13 ต.ค.2559ไทยเศร้า เราสิ้นพ่อหลวงภูมิพล_shock
โลก_สิ้นในหลวง รัชกาลที่9
วันที่
13 ตุลาคม 2559 วันพฤหัสบดีที่ ตรงกับขึ้น 12 ค่ำ เดือน 11 ปี วอก
พสกนิกรไทยในทั่วโลก ตกอยู่ในสภาวะโทมนัสใจ
น้ำตาไหลท่วมใบหน้า กันทั้งเมือง
วันนี้
ผมนายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง และครอบครัว ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายความอาลัย
รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
เนื่องด้วย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 15.52 นาฬิกา
สิริพระชนมายุ 88 พรรษา 287 วัน
ถนนแจ้งสนิท ถนนหมายเลข 23 ปกติ จะมีรถราวิ่งหนาแน่น
ในช่วงเย็น
แต่ในวันนี้ เวลา ประมาณ 18.30 เป็นต้นไป
มีรถวิ่งบางตา
เนื่องจาก
มีการส่งข่าวสารถึงกันทั่วไปว่า ให้ทกคนรอฟังแถลงการณ์ สำคัญในเวลา 19.00 น.
จาก พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้
เมื่อฟังแถงการณ์เสร็จ ผมออกไปดู พระจันทร์ บนท้องฟ้า พบปรากฎการณ์พิเศษ คือ
พระจันทร์ทรงกลด สว่างไสวเต็มท้องฟ้า
พระจันทร์ทรงกลดนั้น
พบเห็นได้บ่อยๆ ส่วนมากในวันจันทร์เพ็ญ หรือพระจันทร์เต็มดวง
แต่และวงทรงกลดนั้น ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นวงใหญ่
เช่นนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่มีพระจันทร์ทรงกลด วงใหญ่มากๆ
และเกิดขึ้น ในวันที่ไม่ใช่วันจันทร์เพ็ญ
หรือพระจันทร์เต็มดวง เพราะวันนี้ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 11 ปี วอก
ข้าพเจ้าไม่รอช้า
ที่จะสื่อสารให้เพื่อนๆ ทั่วประเทศ ได้เห็น เพราะส่วนมาก คนจะเฝ้าหน้าจอ โทรทัศน์
อาจจะไม่ได้ดู
มีเพื่อนๆจากต่างจังหวัด
ส่วนมากจจะมองเห็นได้ ในปรากฎการณ์นี้ ยกเว้น ในพื้นที่ที่มีเมฆมาก
ในบางจังหวัดเท่านั้น ที่ไม่สามารถมองเห็นได้
(บันทึกอื่นๆ....
อยู่ระหว่างการปรับปรุง )
ขอบพระคุณ
ข้อมูล จาก http://www.thaigov.go.th/
ตามที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา อ่านแถลงการณ์
แถลงการณ์ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี ภายหลังสำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตแล้ว ในวันนี้ ณ โรงพยาบาลศิริราช พี่น้องประชาชนชาวไทยที่อยู่ในราชอาณาจักร
และในต่างประเทศทั่วโลกทุกท่าน วันที่ชาวไทยทั้งปวง ไม่ต้องการแม้แต่จะนึกคิด
และไม่ปรารถนาแม้แต่จะได้ยิน ก็มาถึง เมื่อสำนักพระราชวัง
ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร
เสด็จสวรรคตแล้ว ในวันนี้ ณ โรงพยาบาลศิริราช ถือว่าเป็นการสูญเสีย
และความวิปโยคยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของปวงชนชาวไทย ทั้งประเทศ
นับตั้งแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489
พี่น้องประชาชนชาวไทย ทุกคนได้ติดตามข่าวสาร และรับทราบมาเป็นลำดับว่า ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร และได้เสด็จไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นระยะ เมื่อพระอาการบรรเทาลงก็จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ตามปกติด้วยพระวิริยะอุตสาหะ เพื่อความผาสุกของพสกนิกร
พี่น้องประชาชนชาวไทย ทุกคนได้ติดตามข่าวสาร และรับทราบมาเป็นลำดับว่า ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร และได้เสด็จไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นระยะ เมื่อพระอาการบรรเทาลงก็จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ตามปกติด้วยพระวิริยะอุตสาหะ เพื่อความผาสุกของพสกนิกร
ตลอดเวลาที่ผ่านมา
คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด จนพระอาการดีขึ้นเป็นลำดับ ยังความปลาบปลื้ม
แก่ประชาชนคนไทยทั้งชาติ
แต่ในที่สุด พระอาการประชวร หาคลายไม่ ประกอบกับพระชนมพรรษามาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตพระชนมพรรษา ปีที่ 89 เสด็จดำรงสิริราชสมบัติ
70 พรรษา
วันที่ 13 ตุลาคม
ซึ่งจะเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทยตลอดไปนานแสนนาน ดุจวัน
"ปิยมหาราช" 23 ตุลาคม
พี่น้องที่เคารพทั้งหลาย ระยะเวลา 70 ปี
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช เริ่มต้นขึ้น
ภายหลังจากที่มหาสงครามโลกเพิ่งสิ้นสุดลง ประเทศชาติกำลังฟื้นตัวจากภัยสงคราม
ประชาชนเปี่ยมด้วยความหวัง เมื่อประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่
ครองราชย์ เป็นผู้นำ เปลี่ยนความท้อแท้ของผู้คน กลายเป็นความแน่วแน่ มั่นคง
องอาจที่จะยืนหยัดต่อสู้ กับอุปสรรคต่างๆ
ตลอดรัชสมัยเป็นช่วงเวลาที่มีการพัฒนาประเทศในทุกด้าน
ทรงเป็นกษัตริย์ผู้เป็นที่รัก เทิดทูน ทรงเป็นศูนย์รวมใจ ของคนไทยทั้งชาติ นับเป็น 70
ปี ที่ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุข
แห่งมหาชนชาวสยาม โดยแท้
บัดนี้ 70 ปี ในรัชสมัย ของ
"สมเด็จพระภัทรมหาราช" พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐยิ่ง
ของปวงชนชาวไทยได้สิ้นสุดลงแล้ว พระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมากมาย
ล้นพ้นหาที่สุดมิได้ มากเพียงใด ความวิปโยคอาลัยของพสกนิกรชาวไทย
ก็มากมายท่วมท้นหาที่สุดมิได้ เพียงนั้น รัฐบาล
ขอเชิญชวนให้พวกเราทุกคนร่วมกันตั้งจิตภาวนาตามศาสนา ที่ทุกท่านนับถือ
ดังที่เราเคยร่วมกัน ภาวนาถวายพระพร และอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ที่ทุกท่านเคารพนับถือให้อภิบาลคุ้มครองตลอดเวลาที่ทรงพระประชวร เพื่ออธิษฐานภาวนา
ขอให้ดวงพระวิญญาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ สถิตในสรวงสวรรค์
และทรงอภิบาลคุ้มครองราชอาณาจักรไทย ประชาชนชาวไทย ผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์
ให้มีความสงบสุข และความสันติสุข ดุจดังที่ประเทศไทย และประชาชนชาวไทย มีมาโดยตลอด
ภายใต้ร่มพระบารมียาวนาน 70 ปี
พี่น้องประชาชนที่เคารพ
ถึงแม้เราจะอยู่ในยามทุกข์โศกน้ำตานองหน้าทั่วกันเพียงใด ประเทศไทย อันเป็นที่รักของพวกเราและ
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ต้องดำรงต่อไป
อย่าให้การเสด็จสวรรคตครั้งนี้ ทำให้พระราชปณิธาน ที่จะเห็นราชอาณาจักรของพระองค์
มีความเจริญรุ่งเรือง พสกนิกรมีความผาสุกสวัสดี มีเมตตาและไมตรีต่อกัน
ต้องหยุดชะงักลง การจะแสดงความจงรักภักดี และความอาลัยที่ดีที่สุด คือ
เจริญรอยตามพระยุคลบาท สืบสานพระราชปณิธาน ที่จะรักษาเอกราช อธิปไตย
ความสมบูรณ์พูนสุข และความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง
ตลอดจนการปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทพระราชดำรัส ที่เคยพระราชทานไว้
ภารกิจสำคัญ ที่จะต้องดำเนินการ ในบัดนี้มี 2 ประการ
คือ การดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตามกฎมณเฑียรบาล
ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467 ตลอดจนตามพระราชประเพณีในส่วนของการสืบราชสันตติวงศ์
ซึ่งสอดคล้องกับ เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินต่อไป อย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
สถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม
2515 จากนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อีกประการหนึ่ง คือการเตรียมงานพระบรมศพในส่วนของรัฐบาล
และประชาชนให้สมพระเกียรติยศ และสมกับความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทย
ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ทั้งนี้การดำเนินการ
ทั้ง 2 ประการนี้ รัฐบาลจะแจ้งให้
พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะ ต่อไป
ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาล
และผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการเรื่องต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมาย และราชประเพณี
รัฐบาลจึงขอให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายรับฟังข่าวสารอย่างเป็นทางการ
จากหน่วยงานราชการ อย่าเชื่อข่าวที่ลือ ที่ไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง
พร้อมกันนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนคนไทย ที่รักทุกท่านแต่งกายถวายความอาลัย เป็นเวลาหนึ่งปี
สถานที่ราชการลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน และทุกภาคส่วน
ควรพิจารณางดการจัดงานรื่นเริงต่างๆ เป็นเวลา 30 วัน
ทั้งนี้ ท่านทั้งหลายอาจเข้าร่วมพิธีหรือ จัดกิจกรรมทางศาสนาของตน ถวายเป็นพระราชกุศล หรือ จัดเป็นพระบรมราชานุสรณ์ อีกทั้งควรใช้โอกาสนี้ ให้กำลังใจแก่กันและกัน เพราะเราทุกคนต่างก็มีหัวอกเดียวกัน
เพราะมีพ่อของแผ่นดินร่วมกัน และโปรดช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
มิให้ผู้ใด ฉวยโอกาส แทรกเข้ามาก่อความขัดแย้ง
จนกลายเป็นความวุ่นวาย
ขอพี่น้องประชาชนทุกคน ร่วมส่งเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ด้วยการรักษาแผ่นดินของพ่อ ด้วยความรัก และความสามัคคี ตลอดไป
พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งหลาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตแล้ว
ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลใหม่ทรงพระเจริญ
ขอบพระคุณ ข้อมูล โดยสรุปจาก Wikipedia ดังนี้
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 — 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559) เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่เก้าแห่งราชวงศ์จักรี เสด็จสู่พระราชสมบัติตั้งแต่วันที่
9 มิถุนายน 2489 เป็นพระมหากษัตริย์ไทยผู้เสวยราชย์ยาวนานที่สุด[2]
พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้ทรงหยุดยั้งการกบฏ เช่น ในคราวปี 2524 และปี 2528
กระนั้น ก็ได้ทรงแต่งตั้งหัวหน้าคณะยึดอำนาจหลายคณะ เช่น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในช่วงพุทธทศวรรษที่
2500 กับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ในช่วงปลายพุทธทศวรรษที่
2540 ตลอดรัชกาลของพระองค์
เกิดรัฐประหารโดยกองทัพสิบกว่าครั้ง รัฐธรรมนูญเกือบ 20 ฉบับ
และนายกรัฐมนตรีเกือบ 30 คน
ประชาชนชาวไทยจำนวนมากเคารพพระองค์[3][4][5] อนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ
พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะและผู้ใดจะละเมิดมิได้ ส่วนประมวลกฎหมายอาญาว่า
การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เป็นความผิดอาญา[5] คณะรัฐมนตรีหลายชุดที่ได้รับการเลือกตั้งมาก็ถูกคณะทหารล้มล้างไปด้วยข้อกล่าวหาว่านักการเมืองผู้ใหญ่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ[6][7] กระนั้น พระองค์เองได้ตรัสเมื่อปี 2548 ว่า
สาธารณชนพึงวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ได้[8]
พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดำริในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคฟี แอนนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์[9] กับทั้งพระองค์ยังทรงเป็นเจ้าของสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์
งานพระราชนิพนธ์ และงานดนตรีจำนวนหนึ่งด้วย[10] ด้านสินทรัพย์ของพระองค์นิตยสารฟอบส์จัดอันดับให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2556[11] เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 พระองค์มีพระราชทรัพย์ 30,000
ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ดูหมายเหตุด้านล่าง)[12] สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้นใช้สินทรัพย์เพื่อสวัสดิการสาธารณะ
เช่น เพื่อพัฒนาเยาวชน
แต่ได้รับการยกเว้นมิต้องจ่ายภาษีและให้เปิดเผยการเงินต่อพระมหากษัตริย์แต่พระองค์เดียว[13] ขณะที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็ได้ทรงอุทิศพระราชทรัพย์ไปในโครงการพัฒนาประเทศไทยหลายต่อหลายโครงการ
โดยเฉพาะในทางเกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ ทรัพยากรน้ำ
สวัสดิการทางคมนาคม และสวัสดิการสาธารณะ[14]
นับตั้งแต่เดือนตุลาคม
พ.ศ. 2557
พระองค์แปรพระราชฐาน ไป โรงพยาบาลศิริราช
อันเนื่องมาจากพระโรคไข้หวัดและพระปัปผาสะอักเสบ
และได้เข้าประทับรักษาพระอาการประชวร ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
ตลอดมา จนกระทั่งวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 พระอาการประชวรได้ทรุดลงตามลำดับ และสวรรคตเมื่อเวลา 15.52 นาฬิกา สิริพระชนมายุ 88 พรรษา 287 วัน[15]
No comments:
Post a Comment