27 ส.ค.2556ความสุขเกิดได้เมื่อเข้าใจใช้สมอง:นพ.สุรเกียรติฯเขต10ทำกุศลยิ่งใหญ่
วันที่ 27 สิงหาคม 2556 ผมนายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง เดินทางไปพร้อมคณะ จาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร
เข้าร่วม กิจกรรม การสรุปผลการตรวจราชการและนิเทศงาน ประจำปี 2556 เครือข่ายบริการสุขภาพ เขต10
ณ
กรีนเนอรี่ รีสอร์ท หมู่ที่ 14 ถนนธนะรัตน์
(กม17) ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ประธานโดย
นพ.ทวีเกียรติ บุญยไพศาลเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข
เครือข่ายบริการที่ 10
เนื้อหาวิชาการ
ที่ดีมากๆ ในวเวทีนี้ ผมขอชืนชม และประทับใจ คณะผู้จัดที่สามารถ เชิญท่าน
รศ.ดร.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(สปสช .)
มาบรรยายในหัวข้อ
การทำงานด้วยหัวใจที่เป็นสุข หรือ ความสุขเกิดได้เมื่อเข้าใจใช้สมอง
อย่างน่าประทับใจ
ผมถือว่าเนื้อหาเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในเวทีประจำปีนี้ หากผู้บริหารทุกระดับ หรือ ข้าราชการทุกคนสามารถเข้าใจเรื่องที่ นพ.สุรเกียรติ
อาชานานุภาพ บรรยายในวันนี้ ผมเชื่อว่า
ประเทศไทยเจริญรุดหน้าแซงหน้าประเทสอื่นๆได้ไม่ยากนัก ผมขออนุญาต รศ.ดร.นพ.สุรเกียรติ
อาชานานุภาพ นำ สิ่งที่ได้รับฟังมาสรุปไว้เพื่อกันลืม
และเป็นการพัฒนาสมองส่วนหน้าให้เจริญ ดังนี้
ความรู้ใหม่ เกี่ยวกับสมอง
1. เซลล์สมองสามารถงอกใหม่(Neurogenesis
, Fred Gage 1998 )
2. สมองเปลี่ยนแปลงได้
(Neuroplasticity)
สมองปรับวงจรใหม่ได้ (Rewire)เช่น คนตาบอด
ศูนย์การเห็นเปลี่ยนเป็นการสัมผัส -การได้ยิน
แต่ข้อสำคัญ สิ่งที่สามารถให้สมองงอกใหม่ได้
นั้น ส่วนมาก เป็น พฤติกรรม เชิงบวกด้านคุณธรรมและศีลธรรม หากใครมีมาก
ก็จะงอกใหม่ได้มาก เช่น การเรียนรู้ ใหม่ การคิดสร้างสรรค์ ความเห็นอกเห็นใจ อื่น การฝึกทักษะ
กีฬา ดนตรี ( แม้แต่การจินตนาการ ) การกระต้นด้วยการบริหารกาย การบริหารจิต การคิดสร้างสรรค์
การนอนหลับพักผ่อน
ความรู้เดิมเกี่ยวกับสมอง
สมองมนุษย์ ประกอบด้วย 3 ส่วน:
วิวัฒนาการจากสัตว์ส่มนุษย์ (Paul MacLean , 1967)
1.
สมองส่วนหลัง (Hindbrain) หรือ “สมองตะกวด”
2.
สมองส่วนกลาง (Midbrain) หรือ “สมองสุนัข” “สมองหมา”
3.
สมองส่วนหน้า (Fore brain / Prefrontal Neocortex) “สมองมนุษย์”
ส่วนที่ 1.สมองส่วนหลัง /ก้านสมอง : เป็นการใช้สมองในระดับ
สัตว์เลื้อยคลาน(Reptile)
-
สัญญาณชีพ: การหายใจ การเต้นของหัวใจ ระดับCO2ในเลือด
-การหลับ –การตื่น -ปฏิกิริยา “ สู้ หรือ หนี แน่นิ่ง” (Fight – Flight – Freeze)
-กิน(food) กาม (sex) กลัว (fear) หนี(flee) เป็นการใช้สัญชาตญาณแห่งการอยู่รอด Instinctive
ส่วนที่ 2. สมองส่วนกลาง(Midbrain) :สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
(Mammal) “สมองสุนัข”
“สมองหมา”
ส่วน
Limbic
System ระบบลิมบิก เกี่ยวข้องกับอารมณ์ แรงจูงใจ ความจํา
ส่วน-Amygdala กลัว โกรธ เศร้า กังวล ภัยคุกคาม อ่านสีหน้า ความจําฝังใจ
โดยใน ระบบลิมบิก เพศหญิงมีสมองส่วนนี้
ทําหน้าที่ต่างจากชาย
ทั้งอารมณ์
รัก - ผูกพัน รู้สึกไว อ่อนไหว สื่อสาร สัมพันธ์
ข้อเสีย
: เพศหญิงมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้า ได้ง่ายกว่าชาย
ธรรมชาติ
ของมนุษย์ ทั่วๆไปที่ไม่ได้รับการฝึกฝน จะใช้ สมองส่วนที่ 1 กับ ส่วนที่ 2 ก่อน
ฉะนั้น มนุษย์ จึงใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
เฉพาะผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาดีเท่านั้น
จะสามารถดึงเอาสมองส่วนที่ 3 หรือ
สมองมนุษย์ มาใช้ก่อน หรือมาใช้ควบคู่กับ สมอง หมา และสมองตะกวด
ส่วนที่
3. สมองส่วนหน้า/เปลือกสมอง(Fore Brain /Prefrontal Neocortex) “สมองมนุษย์”
เจริญสูงสุดในHomo sapiens sapiens
( สายพันธุ์ มนุษย์)
=
“The
species that knows & knows that it knows.” เผ่าพันธุ์ที่รู้ว่า
ตนเองรู้ หรือไม่รู้
รับรู้/
คิดเชิงนามธรรม คิดรวบยอด (มโนทัศน์-Concept) เชาวน์ปัญญา การใช้เหตุผล
การวางแผน
การแก้ปัญหา
รับรู้-เข้าใจความคิดของตนเอง
(“อภิปัญญา”–MetacognitionThinking about thinking: How you think)
ศีลธรรม
คุณธรรม)
สมองส่วนที่ 3 นี้
หากได้รับการฝึกฝนและพัฒนาเซลล์สมองจะสามารถงอกใหม่ได้
สมองส่วนหน้าตรงกลาง
– หรือดวงตาที่สาม ทำหน้าที่ให้คนมีจิตสูง หรือมีความเป็นมนุษย์
สมองส่วนนี้จึง
อาจเรียกได้ว่าเป็นสมองมนุษย์
ซึ่ง หากคนใด มีสิ่งกระทบ กับตนแล้ว
ใช้สมอง สุนัข ตอบโต้ โต้ตอบทันที ด้วย อารมณ์ โดยไม่มีสติ ยั้งคิด ใช้เหตุผลมา
คิดวิเคราะห์ จะเรียกว่า ใช้สมองเพียงแค่ระดับ สมอง หมา หรือ สมองสุนัข
สมองมนุษย์ จึงต้อง มีสติ ยั้งคิด
ใช้เหตุผลมา คิดวิเคราะห์ ตอบสนองตามเหตุปัจจัย โดยปราศจาก อคติ ที่สื่อออกมา
ในรูปของการคิดดี พูดดี ทำดี ผู้นั้นจึงได้ชื่อว่า ใช้สมองมนุษย์
(ตาม รูป ที่นำเสนอ)
ดวงตาที่สาม
ทำหน้าที่ให้คนมีจิตสูง หรือมีความเป็นมนุษย์ ทำหน้าที่9 อย่างให้ คนเป็นมนุษย์
สมองส่วนหน้าตรงกลาง (ดวงตาที่3) : หน้าที่ 9 อย่าง
1.
ควบคุมการทำงานของร่างกายให้สมดุล (Body regulation)
2. สื่อสาร-สื่อใจ : รับรู้จิตใจของผู้อื่น ปรับใจเข้าหากัน (Attuned
communication)
3. เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
(Empathy / Mind sight) : รัก เมตตา
-Mirror neurons --Interception (ข้อ8)
4. ปรับอารมณ์(Emotional
balance) : Chaotic vsRigid
5. ควบคุมความกลัว(Fear
modulation) :- GABA release
6. ยั้งคิด
(Response flexibility) :รับรู้ - ชะลอการตอบโต้
-ไตร่ตรองทางเลือก - ตอบสนอง(กระทำ)
7. รู้แจ้งในตน
–รู้ตน(Insight / Self -knowing awareness)
8.หยั่งรู้(Intuition)
- ตามทัน / จับความรู้สึกของอวัยวะภายใน
(Interoception by
Insulaที่สมองกลีบข้างขมับ) : เจ็บปวด จุกแน่น
ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม
ควบคุมความรู้สึกนั้นๆให้ทุเลา
เข้าใจความรู้สึก-
เห็นอกเห็นใจผู้อื่น
9. ศีลธรรม
(Morality) : รู้ว่าอะไรดี
- รู้ว่าอะไรไม่ดี รู้ว่าอะไรควร - รู้ว่าอะไรไม่ควร
ด้วยตนเอง / แม้อยู่ตามลำพัง
สมองมนุษย์พัฒนาการเหนือสัตว์อื่นใดในโลก
สมองมนุษย์คิดเก่ง
30 –60เรื่อง / นาที หรือประมาณ 60,000 เรื่อง / วัน
ส่วนมากแล้ว
เกินกว่า
50% สมองมนุษย์จะคิดเชิงลบ: ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ไม่ถูกใจ
-
คิดอดีต : เสียใจ เศร้าสร้อย จิตฟุบ /จิตตก
-
ดิคอนาคต : กลัว วิตกกังวล ลังเล สับสน ไม่แน่ใจ จิตฟ้ ง
เพราะว่า
• การคิดลบเป็นไปเองตามธรรมชาติ ไม่ตั้งใจ
•
การคิดบวกเกิดจากการฝึกฝน ตั้งใจ
ฉะนั้น จงฝึกการใช้สมองส่วนหน้า
ให้เจริญงอกงามขึ้นเรื่อยๆ ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้
การพัฒนาสมอง/จิตใจ
•
หมั่นบริหารกาย 5 วัน / สัปดาห์
Brain
Derived Neurotrophic Factor (BDNF)
Neuroplasticity & Neurogenesis
•
หมั่นบริหารจิต (เจริญสมาธิ สติ) ทุกที่ ทุกเวลา
•
นอนหลับให้เพียงพอ 6 - 8 ชั่วโมง
•
กินผัก ผลไม้ กินปลา (โอเมก้า- 3) เช่นปลาดุก ปลาช่อน บ้านเรา
•
หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ : สุ. จิ. ปุ. ลิ.
•
หมั่นฝึกใช้สมอง
•
คิดดี พูดดี ทําดี
•
หลีกเลี่ยง ความเครียด บาดเจ็บศีรษะ อดนอน สุรา ยาสูบ สารเสพติด
หรือ
หลัก 3 อ 2 ส. ที่เราณุ้จักดีนั่นแหละครับ
ที่สำคัญที่สุด
รู้ไว้ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่ทำ
สำหรับผมข้อ
ที่ทำยากที่สุด มี 2
ข้อ หากทำได้ ข้ออื่นๆ ก็จะตามมาเอง
เริ่มต้นง่ายๆได้ด้วยเอง
2 ข้อนี้ก่อนครับ คือ
ออกกำลังกาย
5 วัน / สัปดาห์
หมั่นบริหารจิต
( เจริญสมาธิ สติ) ทุกที่ ทุกเวลา เป็นต้น
วันนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย
นพ.สุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี
นายแพทย์
สุใหญ่ หลิ่มโตประเสริฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร
นพ.ประวิ
อ่ำพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ
นพ.จิณณพิภัทร
ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร
นพ.นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ
และคณะ รวมจำนวน กว่า 1,000
คน