8/24/14

22 สค.2557 สมอง จิต ชีวิต งาน ความสุข_นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ

22 สค.2557 สมอง จิต ชีวิต งาน ความสุข_นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
วันที่ 22 สิงหาคม 2557 ผมนายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง และคณะ เข้าร่วม กิจกรรม การประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาเครือข่ายสุขภาพอำเภอ (DHS) สู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเสริมสมรรถนะการบริหารจัดการระบบสุขภาพระดับอำเภอ (DHML) จังหวัดยโสธร  ปี ๒๕๕๗ ซึ่ง จัดขึ้น  ในระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗  ณ ห้องประชุมโรงแรมราชาวดี  จังหวัดขอนแก่น
วิทยากร ที่ปรึกษาโครงการ โดย รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ ประธานกรรมการมูลนิธิหมอชาวบ้าน อดีตคณะแพทยศาสตร โรงพยาบาลรามาธิบดี
เนื้อหาที่ผมประทับใจ คือ Concept จาก รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
ทั้งหมดนี้สรุปสุดท้าย ก็คือ ต้องเริ่มต้นด้วยการหมั่นฝึกฝนตนเองตามกรอบที่ 3 นั่นเอง....
       จะอ่านจะฟังอะไรดีๆมามากมายนั้น ยังไม่พอ  ต้องลงมือทำ ทำ และทำเท่านั้น  
       จงระลึกไว้เสมอว่า “รู้ว่าดีแล้วไม่ทำก็เหมือนกับไม่รู้”  ”เวลาและวารี  มิคอยใครใฝ่ธรรม-ทำ”   และ "ปัญญารู้ได้ด้วยการสนทนา  แต่ปัญญาย่อมเกิดเพราะใช้การ” - “Learning by Doing/Practice
            เนื้อหาที่ประทับใจ  คือ บทสรุป จาก Mind Map “แผนผังความคิด” เรื่อง"วัฏจักรแห่งสมอง - จิต - ชีวิต - งาน - ความสุข" ที่เผยแพร่ ทาง https://www.facebook.com/notes/surakiat-achananuparp/ เมื่อ  August 8, 2014 at 10:46pm
       เรื่อง แผนผังความคิด” เรื่อง"วัฏจักรแห่งสมอง - จิต - ชีวิต - งาน - ความสุข"(ดูภาพสุดท้ายข้างล่าง)  ดังนี้
      ขออธิบาย”แผนผังความคิด” เรื่อง"วัฏจักรแห่งสมอง - จิต - ชีวิต - งาน - ความสุข" ตามลำดับเลขที่กรอบข้อความ ดังนี้
       กรอบที่ 1  อธิบายองค์ประกอบของชีวิต (ได้แก่ ร่างกาย-สมอง จิตใจ ซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นองค์รวม)โดยมีสมองเป็นศูนย์บัญชาการ ทำหน้าที่เกิดสิ่งที่เรียกว่า"จิต" "ใจ" หรือ "จิตใจ"  ได้แก่ รับรู้  รู้สึก  นึกคิด  จดจำ และสั่งการ.. 
      กรอบที่ 2 อธิบายกลไกการเกิดอารมณ์และพฤติกรรม ซึ่งมีระบบคิด/มุมมอง (มีรากเหง้าจากการรับรู้ในอดีต - ความจำ - ในรูปของข้อมูล ความรู้  ความเชื่อ  ค่านิยม ประสบการณ์ ความเคยชิน นิสัย ปมฝังใจ ปมด้อย  ต่อมsensitive ฯลฯ) เป็นตัวกรอง(คล้ายแว่นสีต่างๆ) ที่กรองการรับรู้ต่อสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นในชีวิตและงานของเราในแต่ละวัน เป็นไปในลักษณะที่มักมีอคติ ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง(ภาววิสัย-objectivity)ที่ปรากฎต่อเบื้องหน้าเราในปัจจุบันขณะ ย่อมก่อให้เกิดความรู้สึก ความนึกคิด และอารมณ์ที่เป็นลบ และกระเทือนต่ออัตตา(ego/self)  กล่าวคือ ความรู้สึก"ตัวกู"/"ของกู" ถูกกระตุ้นให้ผุดบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง ปานสายฟ้าแลบ เกิดอาการ "วีน" "ปรี๊ด" "องค์ลง" หรือ"เบรกแตก"  จนก่อเกิดพฤติกรรมที่เป็นลบ (และอาจถึงขั้นทำร้าย/ทำลายคนอื่น/ตัวเอง) ตามมา นำมาซึ่งความเครียด /ความทุกข์ (stress / mental suffering) ..... ขอเรียกปฏิกิริยาลูกโซ่อันเป็นโทษ(อกุศล-harmful)นี้ว่า "เส้นทางนรก"
       กรอบที่ 3 อธิบายมรรควิธีในการป้องกันและจัดการกับความเครียด (ความทุกข์) คือ การบริหาร(ฝึกฝนตนเอง) 8 วิธี (มรรค 8)  ช่วยพัฒนาร่างกาย สมอง และจิตใจ ..กระตุ้นให้เซลล์สมองงอกใหม่(neurogenesis) และปรับวงจรใหม่ (neuroplasticity  , rewire) โดยเฉพาะอย่างยื่งเปลือกสมองส่วนหน้า (prefrontal neocortex) ที่ทำหน้าที่"จิตสูง"ของมนุษย์ ให้มีสติปัญญาสมบูรณ์ รู้ตน (ตามดูรู้ทันความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของตน) รู้เขา(เข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น) รู้จักยับยั้งชั่งใจ ควบคุมร่างกายและอารมณ์ให้สงบ สำนึกในศีลธรรม(มโนสำนึก)ด้วยตนเอง มีจิตเมตตากรุณา. หากยืนหยัดทำอย่างจริงจัง ต่อเนื่องก็จะเกิด"สติอัตโนมัติ" และ "ปัญญาอัตโนมัติ"   รู้เท่าทัน(ตนเอง ผู้อื่น สังคม และโลก) และมีวุฒิภาวะ(EQ) ที่สมบูรณ์(กรอบที่ 4)  มีระบบคิดและมุมมองที่ปลอดจากอคติ (มีความคิดที่ตรงกับภาววิสัย- objectivity) กำกับ   ทำให้รับรู้ตามความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหน้าเรา ทำให้มีความรู้สึก นึกคิด อารมณ์ และพฤติกรรมด้านบวกที่เป็นคุณ (กุศล)  มีชีวิตและงานที่มีประสิทธิภาพ และ มีความสุขสงบ .....ขอเรียกปฏิกิริยาอันเป็นคุณ(กุศล-useful) นี้ว่า "เส้นทางสวรรค์"
         ขณะเดียวกัน การบริหาร 8 วิธี ยังช่วยให้มีระบบคิดแบบเปิดหรืองอกเงย(growth mindset) แทน ระบบคิดแบบปิดหรือตายตัว (fixed mindset) (กรอบที่ 5)  เกิดการเรียนรู้และเติบโต  ให้เกิด " 4เก่ง" "7 รู้" และ "7 อุปนิสัย" (กรอบที่ 6)  ส่งผลให้เกิด "3 แนวทางสร้างสุข" (กรอบที่ 7) ซึ่งเสริมแรงให้กลไกการเกิดอารมณ์และพฤติกรรมเป็นไปในทางบวก นำมาซึ่งความสุขสงบอีกทางหนึ่ง  ขณะเดียวกันก็กลับมาส่งเสริมการพัฒนาตนให้เกิด " 4เก่ง"  "7 รู้" และ    "7 อุปนิสัย" ที่สมบูรณ์ยิ่งๆขึ้น  และกลับมาหนุนเสริมให้มีการบริหาร 8 วิธีอย่างจริงจังและต่อเนื่องมากขึ้น  มีผลต่อการพัฒนาร่างกาย สมองและจิตใจมากยิ่งๆขึ้น ...... กลายเป็นวัฏจักรเสริมแรงบวกไปเรื่อยๆไม่รู้จบ
  ทั้งหมดนี้สรุปสุดท้าย ก็คือ ต้องเริ่มต้นด้วยการหมั่นฝึกฝนตนเองตามกรอบที่ 3 นั่นเอง....
       จะอ่านจะฟังอะไรดีๆมามากมายนั้น ยังไม่พอ  ต้องลงมือทำ ทำ และทำเท่านั้น  

       จงระลึกไว้เสมอว่า “รู้ว่าดีแล้วไม่ทำก็เหมือนกับไม่รู้”  ”เวลาและวารี  มิคอยใครใฝ่ธรรม-ทำ”   และ "ปัญญารู้ได้ด้วยการสนทนา  แต่ปัญญาย่อมเกิดเพราะใช้การ” - “Learning by Doing/Practice 














No comments:

Post a Comment