12/26/22

24 ธ.ค.65 สุขจริง คือสุขภาพ : กรณี เศรษฐีมีบ้านหรู จากเชียงราย-สุไหงโกลก

24 ธ.ค.65 สุขจริง คือสุขภาพ : กรณี เศรษฐีมีบ้านหรู จากเชียงราย-สุไหงโกลก

 

วันที่ 24 ธันวาคม 2565 นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง บันทึก เรื่องราวที่มีผู้แต่ง เตือนความทรงจำ จากผู้เขียน (นิรนาม)

ส่งต่อมาทาง group Line  หัวข้อ  what is true happiness ความว่า

นักธุรกิจคนหนึ่ง ผู้มีคุณวุฒิ ระดับ ดร. ให้สัมภาษณ์ กับ นิตยสารฉบับหนึ่ง ว่า...ตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจมา ทั้งชีวิต เขามีเงินมาก พอที่จะตระเวนซื้อบ้านหรูได้ ตั้งแต่ เชียงราย ถึงสุไหงโกลก (เหนือสุด จรด ใต้สุด) มีบ้านหรู 'เกิน' 10 หลัง   "แต่ใน หนึ่งปีเขากลับได้นอน'ไม่ครบทุกหลัง คนที่ได้นอนครบเกือบทุกหลัง คือ คนรับใช้ของเขา"

            คนรับใช้ ได้นอนคฤหาสน์หรูที่เชียงราย เชียงใหม่ เลย ขอนแก่น ภูเก็ต และ หัวหิน  คนรับใช้ทุกคน อยู่อย่างมีความสุข ท่ามกลาง ธรรมชาติ  ต้นไม้ แม่น้ำ และ ความสงบ ภายในบริเวณบ้าน

แต่ เศรษฐีที่เป็นเจ้านาย กลับ ทำงานหนักงกๆอยู่ในกรุงเทพฯ ... แต่ละวันเจอรถติด'ไม่ต่ำกว่า 3-4 ชั่วโมง

 และอาศัยอยู่ใน คอนโดฯ รังหนูขนาด ไม่ได้ครึ่งหนึ่ง ของบ้านพักตากอากาศที่เขาซื้อเลย  นี่คือ ชีวิต ของคนกรุงที่เขาต้องเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

               ขณะที่ชีวิตของเขากำลังไปได้ดี  เขาก็เริ่มป่วยด้วยโรคสำหรับคนรวย นั่นคือ 'โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่’

ในที่สุด เขาก็ต้องรับการบำบัดด้วยการฉายแสงคีโม จากนั้นเส้นผมก็ร่วง  เขามองเห็นสภาพของตัวเอง

นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวว่า   ใกล้จะเป็น ‘ซอมบี้' เข้าไปทุกที 

บรรลุธรรมขณะนอนป่วยในโรงพยาบาล

ไม่นาน' ... ก็เกิดการ  บรรลุธรรมน้อยๆ ขึ้นมาบนเตียง ว่า … "แท้ที่จริงแล้ว ชีวิตต้องการที่นอนเพียงพอแค่ รองรับแผ่นหลังได้เท่านั้น ”     - เงินที่หาได้ ก็อยู่ในธนาคาร   - ชื่อเสียง ก็อยู่กับสายลม 

               ในช่วงแรกๆ ที่ป่วย ก็มีคนทยอยมาเยี่ยม แต่ครั้นเริ่มป่วยหนัก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย ไม่มีคนอยากเห็นสภาพของเขาแล้ว และตัวเขาเองก็ไม่อยากให้ใครมาเยี่ยมเพื่อเห็นสภาพของเขา ด้วย

            เขาตัดสินใจว่า จะขอตายไปกับสภาพที่ไม่อยาก ให้ใครเห็น 

วันหนึ่ง ... ตื่นขึ้นมาก็เกิดอาการ สังเวชตัวเองว่า   "ชีวิตเราที่จริงนั้น  ไม่ต้องการอะไรมากเลย

เราต้องการ 'สิ่งพื้นฐานที่สุด'    นั่นก็คือ   

- ขอให้เส้นผม กลับมาสีดำเหมือนเดิม   - ขอให้เคี้ยวข้าว และ กลืนลงคอได้โดยไม่เจ็บปวด 

- ขอเพียงเข้าห้องน้ำได้เองโดยไม่ต้องมีคนคอยประคอง   - และ

- ขอให้นอนลงไปบนเตียงเต็มแผ่นหลัง โดยไม่ต้องร้องโอดโอยเจ็บปวด

  เขาเริ่มตระหนักได้ว่า   "แท้จริงแล้วชีวิต ไม่ต้องการ  อะไรมาก"

เขาตัดสินใจสละทุกอย่าง  พอปล่อยลงปลงได้  ต่อมาก็หายป่วย   'หนึ่งในล้านคน' จะเป็นอย่างนี้คนหนึ่ง 

เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว  เขาก็ขายบ้านทุกหลังที่มี ตั้งแต่เหนือจรดใต้

เขาบอกว่า "ป่วยใหญ่คราวนี้ ผมรู้เลยว่า  'สิ่งที่จำเป็นที่สุดของชีวิต' คืออะไร และหันหลังให้

ชีวิตความเป็นนักธุรกิจอย่างสิ้นเชิง

ตัดสินใจไป ใช้ชีวิตเรียบง่ายในต่างจังหวัด ทำเกษตรอินทรีย์

- บอกลา ความหรูหรา เกียรติยศ - บอกลา ชื่อเสียง ลาภยศ ทรัพย์สิน อำนาจ ที่คนประเคนให้ทั้งหมด

- เมื่อความตายคืบคลานเข้ามา   สิ่งเหล่านี้ทั้งหลายกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย

            ทุกวันนี้ เขาอยู่กับ สิ่งที่มีความสุข เป็นชีวิตที่แสนจะเรียบง่าย ไม่ต้องการอะไรมากมาย

กรณีเศรษฐีคนนี้คือตัวอย่างของคนที่ค้นพบคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง   เมื่อค้นพบอย่างนี้

- เรื่องที่อยู่เขา 'ไม่สะสม' อีกต่อไป - สิ่งที่สะสมตอนนี้คือ สุขภาพ

เขา บอกว่าตอนที่ผมป่วยผมลืมตาขึ้นมาเห็นแต่พยาบาล ญาติสักคนหนึ่งก็ไม่เห็น ญาติมาเยี่ยม

แล้วก็หายไป บอกว่า ติดงาน เขาลุกขึ้นมาบนเตียงแล้วเขียนบันทึกในไดอารี่ ว่า

แม้ตอนที่ผมจะตาย ญาติของผมก็ยังมีแก่ใจว่าติดงาน สงสัยจะว่างตอนผมตายแล้ว..

นี่คือสิ่งที่เขาสะเทือนใจที่สุด เขามารู้สัจธรรมบนเตียงนอน ในขณะที่เข้ารับการรักษา

ในโรงพยาบาลนี่เอง และได้รู้ว่า " ชีวิตนี้ ต้องใช้ให้ง่ายที่สุดไม่อย่างนั้น จะไม่เหลือวันเวลา

แห่งความสุขสำหรับตัวเองเลย "    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป   มรณานุสติ !!!

               ขอบคุณข้อคิดนี้ ไม่รู้ว่าใครเขียน แต่ชื่นชมว่าสรุปได้ดี ขอบันทึกไว้ เตือนความทรงจำด้วยคนครับ





No comments:

Post a Comment