7/11/13

4 กค.2556 หัวดี หน้าดี ราศรีผู้นำยุคใหม่:คาถา 7ย.ข้อคิด พระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10

4 กค.2556 หัวดี หน้าดี คือราศรีผู้นำยุคใหม่: คาถา 7 ย.ข้อคิดจาก พระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10
วันที่ 4 กรกฎาคม 2556 ผมนายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง เข้าร่วมกิจกรรม สดับตรับฟัง พระธรรมเทศนา จาก พระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10  ณ หอประชุม 100 ปี อำเภอคำเขื่อนแก้ว ในหัวข้อ หัวดี หน้าดี คือราศีผู้นำยุคใหม่ 
            ซึ่ง นายสมเพชร  สร้อยสระคู นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว
ได้จัดกิจกรรมดีๆ นี้ขึ้น สำหรับ หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหาร และสมาชิกสภา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และคณะกรรมการหมู่บ้าน มีผู้ร่วมรับฟังพระธรรมเทนา กว่า 1,000 คน
            สรุป ข้อคิด ที่ได้ จากการฟังพระธรรมเทศนาในวันนี้
หัวดี หน้าดี คือราศีผู้นำยุคใหม่  
ผู้นำ หรือ ผู้บริหารที่ดี ต้อง สามารถบริหารได้ดีทั้ง บริหารตน บริหารคน บริหารงาน 
ผู้นำ หรือ หัวหน้า สำคัญอย่างไร   บ้านเมือง คำเขื่อนแก้ว จะเจริญ ก้าวหน้าได้ ขึ้นอยู่กับ พวกเราทั้งหลายที่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้ เพราะทุกคนล้วนเป็นผู้นำ ของหมู่บ้าน ของตำบล ของอำเภอ สิ่งใดดีดี ที่พวกเราช่วยกันทำ ก็จะส่งผลให้ สำเร็จ เจริญงอกงาม   สิ่งไม่ดีต่างๆ หากพวกเรา ที่อยู่รวมกัน ณ ที่นี้ ไม่ให้กระทำ ก็ไม่สามารถกระทำได้ ในอำเภอของเรา ไม่ว่าจะเป็น การพนัน หรือยาเสพติด หรืออบายมุขอื่นๆก็ตาม
พวกเรามาร่วมกันในวันนี้ มาร่วมกันสร้างความดีหนุนชีวิต  ความดีก็มีอยู่หลายอย่าง  ทั้ง คิดดี  พูดดี  ทําดี  คบคนดี 
และเป็นตัวอย่างที่ดี   สิ่งสำคัญคือ ต้องเริ่มจาก ความคิด
ความคิด เป็นสิ่งสําคัญ  ถ้าคิดดี  บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรือง  มั่นคง  ก้าวหน้า 
คิดดี ฝรั่ง เรียก Conceptual Skill  เมื่อคิดดีแล้วก็ พูดดี  
              พูดดี  คําพูดนี้ก็สําคัญ  พูดฟังแล้วสบายหู  ดูแล้วสบายตา  พาให้สบายใจ  
พูดแล้ว เกิด 3 ช.  พูดแล้วคน ชอบ  พูดแล้ว คน เชื่อ  พูดแล้ว คน ช่วย  
ฟังแล้วคล้อยตามนําไปปฏิบัติ  อันนี้เรียกว่า พูดดี   ฝรั่ง เรียก Communication Skill 
      คิดดี พุดดี แล้วยังไม่พอ ต้องทำดีด้วย 
     ทําดี  ทําสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ลูก  เป็นประโยชน์แก่หลาน  เป็นประโยชน์แก่บ้านแก่เมือง  เป็นประโยชน์แก่ชาติ  เป็นประโยชน์แก่ศาสนา  เป็นประโยชน์แก่พระมหากษัตริย  ดังเช่น เรื่องงานศพปลอดเหล้า และปลอดการพนัน
อำเภอคำเขื่อนแก้ว ได้ทํากันมาเป็นเวลาหลายปี  ล้วนแต่เป็นประโยชนแก่ลูก  แก่หลาน  แก่บ้านแก่เมือง  แก่ชาติ 
ศาสนา  พระมหากษัตริย์ เรียกว่าทําดี   ฝรั่ง เรียก Technical Skill 
      เรียนลัด หากเรา คิดดีไม่ได้ พูดดีไม่เป็น ทำดีไม่เคย เรา ก็เรียนลัด โดยการ คบคนดี เรียนรู้จากคนดี 
คบคนดี  นี่ก็สําคัญ  เราอยู่คนเดียวไม่ได้ในสังคมมนุษย์  
ระดับโลกก็มีสหประชาชาติ  ระดับประชาคมอาเซียนก็มี 10  ประเทศ เพราะฉะนั้นเราอยู่คนเดียว
ไม่ได้  ต้องมีพวกพ้อง  บริวาร  เพื่อนฝูง  เพื่อนดีห้าร้อยน้อยไป  ศัตรูหนึ่งคนมากไป  ดังนั้น  
ท่านก็สอนให้เราสร้างมิตร  อย่าไปสร้างศัตรู้  เรียกว่าทําดี  เป็นตัวอย่างที่ดี  อันนี้สําคัญมาก 
ตัวอย่างที่ดี ดีกว่าคําสอน  การปฏิบัติดี  ดีกว่าขอพร 
ที่สำคัญ การทำความดี การเป็นคนดี ต้องดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง อย่าทำตัวเป็นตาละปัด ให้ เป็นเหมือนพัดยศ ตาละปัด งามเฉพาะ ด้านหน้า ส่วน พัดยศนั้น งามทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ผู้นำ  หรือ หัวหน้า ยุคใหม่  คำว่า หัวหน้า มี 2 คำ คือ หัวและหน้า
หัวหน้า ยุคใหม่  คำว่าใหม่ ต้องใส่สิ่งเหล่านี้ เข้าไปในสมอง ให้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ 
หัว   ในหัว มีอะไร ในหัว มีมันสมอง มันสมองมีไว้ให้คิด  สมองมนุษย์เอาไว้ใช้สําหรับคิดสร้างสรรค์  พัฒนา  คิดแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ   ดังนั้นท่านจึงให้หลักสั้น ๆ ว่า มือทอง  ปากทอง  สมองเพชร  กลเม็ดครองโลก  อันนี้
คุณสมบัติของผู้บริหาร  ของผู้นํา  เพราะฉะนั้นมีสมองไว้ให้คิด    ใน หัว มีสมอง  สมอง มี 2 ซีก สมองซีก ขวา มี แหลม คม หนัก  
แหลม มีไว้ทำไม มีแหลม ไว้ทิ่มแทง ปัญหา  ใช้ความแหลม ทิ่มแทงแล้ว ยังแก้ไม่ได้ ก็ให้ใช้ความ คม
คม มีไว้ทำไม มีคม ไว้ตัด ปัญหา  ใช้ความคม ตัดแล้ว ยังแก้ไม่ได้ ก็ให้ใช้ความ หนัก
หนัก มีไว้ทำไม มีหนัก ไว้ ทุบปัญหา ปัญหา   ทุบออกมา วิเคราะห์ให้ละเอียด ให้เห็นถึงแก่นแท้ของปัญหา ก็จะสามารถ แก้ไขปัญหาได้ ในที่สุด
            สมองซีกซ้าย มีอะไร มี หัวการเมือง มีลิ้นการทูต มีกุศโลบาย
คําว่าหัวการเมืองไม่ได้หมายความว่าให้ไปเล่นการเมือง  แต่ใครจะเล่นการเมือง ก็ไม่ได้ว่า ถ้าท่านมีความพร้อม
ในห้องประชุมนี้ก็มีนักการเมืองท้องถิ่นหลายร้อยคน แต่คําว่าหัวการเมืองในที่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง  หมายถึงหัวรอบรู้  ต้องรอบรู้ปัญหาสารพัด  ต้องรวดเร็วเร่งรัดงานทั้งหลาย  ต้องริเริ่มหลายแบบให้แยบคาย  ทุ่มใจกายสุดชีวิตพิชิตงาน  อย่างนี้เขาเรียกว่า หัวการเมือง  คือ หัวรอบรู้   รู้เรื่องที่คิด  รู้กิจที่ทํา  รู้คําที่พูด 
รู้จุดประสงค์  รู้ตรง ความจริง  รู้สรรพสิ่งทั้งปวง  อย่างนี้เรียกว่า  หัวการเมือง 
ลิ้นการทูต  นี่ก็พูดเป็น  เป็นประโยชน์แก่  ชาติบ้านเมือง  เป็นประโยชนแก่ลูก  แก่หลาน  แก่บ้านแก่เมือง  เรียกว่าลิ้นการทูต คือพูดเป็น   พูดเป็นคือพูดไม่มีคําว่าตายมีแต่เป็น คือเป็นประโยชน์อย่างเดียว  เรียกว่าลิ้นการฑูต  ถ้าพูดไม่เป็น เกิดผลเสียมากมาย เรียกว่า ลิ้น ยมทูต
กุศโลบาย คือ ความชาญฉลาดในการแก้ไขปัญหา  เรียกว่ามีสมองให้คิด  มิจิตให้พัฒนา








..ยิ้มแย้ม ยกย่อง ยืดหยุ่น ยืนหยัน หยิบยื่น ยินยอม อย่าหยิ่ง (รายละเอียด คาถา 7 ย. ด้านล่างนะครับ)..




หน้า      ผู้นำ หรือ หัวหน้า เมื่อ หัวดี แล้ว ก็ต้อง หน้าดี ด้วย
สิ่งดีดี ของผู้นำ รวมอยู่ที่หน้าทั้งหมด รวมไว้อย่างมีระเบียบ ระเบียบวินัย คือสมบัติของผู้ดี ถ้าใครไม่มี ชาตินี้เอาดีไม่ได้
หน้าของผู้นำ นี้ มี อยู่ 3 หน้า  หน้านอก หน้าใน หน้าที่คือ
หน้านอก บอกความงาม หน้าใน บอกความดี หน้าที่ บอกความสามารถ
หน้านอก บอกถึงความงดงามในตัวเรา ธรรมชาติ จัดหน้า นอกของเราไว้สวยงามเป็นสัดส่วนแล้ว สิ่งใดที่อยู่บนหน้าที่มี อยู่ 2 อย่างก็จัดเรียงไว้ ทั้งสองข้างเสมอกัน ส่วนใดที่มีอยู่อันเดียว ก็จัดไว้ตรงกลาง
หน้านอก บอกถึง ความงดงามแต่งเติมตนเองให้พอประมาณ และ หน้านอก นี้ คือ ตัวแทนของ ประชาชน ต้อง รักษาหน้า ตา ของชาวบ้านด้วย ต้องไปเสนอหน้า ในงานต่างๆ แทนชาวบ้าน ทั้งงานมงคล งานอวมงคล ต่างๆ อย่าให้ขาดตกบกพร่อง
หน้าในบอกถึงจิตใจที่งดงาม และความดี บอกถึงการทำจิตใจที่งดงามและความสามารถในตนเองให้มากๆ
ความงดงามทางด้านจิตใจด้วย การที่จิตใจจะงดงามนั้น มีธรรมะ 2 ประการ ที่จะทำให้คนเรางดงามอย่างสมบูรณ์ นั่นคือ
1. ขันติ ความอดทน 
2. โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม
ขันติ ความอดทนจำแนกออกเป็น 3 อย่างคือ
1. อดทนต่อความยากลำบากในการทำงานหรือประกอบกิจการ ในการดำเนินชีวิต ที่ต้องอดทนต่อสู้กับดินฟ้าอากาศที่ร้อนและหนาว เป็นต้น จนนำพากิจการงานนั้น ๆ ให้ผ่านพ้นลุล่วงไปด้วยดี
2. อดทนต่อความเจ็บไข้ได้ป่วย ทนต่อทุกขเวทนาไม่โอดโอยร้องครวญครางให้เป็นที่น่ารำคาญคนอื่น เช่นพยาบาลและหมอ หรือคนใกล้ชิด ที่ให้การดูแลรักษาทั้งไม่บ่นจู้จี้จุกจิกจนกลายเป็นคนเอาใจยาก ก็จะเป็นความงามที่ไม่ต้องอาศัยอาภรณ์ใด ๆ มาประดับ เป็นความงดงามของจิตอย่างแท้จริง
ในทางตรงข้าม ถ้าคนเราประดับตกต่างร่างกายสวยงามด้วยอาภรณ์อันมีค่า แต่เวลาป่วยไข้แล้วไม่อดทนต่อทุกขเวทนา ส่งเสียงโอดครวญให้เกิดความรำคาญแก่ผู้รักษาพยาบาล หรือผู้ใกล้ชิด เครื่องประดับตกต่างเหล่านั้นก็ไม่สามารถจะทำให้คนคนนั้นน่ารักยินดีได้เลยเพราะความงดงามทางจิต คือความอดทนนั้นไม่มีอยู่ในจิต ซึ่งจะทำให้คนคนนั้นมีสภาพเหมือนเด็ก ๆ ที่ขาดการควบคุมตนเอง
3. อดทนต่อความเจ็บใจ หรืออดทนต่อการกระทบกระทั่งทางจิตใจในการอยู่รวมกันในสังคมของคนส่วนใหญ่ย่อมมีอยู่บ้างที่จะต้องมีการกระทบกระทั่งทางกาย ทางวาจา เพราะคนในสังคมนั้น บางคนเป็นคนดี บางคนเป็นคนไม่ดี คนดีไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะคนดีมีประโยชน์และทำในสิ่งที่ดีที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่คนไม่ดีนี่สิก่อปัญหาความเดือดร้อนไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นเมื่อต้องเกี่ยวข้องกับคนไม่ดี ต้องมีความอดทนอดกลั้นอย่างยิ่ง มิฉะนั้นตัวเราเองจะเป็นผู้ที่ทำอะไร ๆ ให้เสียมรรยาทในสังคม รวมทั้งความเป็นผู้มีชื่อเสียงไปในทางติดลบได้ง่าย ๆ คนบางคนแต่งตัวดี ดูดีไปหมด แต่พอถูกคนกระแหนะกระแหนเท่านั้น ก็โกรธฉุนเฉียว อดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ แสดงอาการโกรธตอบทันที ชุดเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับต่าง ๆ ไม่ช่วยให้เกิดความงามขึ้นมาเลย อีกอย่างหนึ่ง ความอดทน ของผู้นำ ต้องแยกออกมาให้ชัดเจน ในการควบคุมตัวเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งยั่วยุที่ไม่ดี คือ ผู้นำต้องอดที่จะไม่โกรธตอบ ต้องรู้จักให้อภัย  
การที่เรามีความอดทนอดกลั้นเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่พอที่จะทำให้เป็นคนมีความงามอย่างแท้จริงได้ ต้องมีธรรมะอื่นเข้ามาร่วมเติมต่อ ธรรมะที่คู่กับขันติ ก็คือ โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม
ความสงบเสงี่ยมคือความที่มีจิตชื่นบาน ประณีต มีจิตที่ราบเรียบ ไม่ว่าจะเผชิญกับภาวะที่น่าพอใจรักใคร่หรือภาวะที่ไม่น่าพอใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะไม่แสดงอาการให้ผิดแผกไปจากเดิม คนเรารู้จักอดทนอดกลั้น ไม่โกรธต่อผู้อื่นก็จริง แต่ในความอดทนนั้นอาจจะมีสีหน้าที่บึ้งตึ้ง หรือสีหน้าที่แสดงความไม่พึงพอใจ ต่อเมื่อมีโสรัจจะ คือความแช่มชื่นเข้ามากำกับ ก็จะทำให้ผู้นั้นมีความอดทนที่งดงามปรากฏแก่ผู้พบเห็น เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของผู้อื่น โสรัจจะจึงทำหน้าที่เสริมความอดทนให้งดงามเด่นชัดขึ้น ขันติ ความอดทน และโสรัจจะ ความสงบเสงี่ยมนี้ เป็นธรรมคู่กัน จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะมีทั้งสองอย่างอยู่ร่วมกัน จึงเป็นธรรมที่จะทำให้บุคคลงดงามอย่างแท้จริง งามยิ่งกว่าอาภรณ์ทั้งปวงที่มีในท้องตลาด บอกต่อ ๆ กันไปด้วยว่า ขันติและโสรัจจะนั้น ไม่มีใครทำขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง โรงงานก็อยู่ที่ใจท่านนั่นแหละ
หน้าที่บอกถึง ความสามารถในตัวเราและความเอาใจใส่ต่องาน หน้าในและหน้าที่ แต่งให้มากๆ
ผู้ใหญ่ดึง ผู้น้อยดัน พี่น้องเสมอกันสนับสนุน เจริญทุกคน 
หน้าที่ คือ สิ่งที่ต้องทำ กรรมที่ต้องประกอบ สิ่งที่ต้องรับผิดชอบ หากละเลยจะเกิดความเสียหาย ดังคำที่ว่า คนจะดีจะเสียอยู่ที่หน้าที่ เพราะหน้าที่บอกให้รู้ถึงฝีมือ หรือ ความสามารถของแต่ละท่านแต่ละบุคคล ดังภาษิตที่ว่า หน้านอกบอกความงาม หน้าที่ในบอกความดี หน้าที่บอกความสามารถ ประการสำคัญ เมื่อมีหน้าที่ต้อง รู้หน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ ไม่บกพร่องต่อหน้าที่ รู้คุณของหน้าที่ ไม่ก้าวก่ายหน้าที่ และไม่ทำอะไรเกินหน้าที่ อันหน้าที่ที่สำคัญ มีอยู่สองลักษณะ คือ 1.หน้าที่ที่เป็นเองโดยธรรมชาติ เช่น เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก 2.หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายหรือแต่งตั้ง  เช่น เป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นกำนัน เป็นนายอำเภอ หากไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นเองไม่ได้  แต่ที่สำคัญ หน้าที่นี้ มีขอบเขตจำกัดเฉพาะของตน ตามตำแหน่งที่เป็นอยู่ หน้าที่ เป็นพ่อ ก็เป็นเฉพาะพ่อ ของลูกเรา หน้าที่ เป็นลูก ก็เป็นเฉพาะลูก ของพ่อเรา
หน้าที่ เป็นภรรยา ก็เป็นเฉพาะภรรยา ของสามีเรา อย่าไปทำหน้าที่ภรรยาให้สามีคนอื่นด้วย
หน้าที่ เป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็ต้องใหญ่ ทั้งหมู่บ้าน ไม่ใช่ใหญ่เฉพาะ บ้าน เฉพาะญาติ ของตนเอง และที่สำคัญ อย่าไปใหญ่ หมู่บ้านอื่น
หน้าที่ เป็นผู้กำนัน ก็ต้องเป็นผู้กำนัน ทั้งตำบล ไม่ใช่ เป็นผู้กำนันเฉพาะ หมู่บ้าน ของตนเอง และที่สำคัญ อย่าไปเป็นกำนัน ตำบลอื่น เป็นต้น
มีภาษิตว่า หน้าที่ดีก็มีหน้าชูราศี  หน้าตาดีแต่ขี้เกียจคนเหยียดหยาม
หน้าที่นั้นสำคัญกว่าคนหน้างาม หน้าตาดีหน้าที่ทรามไม่งามเอย
สรุปได้ดังนี้มีหน้าที่ต้องรู้จักหน้าที่ เมื่อทำได้เช่นนี้ก็จะเป็นผู้เจริญในหน้าที่สืบไป




คาถา 7 ย. สำหรับผู้นำ  
หลัก ย. ผู้นำนั้น ต้องมีอะไรที่ตรึกตรองเป็นสำคัญ หรือผู้ที่ตอนนี้เป็นผู้นำอยู่แล้ว แต่อยากจะพัฒนาความเป็นผู้นำ ที่ไม่ใช่แค่ตำแหน่งอย่างเดียว ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ ซึ่งคาถา ย.  ฝรั่งเรียก ผู้นำ ประเภท Y  ( วาย ) ประกอบด้วย
ยิ้มแย้ม ยกย่อง ยืดหยุ่น ยืนหยัน หยิบยื่น ยินยอม อย่าหยิ่ง
ย. หนึ่ง 
ยิ้มแย้ม: ยิ้มแย้ม ทั้งหน้าและใจ
ย. สอง ยกย่อง ไม่ใช่ยกยอ: ยอ คือลูกยอ ที่ผลแห้งลอยน้ำได้ และ ญอ ที่ใช้ดักปลาของชาวประมง
คำพูดของคนเป็นได้ทั้ง เสน่ห์ และ เสนียด ให้คิดทุกคำที่พูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด คำว่า ยกย่อง ทีดีที่สุดคือ การพูดที่มีดี 5 ประการ คือ
1. รู้กาลเทศะ
2. พูดเรื่องจริง
3. พูดไพเราะ อ่อนหวาน
4. พูดสมานสามัคคี 
5. พูดแล้วมีประโยชน์

ย. สาม ยืดหยุ่น : เหมือนดั่งไผ่ อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ แข็งแรงแต่ไม่แข็งกร้าว เรียนรู้กัน ฝรั่ง เรียก ยืดหยุ่นว่าเป็น ( ความสามารถทางการเมืองในองค์กร Politic )
ย. สี่ ยืนหยัด : ไม่ท้อแท้ ท้อถอย มีความเพียร มุ่งสู่ เป้าหมายเดียวกัน  ฝรั่งเรียก Performance 
ย. 5ห้า หยิบยื่น : เอื้ออาทร ช่วยเหลือ เกื้อกูล เสียสละ ยึดหลักยิ่งให้ยิ่งได้  ฝรั่งเรียก Service & Sharing 
ย. 6หก ยินยอม : รู้แพ้ รู้ชนะ   รับฟัง  ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง   
ย. 7เจ็ด: อย่าหยิ่ง   ให้เกียรติคนอื่น จริงใจ รักษาสัญญา  รับผิดชอบ 
แต่ผู้นำ หลายคน มี 7 ย. แต่ไม่ค่อยได้ปฏิบัติตาม 7 ย.  ฝรั่งเรียก ผู้นำ ประเภท X เอ็กซ์ ไม่ทำ เพราะ มีเหตุผล ต่างๆ ทั้ง
1. หลงละเลิงกับการเป็นผู้นำ
2. เชื่อฟังบุคคลรอบข้าง ที่ประจบประเเจง
3. ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
4. ไม่มีธรรมะ ประจำใจ
5. ไม่รับฟังสิ่งที่ดีๆ จากคนอื่น
หาก อยากจะเป็นผู้นำที่ดี ต้องมี คาถา 7 ย ประจำใจ และนำไปปรับใช้ รับรองว่า ท่านจะเป็นผู้นำที่ดีในดวงใจของประชาชนตลอดไป


หากทำได้ ตัว ย. ทั้ง 7 ได้ครบ หรือ เกือบครบ  ท่านก็จะเป็นคน ยอดเยี่ยม
หากขาด ทั้ง 7 ย. หรือ มี ตัว ย. น้อยลงเท่าไร ผลที่เกิดตามมา ท่านก็จะเป็นคน เย่อหยิ่ง หรือรับผลเป็น เยิ่นเย้อ ยุ่งยาก ยุ่งเหยิง ยับเยิน (ย่อยยับ)   โดยเฉพาะ หากไม่มี ทั้ง 7 ย. เลย ท่านก็จะ เป็นคน ยอดแย่ เลยทีเดียว



กฎ 21 วัน ฉันทำอะไร ซ้ำๆ จะกลายเป็น นิสัย
หากจะนำไปในทางใด บวก หรือ ลบ คุณเท่านั้น ที่เลือกได้ ว่าจะเลือก 21 วัน ให้เป็น นิสัย เสีย หรือ นิสัย ดี ของคุณ
อยู่ที่การจัดสภาพแวดล้อม ด้วยตัวของคุณเอง

เมื่อเป็นนิสัยแล้ว จะหาวิธีเลิกได้ยากมา
ลองถามคนติดเหล้าดู ว่าเลิกยาก ไหม
ลองถามคนติดบุหรี่ดู ว่าเลิกยาก ไหม
ลองถามคนติดการวิ่งดู ว่าเลิกยาก ไหม
ลองถามคนติดการปั่นจักรยานดู ว่าเลิกยาก ไหม



No comments:

Post a Comment