16 ต.ค.65 ตัวเพื่อน ตัวเรา เท่ากัน คือเป็นคน คุณค่า ความดี ต่างวิถี เพื่อนดีมี 10ข้อ
16 ตุลาคม 2565 นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ขออนุญาตใช้ข้อมูล
บันทึกไว้เพื่อข้อคิดจาก กรุงเทพธุรกิจ ขอบคุณแหล่งที่มา จาก
https://www.bangkokbiznews.com/columnist/1000979
“อาหารสมอง” วันนี้จานแรก เกี่ยวกับ การเข้าใจผิด ข้อหนึ่งคือการเข้าใจผิดว่า
“ดีกับเขาแล้วเขาต้องดีกับเรา” ความจริงก็คือ “เรามีหน้าที่ดีกับเขา
ส่วนเขาจะดีหรือไม่ดีกับเรา มันเป็นเรื่องของเขา”
คุณสมบัติของ ความเป็นเพื่อนที่ดี ข้อ 1. “เปลือกคือคนรู้จัก
กระพี้คือเพื่อน แก่นคือเพื่อนแท้ หากเป็นทั้งหมดได้ นั่นคือคำว่า กัลยาณมิตร
ข้อเขียนของ พศิน
อินทรวงค์
หัวข้อ เพื่อนที่ดีมี 10 ข้อด้วยกัน ข้อแรก คือ กัลยาณมิตร ด้านบน เหลืออีก 9 ข้อ ดังต่อไปนี้
1. แม้ เป็นเพื่อนที่ดี แล้ว ย่อมเข้าใจตัวตนของผู้เป็นเพื่อน จุดอ่อน
จุดแข็ง ธรรมชาติตัวตนของเขา เราต่างเป็นคนธรรมดา หาใช่เทวดามาจากไหน เว้นที่ว่างไว้ให้เพื่อนของเรา ได้เป็นตัวตนในแบบธรรมชาติ เพราะเพื่อนของเราคือมนุษย์คนหนึ่ง ผิดบ้าง พลาดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง
2. แม้ เป็นเพื่อนที่ดี แล้ว ควรให้กำลังใจกันและกัน พูดในสิ่งที่เพื่อนมีกำลังใจจะไปต่อ มิใช่พูดแล้วเพื่อนทุกข์ท้อหมดเรี่ยวแรง ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำเรื่องเล็กให้ไม่มีเรื่อง ความฝันใหญ่ๆ ให้กำลังใจว่า
ใจเพื่อนเราใหญ่กว่าความฝัน
อย่าดับความฝันเพื่อน
เมื่อเพื่อนพูดคุยกับเราแล้ว
เขาสมควรได้รับกำลังใจกลับไป
3. จงแนะนำ
แต่อย่าออกคำสั่ง คำแนะนำ ก็คือ คำแนะนำ ไม่จำเป็นต้องทำ หรือจะทำก็ได้
ส่วนคำสั่งนั้น แม้เขาไม่ทำ ย่อมนำความโกรธ ความร้อนมาสู่ใจ แนะนำเพื่อนแล้ว จงปล่อยให้เขาเป็นตัวของตัวเอง เราเพียงอยู่เคียงข้าง ให้เขารู้ว่า
โลกของเรายังต้อนรับเขาเสมอ
4. ความเป็นเพื่อน คือสายลมพัดผ่าน คือการเปิดพื้นที่ให้อิสระ ไม่ตัดสิน
ไม่บงการ ไม่ชี้ถูกชี้ผิด คือความเท่าทัน ทัดเทียม
ไม่มีฐานะ ไม่มีเพศ ไม่มีวัย
ไม่มีคำนำหน้า
ไม่แบ่งแยกชาติพันธุ์
เราเพียงรู้ว่า คนๆ
นี้คือเพื่อนของเรา
เพื่อนของเราอาจเป็นผู้รู้
แต่เขาก็เป็นเพียงเพื่อนของเรา
เพื่อนของเราอาจเป็นคนไม่เอาไหนในสายตาคนอื่น แต่เขาก็ยังเป็นเพื่อนของเราอยู่ เป็นเพื่อนของเรา ที่เราพูดคุย
หยอกล้อได้ด้วยความสบายใจ
ความเป็นเพื่อนคือความผ่อนคลาย
เอนกาย สบายใจ
5. เป็นเพื่อนกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องเห็นเหมือนกันทุกอย่าง ผลัดกันพูด
ผลัดกันฟัง
เป็นการถ่ายเทความรู้อย่างหนึ่ง
เพื่อนรู้อะไรก็มาบอก
เรารู้อะไรดีๆ ก็ไปบอกเพื่อน
เราต่างชื่นชมดอกไม้ทั้งโลก
เพื่อนคือผู้นำดอกไม้ทั้งโลกมาฝากเรา
6. จุดความสว่างให้ตนเองก่อน แล้วเดินไปใกล้ๆ เพื่อน เขาจะได้รับแสงไฟนั้น เพียงเดินเข้าไป แต่อย่าไปจุดแสงสว่างให้เขา ให้เขาเป็นผู้จุดแสงนั้นเอง หากเขาไม่จุด
เราจงอยู่ใกล้ๆ
เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเดินสู่ทางมืด
หากเขาจุด แสงสว่างของเราและเขา จะทำให้เราและเขา ผู้เป็นเพื่อนกัน มีชีวิตที่สว่างไสวมากยิ่งขึ้น
7. สิ่งใดที่เขาเคารพ สิ่งนั้นคือสิ่งที่เราสมควรให้เกียรติ สิ่งใดที่เขารักนั้นคือสิ่งที่เราสมควรดูแล สิ่งใดที่เขาปรารถนา นั่นคือสิ่งที่เราสมควรบอกเล่า ส่งข่าว
จงเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ดีงามให้เพื่อนของเรา
จงเป็นสายลมเย็น แสงดาว และต้นหญ้าน่ารัก ไม่ต้องเป็นสิ่งใหญ่โต แต่จงเป็นสิ่งเล็ก ๆ เพราะสิ่งเล็กๆ อยู่ได้นานกว่า เราอาจเป็นเพื่อนกับใครคนหนึ่งได้จนวันตาย
8. ชีวิตหนึ่ง
เกิดมาคนเดียว
และตายไปคนเดียว แต่ก่อนตาย เราทุกคนสมควรได้รับเกียรติ ให้เป็นเพื่อนแท้ของคนบางคน เรามิได้มีเพื่อนเพื่อความสุข แต่เรามีเพื่อน เพราะต้องการให้ใครบางคนมีความสุข ความสุขของเขา
คือความสุขของเรา
และความทุกข์ของเขา
จะมีเราเป็นผู้แบ่งปันเคียงข้าง
ความเป็นเพื่อนคือสิ่งยิ่งใหญ่ไร้ตัวตน
เราไม่เคยยกย่องเพื่อน
เพราะเพื่อนมิใช่บิดามารดา
ทว่า
เพื่อนก็ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่
เราวิ่งไปด้วยกัน แตะลูกบอล และเล่นตุ๊กตาไปด้วยกัน ฉันมีของเล่นใด ฉันจะแบ่งให้เธอ เพราะเราคือเพื่อนกัน
9. เมื่ออ่านบทความนี้จบ โปรดใช้เวลาสักเล็กน้อย แล้วนึกถึงเพื่อนของท่าน นึกถึงความทรงจำงดงาม
นึกถึงคืนวันดีๆ ส่งข้อความไปทักทายบ้าง ส่งข้อความไปขอบคุณเขาบ้าง
นานแค่ไหนแล้ว
ที่ไม่ได้เอ่ยคำว่า คิดถึง ไม่ได้รักหรอก
ก็ใครเล่าจะไปบอกรักเพื่อน
เพื่อนไม่ได้ยิ่งใหญ่ และต้องการอะไรขนาดนั้น
แค่บอกว่า... เมื่อไหร่ว่าง ไปกินข้าวกันบ้าง ก็พอแล้ว…
ขอบคุณ นักคิดนักเขียน ชั้นยอด ***พศิน อินทรวงค์*** ครับ
No comments:
Post a Comment