แม่ก็จะบอกตัวเองเสมอว่า เพราะลูกรักแม่จึงได้ทำแบบนั้น
มาถึงตอนนี้
ฉันรู้สึกเสียใจรู้สึกผิดที่มองแม่แบบนั้นมาโดยตลอด
แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไรมันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ขอบคุณ เรื่องราวดีๆ เรื่อง ฉันไม่อยากมีแม่ตาบอด
No comments:
Post a Comment