วันที่ 30 กรกฎาคม 2554: สหภาพฯหยุดงาน_ผู้คนเดือดร้อน_แกนนำต้องรับผิดชอบดังนี้
วันนี้ ผม นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ขอเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ เรื่อง การส่งเสริมการทำความดี เพื่อประโยชน์สุขของผู้คนในภาพรวมของประเทศ โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน หรือประโยชน์ของคนเพียงบางกลุ่ม ที่ หาผลประโยชน์จาก ความเดือดร้อนของประชาชน ให้เป็นประโยชน์แก่ตน หรือ กลุ่มของตนเอง ตามเนื้อความ ข่าวนี้ครับ
ศาลตัดสินให้เลิกจ้าง“สาวิทย์”กับพวก
ศาลพิพากษาให้ “การรถไฟ” เลิกจ้าง “สาวิทย์” กับพวก ฐานยุยงพนักงานหยุดเดินรถ สั่งชดใช้ค่าเสียหายอีก 15 ล้าน
ที่ศาลแรงงานกลาง เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 ก.ค.2554 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นโจทก์ฟ้อง นายภิญโญ เรือนเพชร นายบรรจง บุญเนตร์ นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายธารา แสวงธรรม นายเหลี่ยม โมกงาน นายสุพิเชษฐ์ สุวรรณชาตรี และ นายอรุณ ดีรักชาติ เป็นจำเลยที่ 1-7 ตามลำดับ โดยจำเลยที่ 3 เป็นประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย และกรรมการกิจการสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทย ส่วนจำเลยที่ 1-2 และ 4-7 เป็นกรรมการฯ
คำฟ้องโจทก์สรุปว่า จำเลยทั้ง 7 ไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ในการหาทางปรองดอง และระงับข้อขัดแย้งในรัฐวิสาหกิจ และกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของศาลจังหวัดสงขลา ในคดีหมายเลขดำที่ 926/2552 โดยจำเลยทั้ง 7 กับพวก ร่วมกันยุยง ชักชวนให้พนักงานขับรถ และพนักงานช่างเครื่องของโจทก์ทั่วประเทศ รวมทั้งโรงรถจักรหาดใหญ่ หยุดการปฏิบัติหน้าที่ขับขบวนรถไฟ เพื่อขนส่งผู้โดยสาร และสินค้า อันเป็นการบริการของโจทก์ และไม่ยินยอมให้โจทก์นำหัวรถจักรออกใช้งาน โดยอ้างคำเท็จว่า หัวรถจักรของโจทก์ชำรุด ไม่ปลอดภัยแก่พนักงานขับรถ และพนักงานช่างเครื่องที่จะใช้ลากจูงขบวนรถไฟ และบรรทุกสินค้า เป็นเหตุให้พนักงานขับรถ และพนักงานช่างเครื่องของโจทก์หลงเชื่อ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่มาใช้บริการ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ จำเลยทั้ง 7 กับพวก ยังร่วมกันปราศรัย ณ ที่ทำการสำนักงานใหญ่ ตึกบัญชาการของโจทก์ เพื่อขับไล่ และเรียกร้องให้รัฐบาลปลดผู้ว่าการรถไฟฯ อันเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ขัดต่อข้อบังคับของโจทก์ ถือเป็นความผิดชัดแจ้ง และยังเป็นการทำผิดกฎหมายอาญา โจทก์สามารถลงโทษไล่จำเลยทั้ง 7 ออกโดยไม่ต้องมีการสอบสวน จึงขอให้ศาลอนุญาตให้โจทก์เลิกจ้างจำเลยทั้ง 7 โดยให้ไล่ออกจากงาน และให้จำเลยทั้ง 7 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริง ที่คู่ความทั้งสองฝ่ายนำสืบรับฟังแล้ว พิจาณาให้โจทก์เลิกจ้างจำเลยทั้ง 7 ได้ และให้จำเลยทั้ง 7 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เป็นเงิน 15 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ขอบพระคุณ ข้อความดีดี จาก
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=153783
No comments:
Post a Comment