4/27/17

11เม.ย.2560 จ.ยโสธร ถวาย ตู้ยาสามัญประจำวัดพระราชทาน ณ วัดบกน้อย อ.คำเขื่อนแก้ว

11เม.ย.2560 จ.ยโสธร  ถวาย ตู้ยาสามัญประจำวัดพระราชทาน  ณ วัดบกน้อย อ.คำเขื่อนแก้ว

            วันที่ 11 เมษายน 2560 ภาคเช้า ผมนายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ไปพร้อมกับ นายอรุณ ฉายแสง
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บกน้อย
ร่วมกิจกรรมการ การถวาย ตู้ยาสามัญประจำวัดพระราชทาน  ณ วัดบ้านบกน้อย ตำบลดงแคนใหญ่
ประธานสงฆ์ พระครูสิริโชติธรรม เจ้าคณะตำบลดงแคนใหญ่ และเจ้าอาวาสวัดบกน้อย
ประธานในพิธีโดย นายสมศักดิ์ บุญทำนุก นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว

ขอบพระคุณ ผู้ประสานโครงการ โดย นพ.สุใหญ่ หลิ่มโตประเสริฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร มอบหมายให้  ภก.ประเสริฐ ชุษณะวัคคีย์  กลุ่มงาน คุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข เป็นผู้ประสานโครงการ








































            “โครงการถวายตู้ยาพร้อมยาสามัญประจำวัดและเวชภัณฑ์ นี้ มีมาตั้งแต่ปี 2555
เพื่อ เฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที ๑๐ เมื่อครั้ง ดำรงพระยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นโครงการ  ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
ในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕   ในวันนี้เป็นโอกาสดี ที่จังหวัดยโสธร ของเราได้มีท่าน นายสมศักดิ์ บุญทำนุก นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว
มาเป็นประธานในพิธี ทั้งนี้วัดบกน้อยจะใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไปอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญจะใช้ยาให้น้อยที่สุด โดยการรักษาสุขภาพพระและสามเณรให้มีสุขภาพแข็งแรงพระครูสิริโชติธรรม เจ้าคณะตำบลดงแคนใหญ่ และเจ้าอาวาสวัดบกน้อย
           
ขอขอบพระคุณ ผู้ร่วมงานและมีแขกผู้มีเกียรติ อาทิเช่น
นายกนก ประมูลพงศ์ นายกเทศมนตรี ตำบลดงแคนใหญ่
นายเสถียร วงศ์อนันต์ กำนันตำบล ดงแคนใหญ่
นายชาติชาย สิงห์พรหมสาร ผู้อำนวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร
นายเชิดชัย สิงคิบุตร รองผู้อำนวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร
นายศุภชัย เหล็กกล้า ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้าน บกน้อย หนองแคนหนองแปน ตำบลดงแคนใหญ่
ผู้ใหญ่บ้าน  อสม. และประชาชนบ้าน บกน้อย หนองแคน หนองแปน ตำบลดงแคนใหญ่ เป็นต้น

 ด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยสุขภาพพระภิกษุ สามเณร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลสงฆ์เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติในมหามงคลเฉลิมพระชนม์ ๕๐ พรรษา ในปี ๒๕๔๕ พร้อมพระราชทานนามโรงพยาบาลนี้ว่า “โรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ” และได้เสด็จฯ พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ไปทรงวางศิลาฤกษ์โรงพยาบาลแห่งนี้ที่บ้านปลาดุก หมู่ ๓ ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๕ และในวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๑ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ได้เสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลแห่งนี้
          ในวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สำหรับพระภิกษุ สามเณร เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ อยู่ในพระราชูปถัมภ์ฯ และได้เสด็จฯพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ไปทรงเปิดโครงการหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่สำหรับพระภิกษุ สามเณรฯ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ โดยมอบให้มูลนิธิโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ รับผิดชอบดำเนินโครงการ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
          โครงการหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่สำหรับพระภิกษุ สามเณรฯ นี้ มูลนิธิโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ ได้ดำเนินการออกหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่สำหรับพระภิกษุ สามเณร ในพระราชูปถัมภ์ฯ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ - พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เป็นระยะเวลา ๑ ปี ได้ให้บริการตรวจสุขภาพอนามัยแก่พระภิกษุ สามเณร ทั่วประเทศ ๗๗ จังหวัด โดยคณะแพทย์ประกอบด้วย แพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผน ไทย แพทย์แผนจีน และเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง มีพระภิกษุ สามเณร เข้ารับบริการ การตรวจและบำบัดรักษา ๗๗ จังหวัด ทั่วประเทศ เป็นจำนวน ๓๑๓,๖๔๐ รูป

          ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และเพื่อให้บริการสุขภาพพระภิกษุ สามเณร ให้ยั่งยืน แบบองค์รวมและครบวงจร มูลนิธิโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ และโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลง กรณ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ฯ จึงได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวง มหาดไทย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการถวายตู้ยาพร้อมยาสามัญประจำวัดและเวชภัณฑ์ ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ สำหรับถวายประจำวัดละ ๑ ตู้ รวม ๗๗ จังหวัด ทั่วประเทศ จำนวน ๓๗,๓๓๑ วัด ซึ่งคาดว่า โครงการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับพระภิกษุ สามเณร และประเทศชาติ

No comments:

Post a Comment