8/21/09

ฯพณฯ อภิสิทธิ เวชชาชีวะ รับร่าง พรบ.จากหมออนามัย





วันที่ 19 สิงหาคม 2552 …. วันนี้ ให้กำลังใจ ทหารกล้า จากทุกสมรภูมิ ทั่วประเทศ ทุกแนวรบ หมออนามัย พบ ฯพณฯ อภิสิทธิ เวชชาชีวะ นากรัฐมนตรี เพื่อเสนอร่าง พรบ. 2 ฉบับ ที่สนับสนุน การปฏิบัติงานการสร้างสุขภาพในชุมชน เป็นกำลังใจและชื่นชม จริงๆ ครับผม จาก จังหวัดยโสธร ไปกันมาก 3 คันรถบัสเลย ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนครับ ... น้องๆ ที่กลับมา พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ในการไปประชุมครั้งนี้ ถือว่า ใกล้ความเป็นจริงกับสิ่งที่พวกเราคาดหวังมากที่สุด เพราะมีการทำงานอย่างเป็นระบบ มีการเตรียมงานที่ดีมากๆ ตั้งแต่การรับฟังความคิดเห็น 4 ภาค และการยกทัพเข้าสู่ส่วนกลางในวันนี้ กว่า 10,000 คน ทั้งนี้ ต้องชื่นชมคณะทำงานที่มีประสิทธิภาพของ ท่านไพศาล บางชวด และท่านนายแพทย์พูนชัน จิตอนัตวิทยา และ คุณพี่ประสพสุข พร้อมทีมงานทุกๆท่านนะครับ ที่ช่วยอะไรได้ ก็ช่วยกันไป ดีกว่า มีแต่ บ่น บ่น และ ตำหนิ กันเอง ...อย่างนี้ สิ หมออนามัย หัวใจกล้าแกร่ง ...
สิ่งที่เราคาดหวังว่าจะส่งผลที่ดีจากการผลักดันให้มีกฎหมายฉบับนี้ คือ
1. เราจะมีโครงสร้างองค์กร และกลไกรองรับภารกิจด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่ชัดเจน
2. เราจะมีงบประมาณสนับสนุนโดยตรงไปที่สถานีอนามัยอย่างเพียงพอสำหรับการปฏิบัติงานให้บริการประชาชนที่มีมาตรฐานและทั่วถึง ทั้งในเชิงรุกด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และเชิงรับด้านการรักษาพยาบาลและฟื้นฟูสภาพ
3. การปฏิบัติงานให้บริการของสถานีอนามัยโดยเน้นการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจะมีมาตรฐาน และมีความยั่งยืน จนเป็นที่ยอมรับของสังคมอย่างมีศักดิ์ศรีทัดเทียมวิชาชีพอื่น
4. ในข้อนี้เป็นสิ่งที่พวกเราชาวสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยต่างรอคอยด้วยความหวังที่ริบหรี่ กลับมีช่องทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 80 (2) วรรคสอง ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้มีหน้าที่ให้บริการต้องมีมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม จึงเป็นความหวังที่เห็นถึงผลของความสำเร็จที่เป็นไปได้ของการมี พรบ.วิชาชีพสาธารณสุข ในปีนี้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นกฎหมายที่เกิดขึ้นตามมาคู่ขนานกับกฎหมายฉบับแรกข้างต้น
ในอดีตพวกเราชาวสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยทุกคนเคยร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันกฎหมายจนเป็นผลสำเร็จมาแล้วถึง 2 ฉบับ คือ พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และพรบ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ฉะนั้น การลุกขึ้นมาพร้อมกันทั้งประเทศของพวกเราชาวสาธารณสุขครั้งนี้ เพื่อมาร่วมมือกันยกร่างและผลักดันกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ ให้สำเร็จลุล่วงได้ทันภายในสิ้นปี 2552 นี้
สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข ประกอบด้วยคณะกรรมการ ก็คือสถานีอนามัย และพวกเราชาวสาธารณสุข จึงขอเชิญชวนเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคน เข้าร่วมประชุมตามโครงการ “๙๕ ปี สถานีอนามัย: ทศวรรษใหม่กับการเปลี่ยนแปลง” โดยขอตัวแทนสถานีอนามัยอย่างน้อยแห่งละ 1 คน เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและร่วมสร้างกระแสให้เกิดการยอมรับอย่างมีศักดิ์มีศรีทัดเทียมวิชาชีพอื่น พร้อมทั้งเชิญเป็นตัวแทนร่วมกันยื่นเสนอกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ให้กับองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่รัฐบาล รัฐสภา สถาบัน/ พรรคการเมือง และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสถาบันทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

No comments:

Post a Comment