10/13/13

3 ตค 2556 งดเหล้าเข้าพรรษา5,000คน_คำเขื่อนแก้ว

3 ตค 2556 งดเหล้าเข้าพรรษา5,000คน_คำเขื่อนแก้ว
วันที่ 3 ตุลาคม 255ผม นายพันธุ์ทอง  จันทร์สว่าง ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว เข้าร่วมประชุม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ณ หอประชุม ๑๐๐ ปี อำเภอคำเขื่อนแก้ว  จังหวัดยโสธร  ประธานการประชุม โดย นายสมเพชร  สร้อยสระคู นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว มี หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าร่วมประชุม โดยพร้อมเพรียงกัน
            วาระจาก สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ที่สำคัญคือ การปฏิบัติและขับเคลื่อน วาระแห่งชาติ เรื่องอุบัติเหตุ  ด้วยมาตรการ 3 ม.2 ข. 1 ร.
            เป้าหมายหลักคือ การลดอุบัติภัยและความสูญเสียทางอุบัติเหตุจราจร
ตามแผน ทศษวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน เป้าหมายการทำงานในภาพรวมคือ
อัตราตายจาก อุบัติเหตุจราจร ไม่เกิน 10 คนต่อประชากร 1 แสนคน
ซึ่งต้องบูรณาการจากทุกภาคส่วน ใน 6 ด้านคือ 1. การบริหารจัดการ 4. วิศวกรรมจราจร
2. การบังคับใช้กฎหมาย 5. ประชาสัมพันธ์ 3. ด้านสังคม 6. การแพทย์ฉุกเฉิน กู้ภัย กู้ชีพ
            เรื่องที่ 2 สำรวจ สถานการณ์ กรสูบบุหรี่ ของผู้นำชุมชน ผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล หัวหน้าส่วนราชการ พบว่า จำนวน ผู้นำชุมชน ที่สูบบุหรี่ ลดลง จากปี งบประมาณ 2556 โดย ณ วันนี้ มีผู้ ยอมรับว่าตนเองยังคงสูบบุหรี่ จำนวน 76 คน จาก ผู้เข้าร่วมประชุม 400 คน
            เรื่องที่ 3 เรื่องการรณรงค์ลดการบริโภคเครื่องดืมอัลกอฮอล์ จากรายงาน ที่ส่งถึง นายสมเพชร  สร้อยสระคู นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว พบว่า มีประชาชน แสดงความจำนงเข้าร่วม โครงการ งดเหล้า เข้าพรรษา ถึง 5,000 กว่าคน
เฉพาะ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีจำนวน 300กว่า คน ในจำนวนนี้ มีผู้ที่ พรรษาแตก คือ ดื่มเหล้า แล้วก่อนออกพรรษา เพียง 9 คนเท่านั้น

            ในจำนวน 5,000 คนที่แสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการ งดเหล้าเข้าพรรษานั้น ทุกท่านได้รับ บุญ อันยิ่งใหญ่แก่ตัวท่านแล้ว คือ ได้สุขภาพที่ดี เพื่อเป็นการตอบแทนบุญ ที่เป็นคุณกับตัวท่าน อำเภอคำเขื่อนแก้ว จะได้มอบเกียรติคุณบัตร ให้กับทุกท่านที่ สามารถ งดเหล้า ตลอดระยะเวลา เข้าพรรษาได้ ขอให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สำรวจ และส่งรายชื่อ ราษฎรทุกท่าน ที่สามารถ งดเหล้า ตลอดระยะเวลา เข้าพรรษา เพื่อรับ เกียรติคุณบัตร ต่อไป นายสมเพชร  สร้อยสระคู นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว กล่าวในที่สุด




No comments:

Post a Comment