4 ก.พ.66 ขายบุหรี่ไฟฟ้า : ครอบครอง : ผิดกฎหมาย E cigarette
วันที่ 4 กุมภาพันธ์
2566 นายพันธุ์ทอง
จันทร์สว่าง สาธารณสุขอำเภอเลิงนกทา บันทึกไว้
เตือนความจำ จาก
เหตุการณ์ ตำรวจ กับ บุหรี่ไฟฟ้า ที่กำลังมีข่าวโด่งดัง ทุกช่องทางในช่วงนี้
บุหรี่ไฟฟ้า มีคำที่ใช้อื่นๆ เช่น บารากู่ไฟฟ้า หรือ อี-ซิกาแรต Electronic Cigarette : E
cigarette)
ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า : ผิดกฎหมาย
ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. 2557 และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องสินค้าต้องห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ.
2559 กำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำผ่านเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนั้น
ผู้ที่ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าจึงมีความผิดฐานรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงข้อกำจัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น
ตามมาตรา 246 ประกอบมาตรา 244 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้น ตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 มาตรา 4
วางหลัก ให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบ
เนื่องจากเป็นการนำสารนิโคตินเข้าสู่ร่างกายโดยการสูบ ดังนั้น
หากสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเขตปลอดบุหรี่ ก็จะมีความผิดฐาน สูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่
ซึ่งมีระวางโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท
“ถ้าขายก็จะผิดกฎหมายอีกตัว
ตามคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
มีคำสั่งเรื่องห้ามขายหรือให้บริการสินค้าบารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า
หรือตัวยาบารากู่และน้ำยาบารากู่ไฟฟ้า กฎหมายบังคับทั้งตัวบุหรี่ ตัวเครื่อง
และก็ตัวน้ำยาด้วย ถ้าฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6
แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท
โดยปกติเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำสำนวนสั่งฟ้องทั้งหมด ส่งให้อัยการ ส่งศาล
ก็จะพิจารณาพิพากษาตามบทหนักสุด” พล.ต.ท.ไตรรงค์
ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) ...
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/1952029/
ขายบุหรี่ไฟฟ้า : ผิดกฎหมาย
การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดฐาน
“ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งห้ามขาย หรือห้ามให้บริการบารากู่
บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า
หรือบุหรี่ไฟฟ้า” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค
(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 มาตรา 29/9 มาตรา 56/4 และคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ที่ 9/2558 ลงวันที่ 28 มกราคม 2558” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา :
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ปี 2564 สำนักงานสถิติแห่งชาติ
สำรวจประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 57 ล้านคน พบผู้สูบบุหรี่
9.9 ล้านคน ( 17.4 %) ซึ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบจากปี
2560 (19.1%) อย่างไรก็ตาม สัดส่วนที่ลดลง มาจากการประสานพลังกับภาคีเครือข่าย
พร้อมทั้งร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนสังคมไทยปลอดบุหรี่อย่างเข้มแข็ง แต่มีข้อกังวลว่าบางส่วนเลิกสูบบุหรี่
แต่หันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทน
กฎหมายที่บังคับใช้กับบุหรี่ไฟฟ้าอยู่
ณ ปัจจุบัน คือ
ห้ามนำเข้า ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ.2557 โดยหน่วยงานที่สนับสนุนการบังคับใช้
คือ กรมศุลกากรในการตรวจจับ
ห้ามขาย ห้ามให้บริการ ตาม คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2558
สูบในสถานที่สาธารณะ
มีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2564 ยืนยันว่า
ผู้ครอบครองอ้างว่าไม่รู้ ว่าไม่ผิดกฎหมายไม่ได้
แม้คดีนี้จะเป็นเรื่องการครอบครองเตาบารากู่
แต่กฎที่ใช้ก็ใช้บังคับกับบุหรี่ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน
ดังนั้น ถ้าคิดข้อเท็จจริง การที่บุคคลคนหนึ่ง
"ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า" ก็ย่อมต้องเกิดคำถามขึ้นอยู่แล้วว่า
คุณได้บุหรี่ไฟฟ้ามาอย่างไร เพราะโดยต้นทาง
ของระบบกฎหมายเพื่อควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าของไทยเราดักตั้งแต่ต้นทาง คือ
"ห้ามนำเข้า" และกำจัดบุหรี่ไฟฟ้าที่มีในประเทศด้วยการ
"ห้ามขาย/ห้ามบริการ" จึงอาจกล่าวได้ว่า การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าก็ย่อมมี
"ความเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี"
บารากู่
ถือเป็นยาสูบที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ปัจจุบัน ห้ามขายสินค้าบารากู่
บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่
น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ ให้รวมถึงการให้เช่า ให้เช่าซื้อ
หรือจัดหาให้ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ รวมถึงการเสนอหรือการชักชวนเพื่อการดังกล่าว
ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ที่ 9/2558 ลงวันที่ 28 มกราคม 2558 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค(ฉบับที่3) พ.ศ. 2556
และกำหนดให้ บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า
เป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปีหรือปรับเป็นเงินห้าเท่าของสินค้าที่ส่งออกหรือนำเข้า
หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งให้ริบสินค้ารวมทั้งสิงที่ใช้บรรจุและพาหนะ
ที่ใช้บรรทุกสินค้าด้วย ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่องกำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. 2557 และพระราชบัญญัติ
การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
1. คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ที่ 9/2558 เรื่อง
ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า พ.ศ. 2558
2. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค
(ฉบับที่3) พ.ศ. 2556
3. ประกาศกระทรวงพาณิชย์
กำหนดให้บารากู่ และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้าม
ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557
4. พระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า
พ.ศ. 2522
รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถาม
ได้ที่ : สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข
https://mnfda.fda.moph.go.th/narcotic/?p=6009
ขอบคุณภาพประกอบจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Electronic_cigarette
No comments:
Post a Comment