22 สค.2557 สมอง จิต ชีวิต งาน
ความสุข_นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
วันที่
22 สิงหาคม 2557 ผมนายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง และคณะ
เข้าร่วม กิจกรรม การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาเครือข่ายสุขภาพอำเภอ (DHS)
สู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเสริมสมรรถนะการบริหารจัดการระบบสุขภาพระดับอำเภอ (DHML) จังหวัดยโสธร ปี ๒๕๕๗ ซึ่ง
จัดขึ้น ในระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ สิงหาคม
๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมโรงแรมราชาวดี จังหวัดขอนแก่น
วิทยากร ที่ปรึกษาโครงการ โดย รศ.นพ.สุรเกียรติ
อาชานานุภาพ ประธานกรรมการมูลนิธิหมอชาวบ้าน อดีตคณะแพทยศาสตร โรงพยาบาลรามาธิบดี
เนื้อหาที่ผมประทับใจ คือ Concept จาก รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
ทั้งหมดนี้สรุปสุดท้าย
ก็คือ ต้องเริ่มต้นด้วยการหมั่นฝึกฝนตนเองตามกรอบที่ 3 นั่นเอง....
จะอ่านจะฟังอะไรดีๆมามากมายนั้น
ยังไม่พอ ต้องลงมือทำ ทำ และทำเท่านั้น
จงระลึกไว้เสมอว่า
“รู้ว่าดีแล้วไม่ทำก็เหมือนกับไม่รู้” ”เวลาและวารี มิคอยใครใฝ่ธรรม-ทำ”
และ "ปัญญารู้ได้ด้วยการสนทนา
แต่ปัญญาย่อมเกิดเพราะใช้การ” - “Learning by Doing/Practice
เนื้อหาที่ประทับใจ คือ บทสรุป จาก Mind Map “แผนผังความคิด”
เรื่อง"วัฏจักรแห่งสมอง - จิต - ชีวิต - งาน - ความสุข" ที่เผยแพร่ ทาง https://www.facebook.com/notes/surakiat-achananuparp/ เมื่อ August 8, 2014 at 10:46pm
เรื่อง ”แผนผังความคิด”
เรื่อง"วัฏจักรแห่งสมอง - จิต - ชีวิต - งาน -
ความสุข"(ดูภาพสุดท้ายข้างล่าง) ดังนี้
ขออธิบาย”แผนผังความคิด” เรื่อง"วัฏจักรแห่งสมอง - จิต - ชีวิต
- งาน - ความสุข" ตามลำดับเลขที่กรอบข้อความ ดังนี้
กรอบที่ 1 อธิบายองค์ประกอบของชีวิต
(ได้แก่ ร่างกาย-สมอง จิตใจ ซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นองค์รวม)โดยมีสมองเป็นศูนย์บัญชาการ
ทำหน้าที่เกิดสิ่งที่เรียกว่า"จิต"
"ใจ" หรือ "จิตใจ"
ได้แก่ รับรู้ รู้สึก
นึกคิด จดจำ และสั่งการ..
กรอบที่ 2 อธิบายกลไกการเกิดอารมณ์และพฤติกรรม ซึ่งมีระบบคิด/มุมมอง (มีรากเหง้าจากการรับรู้ในอดีต - ความจำ - ในรูปของข้อมูล
ความรู้ ความเชื่อ ค่านิยม
ประสบการณ์ ความเคยชิน นิสัย ปมฝังใจ ปมด้อย ต่อมsensitive
ฯลฯ) เป็นตัวกรอง(คล้ายแว่นสีต่างๆ)
ที่กรองการรับรู้ต่อสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นในชีวิตและงานของเราในแต่ละวัน
เป็นไปในลักษณะที่มักมีอคติ ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง(ภาววิสัย-objectivity)ที่ปรากฎต่อเบื้องหน้าเราในปัจจุบันขณะ ย่อมก่อให้เกิดความรู้สึก
ความนึกคิด และอารมณ์ที่เป็นลบ และกระเทือนต่ออัตตา(ego/self)
กล่าวคือ ความรู้สึก"ตัวกู"/"ของกู" ถูกกระตุ้นให้ผุดบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง ปานสายฟ้าแลบ
เกิดอาการ "วีน" "ปรี๊ด"
"องค์ลง" หรือ"เบรกแตก"
จนก่อเกิดพฤติกรรมที่เป็นลบ (และอาจถึงขั้นทำร้าย/ทำลายคนอื่น/ตัวเอง)
ตามมา นำมาซึ่งความเครียด /ความทุกข์ (stress / mental
suffering) ..... ขอเรียกปฏิกิริยาลูกโซ่อันเป็นโทษ(อกุศล-harmful)นี้ว่า "เส้นทางนรก"
กรอบที่ 3 อธิบายมรรควิธีในการป้องกันและจัดการกับความเครียด
(ความทุกข์) คือ การบริหาร(ฝึกฝนตนเอง) 8 วิธี
(มรรค 8) ช่วยพัฒนาร่างกาย สมอง และจิตใจ
..กระตุ้นให้เซลล์สมองงอกใหม่(neurogenesis) และปรับวงจรใหม่
(neuroplasticity , rewire) โดยเฉพาะอย่างยื่งเปลือกสมองส่วนหน้า
(prefrontal neocortex) ที่ทำหน้าที่"จิตสูง"ของมนุษย์ ให้มีสติปัญญาสมบูรณ์ รู้ตน (ตามดูรู้ทันความคิด อารมณ์
ความรู้สึกของตน) รู้เขา(เข้าใจ
เห็นอกเห็นใจผู้อื่น) รู้จักยับยั้งชั่งใจ ควบคุมร่างกายและอารมณ์ให้สงบ
สำนึกในศีลธรรม(มโนสำนึก)ด้วยตนเอง มีจิตเมตตากรุณา. หากยืนหยัดทำอย่างจริงจัง
ต่อเนื่องก็จะเกิด"สติอัตโนมัติ" และ "ปัญญาอัตโนมัติ"
รู้เท่าทัน(ตนเอง ผู้อื่น สังคม และโลก) และมีวุฒิภาวะ(EQ)
ที่สมบูรณ์(กรอบที่ 4) มีระบบคิดและมุมมองที่ปลอดจากอคติ (มีความคิดที่ตรงกับภาววิสัย-
objectivity) กำกับ ทำให้รับรู้ตามความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหน้าเรา
ทำให้มีความรู้สึก นึกคิด อารมณ์ และพฤติกรรมด้านบวกที่เป็นคุณ (กุศล)
มีชีวิตและงานที่มีประสิทธิภาพ และ มีความสุขสงบ
.....ขอเรียกปฏิกิริยาอันเป็นคุณ(กุศล-useful) นี้ว่า
"เส้นทางสวรรค์"
ขณะเดียวกัน การบริหาร 8 วิธี ยังช่วยให้มีระบบคิดแบบเปิดหรืองอกเงย(growth
mindset) แทน ระบบคิดแบบปิดหรือตายตัว (fixed mindset) (กรอบที่ 5) เกิดการเรียนรู้และเติบโต
ให้เกิด " 4เก่ง" "7 รู้" และ "7 อุปนิสัย"
(กรอบที่ 6) ส่งผลให้เกิด "3 แนวทางสร้างสุข" (กรอบที่ 7) ซึ่งเสริมแรงให้กลไกการเกิดอารมณ์และพฤติกรรมเป็นไปในทางบวก
นำมาซึ่งความสุขสงบอีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันก็กลับมาส่งเสริมการพัฒนาตนให้เกิด
" 4เก่ง" "7 รู้"
และ "7 อุปนิสัย"
ที่สมบูรณ์ยิ่งๆขึ้น และกลับมาหนุนเสริมให้มีการบริหาร
8 วิธีอย่างจริงจังและต่อเนื่องมากขึ้น มีผลต่อการพัฒนาร่างกาย สมองและจิตใจมากยิ่งๆขึ้น ......
กลายเป็นวัฏจักรเสริมแรงบวกไปเรื่อยๆไม่รู้จบ
ทั้งหมดนี้สรุปสุดท้าย ก็คือ
ต้องเริ่มต้นด้วยการหมั่นฝึกฝนตนเองตามกรอบที่ 3 นั่นเอง....
จะอ่านจะฟังอะไรดีๆมามากมายนั้น ยังไม่พอ ต้องลงมือทำ ทำ และทำเท่านั้น
จงระลึกไว้เสมอว่า “รู้ว่าดีแล้วไม่ทำก็เหมือนกับไม่รู้”
”เวลาและวารี มิคอยใครใฝ่ธรรม-ทำ”
และ "ปัญญารู้ได้ด้วยการสนทนา
แต่ปัญญาย่อมเกิดเพราะใช้การ” - “Learning by Doing/Practice
No comments:
Post a Comment