วันที่ 18 มกราคม 2552 เช้าดูแลสวนหลังบ้านเสร็จ ไปส่ง ลูกชาย เด็กชายภูมิพันธุ์ จันทร์สว่าง และ ไปรับ ลูกสาว ข่าวที่น่าสนใจวันนี้ จาก http://www.thairath.co.th
สธ.ตีแผ่ในรอบ 24 ปี เอดส์คร่าชีวิตคนไทยเกือบแสนคน [18 ม.ค. 52 - 13:35]
นพ. สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าววันนี้ (18 ม.ค.) ถึงสถานการณ์โรคเอดส์ของไทยว่า ตั้งแต่ พ.ศ.2527 จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2551 รวม 24 ปี สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คาดว่า มีผู้ติดเชื้อประมาณ 1,200,000 คน มีผู้ป่วยโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 337,989 คน เป็นชายมากกว่าหญิงในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 เสียชีวิตไปแล้ว 92,111 คน หรือประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยทั้งหมด
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์มีทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะข้าราชการ ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการศึกษา มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมาจนถึง30 ก.ย. 2551 มีข้าราชการป่วยจากโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 10,278 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ของผู้ป่วยโรคเอดส์ทั้งหมดเป็นชาย 9,043 ราย หญิง 1,235 ราย เพศชายป่วยสูงกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 เสียชีวิตไปแล้ว 2,448 ราย โดยผู้ป่วย 1 ใน 3 เป็นกลุ่มข้าราชการพลเรือนอีกประมาณ 1 ใน 10 เป็นทหาร ตำรวจ สาเหตุใหญ่ของการติดเชื้อเอดส์ เกือบร้อยละ 90 เกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย
นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า ข้าราชการที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ร้อยละ 63.8 อายุระหว่าง 30-44 ปี มากที่สุดคือ อายุ 30-34 ปี พบร้อยละ 24 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 61 แต่งงานแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นข้าราชการรายแรกเมื่อ พ.ศ. 2530 มีรายงานป่วยสูงสุด 940 ราย ในปี 2539 หลังจากนั้น เริ่มลดลงอย่างช้าๆ สำหรับในปี 2551 ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึงเดือนก.ย.มีรายงานผู้ป่วย 303 ราย จังหวัดที่มีข้าราชการป่วยเป็นโรคเอดส์สะสมสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร 1,622 ราย ส่วนต่างจังหวัดพบมากที่สุด 5 จังหวัดแรกคือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นนทบุรี และชลบุรี
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโรคฉวยโอกาสที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเอดส์ว่า ที่พบมากที่สุดทุกกลุ่ม คือ วัณโรคปอด โดยพบ 1 ใน 5 ของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม ในปี 2552 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งป้องกันโดยจะเน้นการตรวจหาเชื้อวัณโรคและรักษาควบ คู่กับยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีสุขภาพแข็งแรง สามารถทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป
สธ.ตีแผ่ในรอบ 24 ปี เอดส์คร่าชีวิตคนไทยเกือบแสนคน [18 ม.ค. 52 - 13:35]
นพ. สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าววันนี้ (18 ม.ค.) ถึงสถานการณ์โรคเอดส์ของไทยว่า ตั้งแต่ พ.ศ.2527 จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2551 รวม 24 ปี สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คาดว่า มีผู้ติดเชื้อประมาณ 1,200,000 คน มีผู้ป่วยโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 337,989 คน เป็นชายมากกว่าหญิงในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 เสียชีวิตไปแล้ว 92,111 คน หรือประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยทั้งหมด
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์มีทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะข้าราชการ ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการศึกษา มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมาจนถึง30 ก.ย. 2551 มีข้าราชการป่วยจากโรคเอดส์สะสมทั้งหมด 10,278 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ของผู้ป่วยโรคเอดส์ทั้งหมดเป็นชาย 9,043 ราย หญิง 1,235 ราย เพศชายป่วยสูงกว่าเพศหญิงในอัตราส่วน 7 ต่อ 1 เสียชีวิตไปแล้ว 2,448 ราย โดยผู้ป่วย 1 ใน 3 เป็นกลุ่มข้าราชการพลเรือนอีกประมาณ 1 ใน 10 เป็นทหาร ตำรวจ สาเหตุใหญ่ของการติดเชื้อเอดส์ เกือบร้อยละ 90 เกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย
นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า ข้าราชการที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ร้อยละ 63.8 อายุระหว่าง 30-44 ปี มากที่สุดคือ อายุ 30-34 ปี พบร้อยละ 24 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 61 แต่งงานแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นข้าราชการรายแรกเมื่อ พ.ศ. 2530 มีรายงานป่วยสูงสุด 940 ราย ในปี 2539 หลังจากนั้น เริ่มลดลงอย่างช้าๆ สำหรับในปี 2551 ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึงเดือนก.ย.มีรายงานผู้ป่วย 303 ราย จังหวัดที่มีข้าราชการป่วยเป็นโรคเอดส์สะสมสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร 1,622 ราย ส่วนต่างจังหวัดพบมากที่สุด 5 จังหวัดแรกคือ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นนทบุรี และชลบุรี
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโรคฉวยโอกาสที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเอดส์ว่า ที่พบมากที่สุดทุกกลุ่ม คือ วัณโรคปอด โดยพบ 1 ใน 5 ของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม ในปี 2552 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งป้องกันโดยจะเน้นการตรวจหาเชื้อวัณโรคและรักษาควบ คู่กับยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีสุขภาพแข็งแรง สามารถทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป
ขอบคุณคับ
ReplyDelete