12/31/16

27ธค.2559 สาธารณสุขยโสธร พร้อมบริการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ กลับบ้านปลอดภัยปีใหม่ 2560”

27ธค.2559 สาธารณสุขยโสธร พร้อมบริการ ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ กลับบ้านปลอดภัยปีใหม่ 2560”
วันที่ 27 ธันวาคม 2559 ผมนายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง และคณะ เข้าร่วมประชุม เตรียมความพร้อม รับเทศกาลปีใหม่ 2560 ณ ห้องประชุมพญาแถน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร



              มติที่ประชุม
มติข้อที่ 1. ให้ประสานการปฏิบัติงานตามแนวทาง ของคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.)
(ประเทศไทยมีอัตราจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก)
              แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ภายใต้แนวคิด ภายใต้หัวข้อการรณรงค์ ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ กลับบ้านปลอดภัยปีใหม่ 2560”  ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2559 – 4 มกราคม 2560 เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานช่วงเทศกาลดังกล่าว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีประชาชนจำนวนมากใช้รถใช้ถนนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าช่วงปกติสร้างความตระหนัก รับรู้ และกระตุ้นเตือนจิตสำนึกให้กับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยมาตรการและแนวทางการดำเนินงาน มีดังนี้
1.ให้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง (Area Approach) โดยใช้กลไกประชารัฐเป็นแนวทางการดำเนินงานในพื้นที่ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเจ้าภาพในการบูรณาการการทำงานร่วมกัน
2.ให้นำมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนทั้ง 4 ด้าน (คน ถนน ยานพาหนะ และสภาพแวดล้อม) มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานอย่างเข้มข้น จริงจัง และต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริหารจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่ครอบคลุมทุกมิติ เช่น มาตรการด้านคน เน้นการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด จริงจัง โดยเฉพาะพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ การคุมเข้มการจำหน่าย การดื่ม และการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งการใช้มาตรการด้านสังคมและชุมชน มาเสริมในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงในพื้นที่ มีการจัดตั้ง ด่านชุมชนเพื่อสกัดกลุ่มเสี่ยงและลดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ มาตรการด้านถนน มีการขับเคลื่อนมาตรการ "1  ท้องถิ่น 1 ถนนปลอดภัย" โดยการปรับปรุงแก้ไขจุดเสี่ยง จุดอันตราย จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และจุดที่เกิดอุบัติเหตุใหญ่บนถนน ตลอดจนจุดตัดทางรถไฟให้มีความปลอดภัย พร้อมทั้งมีการวางแผนอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน เช่น การจัดเตรียมช่องทางพิเศษ ทางเลี่ยง ทางลัด และจัดทำป้ายเตือน ป้ายแนะนำต่างๆ ให้ชัดเจน รวมทั้งมีการจัดจุดพักรถ และจุดบริการต่างๆ มาตรการด้านยานพาหนะ มีการกำหนดมาตรการ แนวทาง เพื่อกำกับควบคุม และตรวจสอบยานพาหนะให้มีความปลอดภัย โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะ และรถโดยสารไม่ประจำทางให้ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย และ มาตรการการด้านสิ่งแวดล้อม โดยให้ตรวจสอบสิ่งอันตรายข้างทาง (Roadside Hazards) เช่น ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง สัญญาณไฟจราจร เป็นต้น และปรับปรุงแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ รวมทั้งสภาพแวดล้อมริมทาง โดยเฉพาะบริเวณจุดตัดทางรถไฟ ทางร่วมทางแยก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน นอกจากนี้ ยังรวมถึงการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้สามารถบูรณาการฐานข้อมูลให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อนำไปใช้ในการติดตามประเมินผลและวางแผนแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งจะช่วยยกระดับการสร้างความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทยให้มีมาตรฐานสากล และถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวาระ ประเทศไทยปลอดภัย (Safety Thailand)
             
มติข้อที่ 2. การเบิกจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงาน ให้เบิกจ่าย 1.5 เท่า ในอัตรา ข้อที่ 1.4 ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าตอบแทนแนบท้ายกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้กับหน่วยบริการ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ( ฉบับที่ 5 ) พ.ศ. 2552
              ข้อมูลนำเข้าอื่นๆ สรุปการประชุม VDO Conference EMS 19/12/2559
ประธานที่ประชุม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย
๗ วันอันตราย เริ่มวันที่ ๒๙ ธ.ค. ๕๙ - ๔ ม.ค. ๖๐
มาตรการในการดำเนินงานยังเป็นมาตรการเดิม 4x4
จุดเน้นคือ ให้มีการจัดตั้งศูนย์ความปลอดภัยทางถนนระดับอำเภอ /ตำบล
โดยมีส่วนสาธารณสุขเป็นเลขา มีการดำเนินการดังนี้
๑. มีการกำหนดจุดเสี่ยง และดำเนินการแก้ไข
๒. เน้น การจัดตั้งด่านชุมชน ตรวจเตือน การสวมหมวกนิรภัย เมาขับ ก่อนออกไปทางร่วมทางแยก
๓. หากพบการ ดื่ม/เมาขับขี่ ในเยาวชนต่ำกว่า 18 ปี ให้สอบถาม ร้านค้า ที่จำหน่าย เก็บข้อมูล และตักเตือน
๔. มีมาตรการตรวจเตือน ร้านค้าจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปฏิบัติตาม พรบ.

๕. สำรวจความพร้อม ทีม EMS ทุกระดับ 

No comments:

Post a Comment