22 มค.2558
_การเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงิน และการยืมเงิน
วันที่
19-22 มกราคม 2558 ผม
นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง เข้ารับการอบรม
ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานด้านการเงินการคลัง หน่วยงานในสังกัด
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ณ โรงแรมพูลแมน จังหวัดขอนแก่น
สรุปเนื้อหา
สำหรับเตือนความจำและใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ได้ โดยย่อ ดังนี้
หลักฐานการรับจ่ายเงินต้องมีรายการสาระสำคัญ
ครบ 5 รายการ
วันที่ 22 มกราคม 2558 การบรรยายเรื่อง ระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วย
การเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ วิทยากร
โดย นางกฤติยา ทองไกรรัตน์ คลังเขต ๔
การบรรยายเรื่อง ระเบียบ
กระทรวงการคลังว่าด้วย เงินสวัสดิการและคั่กษาพยาบาล
วิทยากร
โดย นางกฤติยา ทองไกรรัตน์ ฝ่ายวิชาการ สำนักงานคลังเขต ๔
การใช้จ่ายเงินงบประมาณ
ผู้ได้รับมอบหมาย
สามารถดำเนินการเบิกเงินจากคลัง อนุมัติจ่ายเงิน นำเงินส่งคลัง
บันทึกและปรับปรุงข้อมูลและการเรียกรายงานในระบบ
การมอบหมาย ให้ผู้ใดมีหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน ต้องจัดทำเป็นคำสั่งและมอบหมายด้วยลายลักษณ์อักษร
หลักเกณฑ์การเบิกเงิน
n ห้ามเบิกก่อนถึงกำหนดจ่าย
n ให้เบิกเมื่อหนี้ถึงกำหนด
หรือใกล้จะถึงกำหนด
n ขอเบิกเพื่อการใดให้จ่ายเพื่อการนั้น
n เบิกเฉพาะที่ถูกต้องตามกฏหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ กฏหมาย คำสั่งและมติคณะรัฐมนตรี
n ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นปีใดให้จ่ายในปีนั้น
n งบกลาง
รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินช่วยเหลือ เงินสมทบ เงินชดเชย ค่ารักษา
ข้ามปีได้
n ค่าใช้จ่ายประจำ
เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ เบิกเมื่อได้รับแจ้งหนี้
( เบิกข้ามปีได้ )
n การชำระหนี้เงินตราต่างประเทศให้ชำระเป็นบาท
n การเบิกเงินทุกกรณี
ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามประมวลรัษฎากร
n ให้ส่วนราชการอื่นเบิกแทนได้
การขอเบิกเงินของส่วนราชการ
สำหรับการ สั่งซื้อ สั่งจ้าง
กรณีมีใบสั่งซื้อ สั่งจ้าง สัญญาจ้าง หรือ
ข้อตกลงการจ้าง ซึ่งมีวงเงินตั้งแต่ 5,000 บาท
(ห้าพันบาท) ขึ้นไป
ให้ส่วนราชการ จัดทำ
ตามระบบทาง Electronic การจ่ายเงิน
กรมบัญชีกลาง จะต้อง จ่ายเงินให้เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิ์รับเงินโดยตรง
หลักเกณฑ์การจ่ายเงินยืม
- ต้องถูกต้องตามกฏหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง
และมติคณะรัฐมนตรีหรือตามที่ได้รับจากกระทรวงการคลังโดยผู้มีอำนาจอนุมัติให้จ่าย
- ผู้อนุมัติลงนามอนุมัติจ่ายในหลักฐานการจ่าย
-
การจ่ายต้องมีหลักฐานการจ่ายไว้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ
- ถ้ายังไม่จ่ายเงิน ห้าม เรียกหลักฐานการจ่าย
n ถ้าข้าราชการ
ลูกจ้าง หรือผู้รับบำนาญมารับเงินไม่ได้ให้ใช้
ใบมอบฉันทะและถ้าเป็นบุคคลอื่นให้ใช้ใบมอบอำนาจ
n การจ่ายเงินกรณีโอนสิทธิเรียกร้องให้เป็นไปตามกระทรวงการคลังกำหนด
n เจ้าหน้าที่ผู้จ่ายเงินต้องประทับตรา
“ จ่ายเงินแล้ว
” โดยลงลายมือชื่อรับรองการจ่ายและระบุชื่อผู้จ่ายด้วยตัวบรรจงพร้อม วัน เดือน ปี กำกับไว้ในหลักฐานการจ่ายทุกฉบับ
เหตุผลที่ต้องประทับตรา “ จ่ายเงินแล้ว ”หลักการคือ
ป้องกันการนำ เอกสารเหล่านั้น กลับมาใช้ในการเบิกจ่ายเงินซ้ำ
หลักฐานการรับจ่ายเงินต้องมีรายการสาระสำคัญ
ครบ 5 รายการ
หลักฐานการจ่าย
n การจ่ายเงินทุกครั้งต้องใช้ใบเสร็จรับเงิน
(ใบสำคัญคู่จาย) หรือ
ใบสำคัญรับเงิน หรือ ใบรับรองการจ่ายเงิน หรือ ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน(เช่นรับรองค่าพาหนะเดินทาง)
แบบคำขอเบิกเงินที่มีช่องผู้รับเงิน
หรือ เอกสารอื่นใดที่กระทรวงการคลังกำหนด ให้ใช้เป็นหลักฐานการจ่าย
เช่น
การณีจ่าค่า ทิป กรณีไปราชการต่างประเทศ
ซึ่งจะจ่ายเงินป็นกรณีใดก็ตาม ใบเสร็จรับเงิน
หรือหลักฐานการรับเงินเหล่านั้น อย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ครบ 5
รายการ ดังต่อไปนี้
1.
ชื่อ สถานที่อยู่ หรือที่ทำการของผู้รับเงิน
2.
วัน เดือน ปี ที่รับเงิน
3.
รายการแสดงการรับเงินระบุว่าเป็นค่าอะไร
4.
จำนวนเงินทั้ง ตัวเลข และตัวอักษร
5.
ลายมือชื่อผู้รับเงิน
ถ้าไม่สามารถเขียนใบเสร็จรับเงินได้
ให้ใช้ใบสำคัญรับเงิน
เพื่อเป็นหลักฐานการจ่าย
-
จ่ายแล้วได้ใบเสร็จไม่ครบทุกรายการ
ให้ทำใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงินเบิกและทำใบสำคัญรับเงินและลงชื่อในใบสำคัญรับเงิน
- ถ้าใบเสร็จหาย ให้ใช้สำเนาใบเสร็จมาเบิกแทนได้โดยการให้ผู้รับเงินรับรองเป็นเอกสารเป็นการเบิกแทน
หรือ
หากไม่สามารถหาสำเนาได้
ให้ใช้ใบรับรองการจ่ายเงินแทนก็ได้
โดยให้ผู้ขอเบิกลงลายมือชื่อรับรองการจ่ายเงินแทน--
หากหลักฐานการจ่ายผิดต้องแก้ไขโดยวิธีการขีดฆ่าแล้วเขียนใหม่และให้ผู้รับเงินลงนามกำกับชื่อทุกแห่ง
วิธีปฏิบัติในการจ่ายเงิน
หลักการคือ การจ่ายเงินให้จ่ายเป็นเช็ค
ยกเว้น 3 รายการต่อไปนี้สามารถจ่ายเป็นเงินสดได้
1.
เงินทดรองราชการซึ่งเก็บไว้เป็นเงินสด หรือ
2.
การจ่ายเงินให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้าง
พนักงานราชการ
ผู้รับบำนาญหรือเบี้ยหวัด หรือ
3.
การจ่ายเงินที่มีวงเงินต่ำกว่าห้าพันบาท
( กรณีนี้หากจ่ายเป็นเช็คสามารถจ่ายเช็คในนามเจ้าหน้าที่การเงินแล้วเบิกเป็นเงินสดไปจ่ายให้ผู้มีสิทธิได้
)
การเขียนเช็คให้ปฏิบัติดังนี้
1.
การจ่ายให้เจ้าหนี้หรือผู้ที่รับเงินในกรณีซื้อทรัพย์สินจ้างทำของ
หรือเช่าทรัพย์สินให้สั่งจ่ายในนามเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิ รับเงิน
ให้ขีดฆ่าคำว่า หรือผู้ถือ และขีดคร่อมด้วย
2. การจ่ายเช็คให้กับผู้รับเงินนอกจากกรณีตาม ข้อ
(1) ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามเจ้าหนี้ หรือผู้มีสิทธิ์รับเงิน
3.
ในกรณีสั่งจ่ายเงินเพื่อขอรับเงินมาจ่ายให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามเจ้าหน้าที่การเงินของส่วนราชการและขีดฆ่าคำว่า
หรือ ผู้ถือออก ห้ามออกเช็คสั่งจ่ายเป็นเงินสด ห้ามลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คไว้ล่วงหน้าโดยยังมิได้มีการเขียนหรือพิมพ์ชื่อผู้รับเงิน วันที่ออกเช็คและจำนวนเงินที่สั่งจ่าย
4.
การเขียนหรือพิมพ์จำนวนเงินในเช็คที่เป็นตัวเลขและตัวอักษร ให้เขียนหรือพิมพ์ชิดเส้นและชิดคำว่าบาท
หรือขีดเส้นหน้าจำนวนตัวเลขและตัวอักษรโดยไม่มีช่องว่างให้เติมได้ และให้ขีดเส้นหลัง ชื่อ - สกุล ชื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด “หรือผู้ถือ” โดยมิให้
มีการเขียนชื่อบุคคลอื่นเติมได้
การจ่ายเงินยืม
- รูปแบบของสัญญายืมเงิน สัญญาวางหลักทรัพย์และสัญญาค้ำประกัน เป็นไปตามแบบที่กระทรวงการคลังกำหนด
- มีผู้อนุมัติจ่ายเงินยืม
- การจ่ายเงินยืมจ่ายได้เฉพาะผู้ยืม และมีผู้อนุมัติจ่ายหรือมอบฉันทะ
- ให้ยืมเท่าที่จำเป็นและห้ามยืมซ้ำราย
n เงินนอกงบประมาณให้ยืมได้ตามวัตถุประสงค์ของเงินนอกงบประมาณประเภทนั้น
หรือกรณีอื่นซึ่งจำเป็นและเร่งด่วนแก่ราชการและได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจ
n สัญญาต้องทำ
2 ฉบับ
n ถ้ายืมคาบเกี่ยวปีงบประมาณให้ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายของปีงบประมาณที่ยืม
n ค่าใช้จ่ายเดินทางคาบเกี่ยวได้
90 วัน
รายการที่สามารถจ่ายเป็นเงินยืมได้
การจ่ายเงินยืมทำได้เฉพาะงบรายจ่ายดังต่อไปนี้
1.
รายการค่าจ้างชั่วคราว
2. รายการค่าตอบแทน ใช้สอย
และค่าวัสดุ
3. รายการค่าสาธารณูปโภค
ยืมได้เฉพาะค่าไปรษณีย์โทรเลข
4. งบกลางเฉพาะ 4.1
สวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร หรือ 4.2 เงินสวัสดิการเกี่ยวกับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวสำหรับลูกจ้างชั่วคราวซึ่งไม่มีกำหนดจ่ายค่าจ้างเป็นงวดแน่นอน
( ข้อสังเกต เหตุผลที่ค่ารักษาพยาบาลไม่สามารถยืมได้
เพราะไม่สามารถทราบจำนวนที่แน่นอนในแต่ละครั้ง ส่วน สวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร
และ เงินสวัสดิการเกี่ยวกับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวสำหรับลูกจ้างชั่วคราว
นั้นมีระเบียบกำหนดจำนวนที่จ้องจ่ายชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นจำนวนเท่าใด)
5.
งบรายจ่ายอื่นที่จ่ายลักษณะเดียวกันกับ (1) (2) หรือ (3)
-
การจ่ายเงินยืมในราชอาณาจักรในการเดินทางไปราชการต้องไม่เกิน 90 วัน
ถ้าเกินต้องขอตกลงกระทรวงการคลัง
การยืมเงินคาบเกี่ยวระหว่างปีงบประมาณ
เงินงบประมาณปลายปีงบประมาณก่อน ถูกยืมคาบเกี่ยวไปต้นปีงบประมาณใหม่
สามารถยืมเงินงบประมาณปีก่อน คาบเกี่ยวไปปีงบประมาณใหม่ ได้ไม่เกิน 90
วัน ( ไม่เกินวันที่ 30 ธันวาคม ของปีถัดไป )
การคืนเงินโดยทั่วไปต้องคืนภายใน
30 วัน นับจากวันที่ได้รับเงิน
แต่การยืมเงินไปราชการชั่วคราว ต้อง คืนภายใน
15 วัน นับจากวันที่กลับมาถึง
กำหนดการส่งใช้เงินยืม
- เดินทางไปประจำต่างสำนักงาน คืนภายใน
30 วันนับจากวันที่ได้รับเงิน
2. ไปราชการชั่วคราว อื่นๆ เช่น ไปฝึกอบรม ประชุม
สัมมนา ต้องคืนภายใน 15 วัน นับจากวันที่กลับมาถึง
3. นอกจาก 1 หรือ 2 ให้ส่งเอกสารแก่ส่วนราชการผู้ให้ยืมภายใน
30 วัน นับจากวันได้รับเงิน
การยืมเงินไปราชการ
ผู้เดินทางเป็นผู้ยืมหากเดินทางไปหลายคนไปร่วมกัน
ผู้ใดผู้หนึ่งในคณะสามารถยืมแทนกันได้
การเขียนรายงานการเดินทาง
ให้ผู้ยืมเงินเป็นผู้เขียนรายงานการเดินทาง แม้ว่าผู้ยืมจะไม่ใช่หัวหน้าคณะก็ตาม
รับคืนใบสำคัญเพื่อล้างหนี้
n ออกใบรับใบสำคัญ
/ ใบเสร็จรับเงิน ( รายละเอียดตามรายการด้านหลังใบยืมเงิน)
n หากชำระล่าช้า
ผู้อนุมัติต้องติดตามให้ปฏิบัติตามสัญญาภายใน 30 วัน นับจากวันครบกำหนด
ถ้าปฏิบัติตามระเบียบไม่ได้
ให้พิจารณาสั่งการบังคับตามสัญญายืมเงิน เช่น หักเงินเดือน รายได้อื่นของเขา
เป็นต้น
กรณีให้บุคคลอื่นยืม
ต้องมีหลักประกันการยืมเงิน
คำถาม : ผู้ยืมไม่คืนเงินตามกำหนดเวลา
หลักการให้ปฏิบัติดังนี้
1. เจ้าหน้าที่การเงินทำเอกสารทวงถามผู้ยืมให้คืนภายใน
15 วัน
2.
ทำรายงานเสนอผู้บังคับบัญชา
ขอหักเงิน ของผู้ยืมตามสัญญา
3.
หากยังไม่ชดใช้
อีก ให้ผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่ ดำเนินการทางวินัย
การรับเงินของส่วนราชการ
ใบเสร็จรับเงิน
- ใบเสร็จรับเงิน
ให้ใช้ตามแบบที่กรมบัญชีกลางกำหนด
- ต้องทำทะเบียนคุมใบเสร็จรับเงิน
- ใบเสร็จรับเงินให้ใช้เฉพาะในปีงบประมาณ
- ให้จัดทำรายงานการใช้ใบเสร็จประจำปีงบประมาณ
- ห้ามขูดลบแก้ไขเพิ่มเติม จำนวนเงิน / ชื่อผู้ชำระเงิน
- เก็บรักษาใบเสร็จไว้ในที่ปลอดภัย
n ให้รับเป็นเงินสด
เว้นแต่การรับเป็นเช็ค ดร๊าฟ หรือ วิธีการอื่นตามกระทรวงการคลังกำหนด
n ต้องออกใบเสร็จรับเงินทุกครั้งที่รับเงิน
n ให้บันทึกข้อมูลรับเงินในระบบ
ภายในวันที่รับเช็ค
n หัวหน้าส่วนราชการมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรตรวจสอบจำนวนที่จัดเก็บและหลักฐานที่บันทึกไว้ในระบบ
- ใบเสร็จรับเงินสูญหาย
ให้ส่วนราชการแจ้งหาย แล้วทำหนังสือแจ้งเวียนส่วนราชการต่างๆทราบ
การเก็บรักษาเงินของส่วนราชการ
- ให้เก็บเงินในตู้นิรภัย
- ให้แต่งตั้งกรรมการเก็บรักษาเงิน
- ให้จัดทำรายงานเงินคงเหลือประจำวัน
การนำเงินส่งคลังและฝากคลัง
- เงินเบิกจากคลัง หากจ่ายไม่หมดต้องคืนคลังภายในสิบห้าวัน ทำการนับจากวันรับเงินจากคลัง
- นำส่งเงินเหลือจ่าย ภายในปีงบประมาณ /
ก่อนสิ้นระยะเวลาเป็นเงินเบิกเกินส่งคืน
หากส่งหลังเป็นเงินรายได้แผ่นดิน
การกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี
- กันเงินแบบมีหนี้ผูกพัน กันได้ 6 เดือน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณ
- กันเงินแบบไม่มีหนี้ผูกพัน ให้ตกลงคลังเมื่อได้รับอนุมัติแล้วกันเงินได้
- การขอกันเงินต้องดำเนินการก่อนสิ้นปีงบประมาณ
การควบคุมและตรวจสอบ
- ให้บันทึกบัญชีตามแบบระบบบัญชีของส่วนราชการ
- ให้จัดทำรายงานเงินคงเหลือประจำวันทุกวัน ตามแบบกรมบัญชีกลางกำหนด
- ให้อำนวยความสะดวกในการที่ สตง. และผู้ตรวจสอบภายใน
-
หากส่วนราชการใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม หรือผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาสั่งการโดยด่วน
- หากปรากฏว่าเงินขาดบัญชีให้หัวหน้าส่วนราชการ /
ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานกระทรวงเจ้าสังกัดทราบ
และดำเนินการสอบสวนหาผู้กระทำผิด
ทางละเมิดหรือความผิดทางอาญาแผ่นดินให้ฟ้องร้องดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิด
นี่คือ นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว
ผู้อนุญาตให้คณะของเรา เข้ารับการอบรม ครับ
No comments:
Post a Comment