1/20/11

จิรพล จันทร์จวง ปูชนีย์บุคคลสำคัญของ จ.ยโสธร


วันที่ 19 มกราคม 255

ตอนเย็น ผม นายพันธุ์ทอง  จันทร์สว่าง  เดินทางไปพร้อมกับ ท่านมงคล สุทธิอาคาร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร นายวิทยา  เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว และ คณะ เพื่อร่วมงาน แสดงความยินดี กับ ผอ.เสนอเกียรติ พราวศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร  ซึ่งจะเดินทางไปรับตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียน กุดชุมวิทยาคม และ ต้อนรับ  ผอ. อัศนีย์ศักดิ์ ศิริชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร  คนใหม่  ณ หอระชุม โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร
                        ประธานในงาน โดย ท่าน จิรพล จันทร์จวง(อาจารย์กอง)ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ผมประทับใจ ที่ ท่านได้เล่าถึง ประวัติการก่อสร้างโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร นั้น มาจากแรงบันดาลใจ ของท่าน ที่ เมื่อสมัยเด็ก ท่านเรียนอาคารเรียนหลังคามุงหญ้า ในเวลาฝนตก เด็กๆ ต้อง หลบหลีกไป หลบแดดหลบฝนที่ใต้โต๊ะ และท่านตั้ง ปณิธาณ ในใจ เสมอมาว่า สักวัน เมื่อโตขึ้น จะ ต้องสร้างโรงเรียนให้ได้ ... และ ท่านมีโอกาส ทำได้สำเร็จ ด้วย การยึดมั่นใน แนวทาง ธรรมะ และโดย เฉพาะ เมื่อมีโอกาสได้ บวชเรียน ถวายงานรับใช้ สมเด็จพระญาณสังวร  ท่านเล่าประวัติ โรงเรียนได้ด้วยความทรงจำที่ดี สรุปย่อ ความว่า ....
 การสนองเมตตาปราณีแห่งเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯที่แผ่ไปถึงชนส่วนใหญ่ไม่เหลือชั้นวรรณะ การดำเนินการดังกล่าวจะต้องใช้ทุนเป็นจำนวนมาก นอกจากทุนที่ได้จากการทอดกฐิน ในวันที่ 3 พฤศจิกายน2516 และทุนที่พระราชทานจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐเมื่อทรงทราบข่าวว่าคณะกรรมการจะหาทุนสร้าง โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวรขึ้นทรงพระราชทานมาเป็นมิ่งขวัญและ กำลังใจแก่คณะกรรมการอีก 50,000 บาท
                   คณะกรรมการแกนนำฝ่ายฆราวาสที่ดำริการก่อตั้ง โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร โดย คุณชัยพร จันทร์จวง พี่ชายของอาจารย์กอง(ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว)คุณปิยบุตร หลักคำ (ทนายแก้ว) ร่วมกับ พระอาจารย์กอง ญาณกขันโธ
(นายจิรพล จันทร์จวง ในปัจจุบัน) ประธานฝ่ายฆราวาส ในการจัดหาทุนก่อสร้างอาคารเรียน โดย พล.อ.บุญชัย บำรุงพงศ์ (ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ) ซึ่ง พล.อ.บุญชัย บำรุงพงศ์ ได้มอบอาคารเรียนให้กับ อธิบดีกรมสามัญสึกษา เมื่อวันที่ 25  พฤษภาคม 2519
                   นอกจากนี้ยังไม่มีทุนส่วนใดอีกทั้งสิ้นเพื่อให้ได้ทุนมาเพียงพอสำหรับการก่อสร้างและตอบสนองน้ำใจอันดีงามของผู้มีจิตศรัทธาร่วมในการกุศลสารธารณประโยชน์นี้ จึงได้ประชุมสร้าง " พระชุดอนุสรณ์ขึ้น " เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2516 คณะกรรมการได้กล่าวนมัสการถวายสักการะเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ขอประทานอนุญาตสร้างพระชุมอนุสรณ์ดังกล่าว เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ เห็นชอบด้วยและประทานโอวาท ให้คณะกรรมการกระทำอย่างรัดกุม มีหลักฐานเอกสาร กันการครหานินทา ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ภายหลังคณะกรรมการก็ได้ถือโอวาทของเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ดังกล่าวเป็นหลักฐานในการดำเนินการตลอดมาและพิจารณาเห็นว่าในบรรดาพุทธศิลป์สมัยสุโขทัยปางต่าง ๆ มีความงามเป็นเอกลักษณ์สมบูรณ์กว่ายุคใด ๆจึงได้เลือกพระพุทธรูปแบบสุโชทัยปรางสมาธิ เป็นพิมพ์สำหรับพุทธปฏิมา และนอกจากนั้นคณะกรรมการได้รับความกรุณานุเคราะห์เป็นพิเเศษจากพระเดชพระคุณท่าน พระสังวรวิมลเถร(หลวงปู่โต๊ะ)วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพ ฯ อนุญาตให้คณะกรรมการจัดสร้างพระพิมพ์ผงและเหรียญรูปเหมือนของพระคุณท่านเป็นรุ่นแรก ตามหนังสือขอประทานอนุญาตที่ 273/2516 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2516 นับว่าเป็นเกียรติและเป็นสิริมงคลแก่คณะกรรมการเป็นอย่างยิ่ง
. 2519 เปิดรับนักเรียนรุ่นแรก เมื่อ 15 พฤษภาคม 2519 มีนักเรียนมาสมัครเรียน 38 คน มีนายวิจิตร สายธนู เป็นครูใหญ่คนแรก
 2521 นายวิจิตร สายธนู ย้ายไปดำรงตำแหน่งครูใหญ่ที่โรงเรียนตระกูลประเทืองวิทยาคม อำเภอมหาฃนะชัย จังหวัดยโสธร ทางราชการจึงมีคำสั่งให้นายสหัส ใจชอบ ตำแหน่งอาจารย์ 1 โรงเรียนนารีนุกูล อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่แทน 
จากกองทุนการศึกษา จนเป็น มูลนิธิส่งเสริมการศึกษา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร
. 2524 นายสหัส ใจชอบย้ายกลับโรงเรียนเดิม ทางราชการมีคำสั่งให้นายล้วน อดทน ตำแหน่งอาจารย์ 1 โรงเรียนเลิงนกทา จังหวัดยโสธร มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ ท่านล้วน อดทน จึงมีแนวคิดการจัดตั้ง กองทุนการศึกษา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวรขึ้น ในปี พ.ศ. 2524 นี้เอง ทนายแก้ว นายปิยบุตร หลักคำ ได้มาร่วมมอบทุนการศึกษาด้วย เกิดความประทับใจ และมองเห็นประโยชน์ที่จะเกิดกับบุตรหลานในอนาคต จึงเป็นผู้ริเริ่มหลัก ร่วมกับคณะ และ ทนายแก้ว นายปิยบุตร หลักคำ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนการศึกษา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ให้เป็นปึกแผ่นและยั่งยืน แม้ในปัจจุบัน ทนายแก้ว นายปิยบุตร หลักคำ และภริยา นางสุนี หลักคำ ก็ยังเป็นกำลังหลัก ในการชักชวนบุตรหลานร่วมกันสนับสนุนกองทุนนี้ เรื่อยมา เป็นเวลากว่า 30 ปี ติดต่อัน โดยเฉลี่ย ทนายแก้ว นายปิยบุตร หลักคำ และคณะให้การสนับสนุน ประมาณ ปีละ 100,000 บาท(กองทุนการศึกษา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น มูลนิธิส่งเสริมการศึกษา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร เมื่อ 4 ตุลาคม 2531 เลขทะเบียนมูลนิธิลำดับที่ 4241 ด้วยความเมตตาจากคุณหญิงตุ่น โกศัลวิตร เมื่อครั้งได้ติดตาม สมเด็จพระญาณสังวร มาเยี่ยมโรงเรียนแห่งนี้ เมื่อปี 2531 คุณหญิงตุ่น โกศัลวิตรได้บริจาคเป็นทุนเริ่มต้น จำนวน 150,000บาท)
วันที่ 3 ตุลาคม พ. 2540 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  ณ โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ทรงประทานเงินสมทบ จำนวน 500,000 บาท(ห้าแสนบาท)  และ ศาตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐภา บริจาคสมทบ อีก มูลนิธิส่งเสริมการศึกษา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร50,000 บาท(ห้าหมื่นบาท) 
ท่าน จิรพล จันทร์จวง (อาจารย์กอง) เมื่อครั้งเป็นพระภิกษุ เคยทำหน้าที่เลขาหน้าห้อง ของ สมเด็จพระญาณสังวร วัดบรนิเวศน์
...หมายเหตุ ในงานนี้ มีผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานมากมาย อาทิ ท่านถาวร บุญแท้ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ท่าน สุริยา บุญสาร รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การประถมศึกษายโสธร เขต ๑ ท่านณรงค์ ประจวบสุข รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การประถมศึกษายโสธร เขต ๑ ท่าน นิวิสน์ สืบศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนยโสธร พิทยาคม ท่าน ท่านชวดล เพ็ญชรี ผู้อำนวยการโรงเรียนคำเขื่อนแก้วชนูปถัมภ์ นางกรรณิการ์ รอบคอบ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอคำเขื่อนแก้ว ท่านถวิล เศษบุบผา เกษตรอำเภอคำเขื่อนแก้ว นายสุพิช สามารถ ปลัดอำเภอ(อาวุโส)อำเภอคำเขื่อนแก้ว ท่าน ดร.ประยงค์ แก่นลา ผู้อำนวยการโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช เป็นต้น
หมายเหตุ นพ.จิณณพิภัทร ชูปัญญา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร ติดภารกิจด่วน ขออนุญาตท่าน ท่าน เสนอเกียรติ พราวศรี มอบของขวัญ ณ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว ตอนเลิกงานวันนี้
คณะ ที่ ร่วมงาน จาก สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว มี นางสุภาวดี ขอสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บกน้อย นายคมสัน อดกลั้น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล นาแก
นายขจรเกียรติ อุปยโสธร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ดงแคนใหญ่ นายสาคร ขอสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โพนสิม ภรรยานางอริยวรรณ จันทร์สว่าง

No comments:

Post a Comment