30 มิย.2556 ลูกคนเก็บขยะมาเป็นดร.วิศวะฯ_ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ_ปริญญาธรรม นำสุข สู่สำเร็จ
วันที่
30 มิถุนายน 2556 ผมนายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ขอร่วมชื่นชมกับ
คนดีที่มีปริญญาธรรมในหัวใจ ที่ยิ่งใหญ่ของ ชายคนนี้
หนึ่งใน 20 คนหัวใจแกร่ง
แห่งปี
ขอบพระคุณ
Nual Nuan ที่นำมาร่วม Share ให้ได้รับทราบ
ขอบพระคุณ
ข้อมูล เรียบเรียงโดยกระปุกด อทคอม ความว่า
จากเด็กเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ กับแม่ที่ประกอบอาชีพเก็บขย ะขาย ใครจะไปคาคดิดว่า ในอนาคตข้างหน้าเขาจะสามารถ คว้าใบปริญญามาให้แม่ได้ชื่ นชมสมใจ หนำซ้ำยังเป็นปริญญาเอกที่ท ำให้เด็กชายคนนี้ภูมิใจอย่า งที่สุดในฐานะด็อกเตอร์ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา
รายการเจาะใจ ทาง ททบ.5 จึงได้เชิญชายคนนี้มาร่วมพู ดคุย ปัจจุบันเขาคืออาจารย์ภาควิ ชาวิศวอุตสาหการ ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงค ลธัญบุรี..."ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ"
จะว่าไปเรื่องราวของอาจารย์ กุลชาติก็เหมือนกับนิยายเรื ่องหนึ่งที่เริ่มต้นมาด้วยค วามยากลำบาก
แต่เพราะความพยายามและความตั้งใ จ ทำให้เขาประสบความสำเร็จในต อนท้าย
โดยอาจารย์ เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวของเขาเป็นชาวชุมพร เขาจำความได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ว่ามีพี่น้องทั้งหมด 5
คน เขาเป็นลูกคนที่ 4 คุณพ่อทำงานเป็นคนขับรถทัวร ์
ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้าน ชีวิตในช่วงนั้นมีความสุขมา ก แต่หลังจากนั้นได้ 2
ปี พ่อกับแม่ก็มีปัญหาทะเลาะกั น เขาเห็นพ่อใช้ค้อนทุบรูปภาพ ของตัวเองพร้อมกับประกาศว่า "ต่อจากนี้จะไม่มีพ่ออยู่ใน บ้านแล้ว"
ก่อนที่พ่อจะพาน้องสาวคนเล็ กไปด้วย และไม่กลับมาที่บ้านอีกเลย
หลังจากคุณพ่อและคุณแม่ของอ าจารย์แยกทางกัน
คุณแม่ซึ่งต้องเลี้ยงดูลูก ๆ อีก 4 คน ไม่มีเงินพอจะเช่าบ้านอยู่ต ่อ
จึงได้ไปเช่าโกดังเก่า ๆ อยู่ ในราคาเดือนละ 350 บาท
พร้อมกับออกไปทำงานเป็นเด็ก เสิร์ฟที่ต่างจังหวัด เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครั ว
และส่งเงินกลับมาให้ลูก ๆ เดือนละ 500 บาท
เท่ากับว่าในแต่ละเดือน 4 พี่น้องจะมีเงินเหลือใช้เพี ยงแค่
150 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากทนความลำบากได้เพียง ไม่กี่เดือน
พี่สาวคนโต และพี่ชายของอาจารย์ก็ตัดสิ นใจหนีออกจากโกดังไปใช้ชีวิ ตเอาดาบหน้า
เหลือเพียงเขากับพี่สาวอีกค นที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไ ป
แม้กระทั่งบากหน้าไปขอข้าวข ้างบ้านกิน แต่ทำอย่างนี้อยู่เพียงแค่ 2 เดือน ในที่สุด
พี่สาวคนสุดท้ายที่เหลืออยู ่ก็หายออกจากบ้านไปอีก ทิ้งอาจารย์ในวัย 6 ขวบ ให้อยู่ที่โกดังเพียงคนเดีย ว ซึ่งอาจารย์บอกว่า
ช่วงนั้นเป็นชีวิตที่มีอิสร ะมาก เขาเอาแต่นอนทั้งวัน จนหิวถึงได้ลุกไปที่
บขส. เพื่อหาข้าวที่คนกินเหลือปร ะทังความหิว ซึ่งเขาก็ถูกแม่ค้าไล่อยู่บ ่อยๆ
จนชิน
อาจารย์ เล่าต่อว่า ในวัยเด็กเขายังเคยไปเดินเร ่ร่อนขอเงินจากผู้โดยสารตาม ท่ารถ
ถ้าได้เงินก็จะนำไปซื้อข้าว กิน บ่าย ๆ ก็ไปเล่นเกมกับเพื่อนตามประ สาเด็ก
ๆ พอตกเย็นก็กลับไปนอนที่โกดั ง แต่อยู่ไปสักพัก โกดังก็ถูกตัดน้ำ ตัดไฟ
เพราะไม่มีใครไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ แต่อาจารย์ก็ยังคงอยู่ในโกด ังแห่งนั้น
ไม่ได้อาบน้ำ แปรงฟัน และไม่กล้าไปเรียน เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพี ยงชุดนักเรียนเพียงชุดเดียว ซึ่งสภาพก็ดูมอมแมม ทำให้เพื่อน ๆ ไม่มีใครกล้าคุยด้วย
แต่เขาจะเลือกไปโรงเรียนเฉพ าะในวันที่โรงเรียนแจกนมถั่ วเหลืองเท่านั้น
เพราะช่วยคลายความหิวให้ตัว เองได้
ตลอดชีวิตในช่วงวัยเด็ก อาจารย์กุลชาติต้องต่อสู้กั บชีวิตมาตลอด
ทั้งไปขอข้าวกินตามวัด หรือตามงานเทศกาลต่าง ๆ แม้กระทั่งเป็นเด็กเก็บกระท ง
เด็กรับใช้วิ่งซื้อของ เรียกว่าทำทุกอย่างไม่ต่างจ ากเด็กจรจัดทั่วไป
แต่ถึงชีวิตจะลำบาก ถูกตำรวจจับก็หลายครั้ง เขาก็ไม่คิดย้ายไปอยู่กับเพ ื่อนเหมือนกับพี่ชายพี่สาวท ี่หนีไปก่อนหน้านี้
เหตุผลเดียวก็คือ เขาต้องการรอแม่ เพราะกลัววันใดที่แม่กลับมา แล้ว
จะไม่เจอลูก ๆ เหลืออยู่เลยแม้แต่คนเดียว
และหลังจากใช้ชีวิตเพียงลำพ ังมา 2 ปี ในที่สุด "แม่"
ก็กลับมาจริง ๆ และบอกว่าจะไม่ทิ้งลูกไปอีก แล้ว อาจารย์บอกว่า นี่คือช่วงเวลาที่เขามีความ สุขที่สุด แม้จะถูกแม่ตีบ่อย ๆ เพราะติดนิสัยไม่ยอมตื่นไปโ รงเรียน
แต่เขาก็เข้าใจว่า แม่หวังดีเพราะอยากให้เขามี ความรู้ ขณะเดียวกัน
เขากับแม่ก็ช่วยกันเก็บขยะข ายของหาเงินเลี้ยงชีพไปพร้อ ม ๆ กัน และแม่ก็พร่ำสอนให้เขาเลิกเ ป็นขโมย
เมื่อถามจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่ทำให้เขาขวนขวายเรียนหนั งสือคืออะไร? ดร.กุลชาติ บอกว่า เพราะวันหนึ่งส้วมที่บ้านเต ็ม
ราดเท่าไหร่ก็ไม่ลง แม่ของเขาตัดสินใจใช้ค้อนทุ บบ่อเกรอะด้วยตัวเอง
และใช้กระป๋องสีตักสิ่งปฏิก ูลยกไปทิ้งทีละถัง ๆ ตลอดทั้งคืน
"ผมมองเห็นแม่ทำแบบนั้นทั้ง คืน
ผมคิดในใจว่าท่านยอมทำขนาดน ี้เพื่อลูก เขาแค่อยากให้ผมไปเรียนเอง
ตีผมทุกวันเพื่อให้ผมไปเรีย น ทำไมผมถึงไม่ยอมไป เทียบแล้วแม่ลำบากกว่าเรามา ก
ก็เลยตั้งเป้าจะไปเรียนให้ไ ด้" อาจารย์กุลชาติ บอก
หลังจากนั้น ดร.กุลชาติ ก็ปฏิวัติตัวเองใหม่ ตื่นแต่เช้า
ออกไปช่วยแม่เก็บขยะตั้งแต่ ตี 4 เสร็จสรรพ 7 โมงเช้าก็ไปเข้าห้องเรียน
เพื่อตั้งใจเรียนหนังสือ กระทั่งวันหนึ่งความพยายามข องเขาก็ประสบความสำเร็จ
เมื่อสามารถสอบได้เป็นที่ 5 ของห้อง จากเดิมที่เคยได้ที่โหล่
และยังได้รับทุนเด็กเรียนดี มาช่วยเหลือ ในตอนนั้น ดร.กุลชาติ
ตั้งใจจะเรียนสายอาชีพ เพื่อจะเป็นช่างเชื่อม จะได้หาเงินมาเลี้ยงดูแม่
ขณะเดียวกัน
ขณะเดียวกัน
นอกจากรายการจะได้เชิญ ดร.กุลชาติ มาร่วมพูดคุยแล้ว
ยังได้เชิญคุณแม่ของอาจารย์ มาเล่าถึงช่วงชีวิตที่ผ่านม าด้วย
โดยคุณแม่บุษรี จุลเพ็ญ เล่าว่า ที่เน้นย้ำให้ลูกชายต้องเรี ยนหนังสือ
เพราะถูกคนรอบข้างสบประมาทว ่า เธอไม่เอาลูกแล้ว ทำให้ลูกเป็นเด็กจรจัด
เธอจึงตั้งใจจะเลี้ยงลูกให้ ได้ดี เพื่อลบคำสบประมาทดังกล่าว
และสิ่งที่จะทำให้ลูกได้ดีไ ด้ก็คือการเรียนหนังสือ
คุณแม่บอกอีกว่า คนส่วนใหญ่มองว่า พวกเขาเป็นคนขี้ขโมย
ไม่น่าคบหา ซึ่งเธอก็ได้สอนลูกไปว่า ไม่ต้องอายที่คนมองแบบนั้น
แต่เราต้องอยู่ให้ได้ เพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว ่า เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ลูกแค่เป็นเด็กหลงทางไปชั่ว ขณะเท่านั้น
แต่ทว่า หลังจากอาจารย์กุลชาติเรียน จบชั้น ปวช. ก็มาพบว่า
คุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งปากมดล ูกต้องมารักษาตัวที่กรุงเทพ มหานคร
เหตุการณ์นั้นทำให้เขาตัดสิ นใจศึกษาระดับชั้น ปวส. ต่อ โดยคิดว่า
หากเรียนจบแค่ชั้น ปวช. คงได้เงินเดือนไม่เท่าไหร่ แต่หากเรียนต่อน่าจะได้เงิน เดือนมากขึ้น
เขาจึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ปวส. ที่สงขลา โดยขอให้แม่ช่วยส่งเสียให้เ ดือนละ 2,000 บาท แต่เมื่อวันหนึ่ง
เขารู้ว่าแม่ส่งเงินให้ไม่ไ หวแล้ว เขาจึงตัดสินใจไปทำงานกะกลา งคืนที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อส่งเสียตัวเอง
ในที่สุด อาจารย์กุลชาติก็เรียนจบชั้ น ปวส.
แต่มีความคิดจะเรียนต่ออีก 2 ปี เพื่อเอาวุฒิปริญญาตรีด้านว ิศวกรรม
คุณแม่จึงตัดสินใจไปกู้เงิน หมื่นมาจ่ายค่าเทอมให้อาจาร ย์ได้เรียนวิศวกรรมสมใจ
กระทั่งวันหนึ่ง อาจารย์ตัดสินใจเลือกรับทุน ของมหาวิทยาลัย เพื่อจะได้เรียนต่อ
แต่ต้องแลกกับการใช้ทุนด้วย การเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทย าลัยที่ตอนนั้นได้เงินเดือน ราว
ๆ 6 พันกว่าบาท ต่างจากอาชีพวิศวกรที่จะได้ เงินเดือนสูงถึง
15,000 บาท แต่อาจารย์ก็ยินยอม เพื่อจะได้มีโอกาสได้เรียนห นังสือให้สูงขึ้น
หลังจากเรียนจบชั้นปริญญาตร ี อาจารย์บอกว่า
เป็นความภูมิใจที่สุด เพราะทำให้แม่ได้เห็นภาพเขา รับปริญญาจนได้ ขณะที่เด็ก ๆ
รุ่นเดียวกันในละแวกบ้านไม่ มีใครได้รับปริญญาเลย หลังจากนั้น
เขาก็ทำงานเป็นอาจารย์สอนนั กศึกษาชั้นปริญญาตรี แต่เพราะตัวเองก็จบชั้นปริญ ญาตรีเช่นกัน
ทำให้วิชาพื้นฐานที่สอนชนกั น จึงตัดสินใจเรียนต่อเพื่อให ้มีวุฒิสูงกว่าปริญญาตรี
เขาจึงยื่นขอทุนเรียนปริญญา โทจากมหาวิทยาลัย
เมื่อเรียนจบปริญญาโทแล้ว ทางมหาวิทยาลัยมีโครงการจะเ ปิดหลักสูตรปริญญาโทอีก
ดังนั้นจึงต้องหาบุคลากรที่ มีวุฒิการศึกษาสูงกว่าปริญญ าโท
เพื่อมาสอนนักศึกษา อาจารย์กุลชาติจึงตัดสินใจร ับทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที ่ประเทศญี่ปุ่น
แต่ก็เจอปัญหาใหญ่ เพราะเขาไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเ ลย แต่สุดท้ายอาจารย์ก็พยายามข วนขวายจนคว้าปริญญาเอกมาได้ สำเร็จ
ทั้งนี้ อาจารย์ตั้งใจไว้ว่าจะพาแม่ มางานรับปริญญาที่ญี่ปุ่นให ้ได้
เขาจึงเจียดเงินทุนการศึกษา เก็บไว้เป็นค่าตั๋วเครื่องบ ิน และค่าอื่น ๆ
เพื่อให้แม่เดินทางมาเห็นคว ามสำเร็จของเขา พร้อมกับพาครอบครัวไปเที่ยว ด้วยกัน
"วันรับปริญญา ตอนที่ออกมาจากหอประชุม
พอเปิดประตูปุ๊บ ผมเห็นแม่ยืนหน้าประตู ความรู้สึกแรกที่อยากเข้าไป ทำก็คือ
อยากเข้าไปกราบเท้าแม่มาก ที่ผมมาถึงตรงนี้ได้ ถ้าไม่มีแม่วันนั้นที่คอยเค ี่ยวเข็ญเรามาขนาดนี้
ผมคงมาไม่ถึงวันนี้ได้ ผมเห็นแม่ปุ๊บ ผมก้มลงกราบเลย คนญี่ปุ่นงงกันหมดว่าเกิดอะ ไรขึ้น
ส่วนแม่ผมก็ร้องไห้ด้วยความ ซาบซึ้ง" ดร.กุลชาติ
เล่าวินาทีแห่งความประทับใจ
ขณะที่คุณแม่ก็บอกว่า ในวันนั้น น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาข องความดีใจที่รอมานานหลายปี และเธอก็สอนลูกเสมอว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้
ขณะที่คุณแม่ก็บอกว่า ในวันนั้น น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาข
คำสอนของคุณแม่ที่จดจำอยู่ใ นใจเสมอมา ทำให้ในวันนี้
ดร.กุลชาติ สามารถพิสูจน์ตัวเองให้เห็น แล้วว่า "คนเราเลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกที่จะเป็นได้" นี่ไม่ใช่คำพูดที่เกินความจ ริงเลยแม้แต่น้อย
เพราะจากต้นทุนชีวิตติดลบที ่ต้องเกิดมากลายเป็นเด็กเร่ ร่อน
ขออาหารคนอื่นกินประทังหิวไ ปวัน ๆ แต่มาถึงวันหนึ่ง
เขาตัดสินใจเลือกเดินในเส้น ทางที่จะเป็นคนดี และใฝ่เรียน ทำให้ ณ วันนี้
เด็กชายเร่ร่อนคนนั้นได้กลา ยมาเป็น "ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ"
"มีคนถามผมเยอะว่าชีวิตที่ผ ่านมา
ผมได้แง่คิดอะไรบ้าง อะไรมันสอนผมบ้าง ผมก็พยายามคิดหาคำตอบให้กับ ตัวเองเหมือนกันว่าอะไรที่ผ มต่างจากคนอื่น
ผมมองว่า มันก็คือคำพูดที่ทุกคนเคยได ้ยินกันมาเสมอว่า ความลำบากสอนให้คุณอดทน
ความลำบากสอนให้คุณพยายาม สอนให้คุณมีเป้าหมายในชีวิต ถ้าไม่ลำบากก็ไม่เจอสิ่งนั้ น ผมถือว่าผมโชคดีที่เกิดมาจน ผมขาดโอกาสจากความจน เราต้องสร้างโอกาสให้กับตัว เอง ทำตัวเองให้พร้อม ทำขึ้นมาเองกับมือแล้วมันจะ มีความภาคภูมิใจมากกว่า"
...นี่คือเรื่องจริงที่ยิ่ง กว่านิยายจากชีวิตของ ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ
ขอบพระคุณ ข้อมูล เรียบเรียงโดยกระปุกด อทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ LadyBimbettes สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ขอบพระคุณ ข้อมูล เรียบเรียงโดยกระปุกด
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ LadyBimbettes สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
มีคนร่วมเป็นกำลังใจ
อาทิเช่น
แจกันหนึ่งใบ กับหัวใจหนึ่งดวง ยินดีด้วยค่ะ
ดร.มาถึงวันนี้ได้ เพราะดร.มีปริญญาทางธรรมเป็นพื้นฐานมาก่อน
จนสามารถคว้าปริญญาทางโลกได้ ชีวิตรันทดขนาดนี้ ถ้่าไม่ได้ปริญญาธรรม ไม่มี ฉันทะ
วิริยะ จิตตะ และวิมังสา
หลายคนที่ชีวิตผ่านชะตากรรมขนาดนี้ก็ผ่านพ้นมาจนมีวันนี้ได้ยากแน่นอน บางคนบ้านรวย
ทุกอย่างพร้อม แต่ขาดปริญญาทางธรรมนำทางก็มาไม่ถึงจุดที่ดร.กำลังยืนอยู่ตรงนี้ค่ะ
ชื่นชมมากๆ ค่ะ
Chanokporn
Suklap ขอชื่นชม
ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ คุณคือสุดยอดของคนที่ใช้ความพยายามจนประสบความสำเร็จ..ขอแชร์เรื่องราวที่ดีไปสอนลูกและลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัยนะค่ะ
Thanaporn
Kraiwisut ขอชื่นชมค่ะ
คนยอดคน สุดยอดของชีวิต น่าเป็นแบบอย่างจริงๆ
คุณโชคดีมากที่ตอนเป็นเด็กคุณแม่กลับมาก่อนที่คุณจะหลงเดินทางผิดไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
เพราะเด็กที่ถูกทอดทิ้งหลายๆคน ถูกคนชั่วหลอกใช้บ่อยๆ
Pantong
Junsawang ผมว่า
ผ่าน อะไร ต่อมิอะไรมากมากแล้ว เทียบกับท่าน ดร.ที่มีปริญญาธรรม ประจำตัว
ประจำใจมาตลอด ผมขอคารวะด้วยความจริงใจครับ