1/1/11

วันสิ้นปีทำความดี 2 พ.ศ. ณ วัดพระพุทธบาทยโสธร









วัน ที่ 31 ธันวาคม 2553: ในบรรดา กิจกรรมที่ เป็นมงคลแก่ชีวิต 38 ประการ นั้น ผมเห็น ว่า 3 ประการแรก นั้น เป็นสุดยอดของมงคลชีวิต
อเสวนา จ พาลานํ การไม่คบพาล ( พาล ตาม จริต ของเรา)
ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา การคบแต่บัณฑิต (คือ ท่านผู้รู้ทั้งหลาย)
ปูชา จะปูชะนียานัง การบูชาบุคคลที่เราควรบูชา
ปกติทุกๆปี ผม จะ พาครอบครัว ไป กราบขอพร คุณพ่อถวิล จันทร์สว่าง ณ บ้านสีสุก ตำบลดู่ลาด อำเภอทรายมูล จังหวัดยโสธร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เนื่องด้วยท่านเป็นบุคคลที่ควรบูชาอย่างยิ่งในชีวิตผม
แต่ปีนี้ ขอไป บูชา บุคคลที่ควรบูชา สูงสุดอีกท่านหนึ่ง คือ องค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลา ๑๘.๐๙ น. วันนี้ ผม นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง และครอบครัว เข้าร่วม กิจกรรม การปฏิบัติธรรม ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ วิถีพุทธ พ.ศ. ๒๕๕๔ ณ ณ วัดพระพุทธบาทยโสธร ทั้งนี้ ท่านพงษ์ศักดิ์ นาคประดา ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร มอบหมายให้ ท่าน ชูศักดิ์ ตรีสาร รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร มาเป็นประธานในพิธี ในการกล่าวสัมโมทนียกถา โดย พระวินัยสุนทรเมธี (หลวงพ่อเจ้าคุณบัลลังก์ ฉินฺนะอันโธ) นั้น ท่านกล่าวชื่นชมประชาชนตำบลหัวเมือง และพุทธสานิกชนจากอำเภออื่น จากต่างจังหวัด จากรุงเทพมหานคร รวมกว่า ๒ พันคน ที่เข้าร่วมกิจจกรม การปฏิบัติธรรม ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ วิถีพุทธ พ.ศ. ๒๕๕๔ ในวันนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมทางศาสนาที่เน้นความพอเพียง ความเรียบง่าย น้อมนำหลักธรรมคำสอน มาประพฤติ ปฏิบัติในวิถีชีวิต เกิดความสงบร่มเย็นทั้งต่อตนเอง และต่อสังคม
ในโอกาสเดียวกันนี้ นายวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว ปฏิบัติหน้าที่ ในนาม นายแพทย์พงษ์สวัสดิ์ รัตนแสง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร ได้เป็น ตัวแทน คณะเจ้าภาพที่จัดพิมพ์ หนังสือ ถวายเงินจำนวน 18,149 บาท (หนึ่งหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าบาท ถ้วน) แด่พระวินัยสุนทรเมธี (หลวงพ่อเจ้าคุณบัลลังก์ ฉินฺนะอันโธ) เป็นปัจจัยสมทบ ค่าน้ำ ค่าไฟ และ บำรุง พระ ป่วยเจ็บ ต่อไป ซึ่ง เงินจำนวนนี้ เจ้าภาพที่จัดพิมพ์ หนังสือ ธรรมะ จำนวน 3,009 เล่ม เล่ม ละ 19 บาท ยังมีเงินคงเหลือ จากการจัดพิมพ์หนังสือ จำนวนดังกล่าว
กิจกรรมที่สำคัญในคืนนี้ประกอบด้วย การปฏิบัติธรรม รักษาศีล ๘ การแสดงพระธรรมเทศนา เจริญจิตภาวนา ไหว้พระสวดมนต์ พระสงฆ์สวดส่งท้ายปีเก่า
ญาติโยมจาก อำเภอคำเขื่อนแก้ว ของเราไปร่วมงานหลายท่าน ครอบครัว นี้ น่าประทับใจมาก อยู่ร่วมงาน จน เสร็จพิธี ในภาคเช้า จึงเดินทางกลับ ...ท่านวิทยา เพชรรัตน์ สาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว พร้อมสมาชิกในครอบครัวทุกคน เข้าร่วมปฏิบัติธรรมในครั้งนี้เช่นกัน ( นางกัญญารัตน์ เพชรรัตน์ หัวหน้างานห้องคลอด โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว น.ส.วรัญญา เพชรรัตน์ น.ส.ฉัตรสุดา เพชรรัตน์)
แขกผู้ใหญ่ที่ให้เกียรติมาร่วมงานปฏิบัติธรรม ครั้งนี้ อาทิ นายแพทย์พงษ์สวัสดิ์ รัตนแสง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร นางพวงคำ ทองทั่ว วัฒนธรรมจังหวัดยโสธร นายวิระมิตร บุญโถน สาธารณสุขอำเภอมหาชนะชัย นางกรรณิการ์ รอบคอบ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอคำเขื่อนแก้ว นส.จรรยา ดวงแก้ว น.ส.จรรยา ดวงแก้ว หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร เป็นต้น
แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็น แต่ เมื่อเข้าร่วมกิจกรรมนี้แล้ว รู้สึกอบอุ่น ด้วยว่าได้อยู่ท่ามกลางคนที่มีคุณธรรมสูงจำนวนมาก มาอยู่รวมกันภายใต้บรรยากาศของความมีน้ำใจ ความสามัคคีและการช่วยเหลือกันที่ดี บางท่านเสียสละเวลามาร่วมงาน บางท่านเสียสละมาร่วมเป็นกรรมการจัดงาน บางท่านเสียสละทรัพย์สินเป็นโรงทาน บางท่านเสียสละแรงงาน เป็นต้น
การแสดงพระธรรมเทศนา โดยพระเดชพระคุณท่านพระครูศรีวิริยะโสภณ รองเจ้าอาวาสวัดบึงพระลานชัย ในฐานะเจ้าคณะอำเภอเมืองร้อยเอ็ด (ธรรมยุติ) นั้น ได้รับความสนใจ จาก ผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก ด้วยท่าน มีลีลาการเทศน์ ที่ใช้ภาษาง่ายๆ เทศน์แบบเป็นกันเอง ซึ่งวัตถุประสงค์ของท่าน มี ๒ ประการ คือ ทั้ง เทศน์ให้เชื่อ และ เทสน์ให้คิด หลังจาก จาก ได้รับฟัง คำเทศนาของ ท่านแล้ว มีหลายท่าน บรรลุธรรมได้ (คือสามารถ ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นไป เรื่อยๆ แม้ ไม่สามารถ ตัดขาด กิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ได้ทั้งหมด แต่ ทำให้เบาลง ถือว่า บรรลุธรรมขั้นต้นแล้ว)
ขอยกตัวอย่าง ข้อคิด ที่ผมได้ จากการรับฟังพระธรรมเทศนา คุณท่านพระครูศรีวิริยะโสภณ ( หลวงพ่อโกโบริ)
น้ำขุ่นไม่เห็นเงาหน้าตน คนที่มีจิตมืดมนมองไม่เห็นธรรม เห็นคนอื่นทำชั่ว ทำไมตัวเราต้องเลิกทำความดี กรณี ที่มีข่าว พระภิกษุ ขโมยสิ่งของ เสพเมถุน เสพยาเสพติด ทำร้ายกัน ฆ่ากัน ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตามหน้าจอโทรทัศน์ ... บางคน ได้รับทราบข่าวแล้ว ไม่อยาก ทำบุญตักบาตร... ถามว่า พระเป็นคนไหม .... ถามว่า พระทำผิดได้ไหม ... ถามว่า พระทำผิดศีล ๑ ข้อ ท่านเหลือ กี่ข้อ ถามว่า พระทำผิดศีล ๒๐๐ ข้อ ท่านเหลือ กี่ข้อ ... พระ คือ ตัวอย่างที่ดีขง ผู้ที่ มีจิตใจที่สูงส่ง เสียสละ ต่อสังคม ถามว่า ที่นั่งอยู่นี่ หลายพันคน มีกี่คน ที่มี ลูก บวชเป็นพระอยู่ในขณะนี้ .... ถามว่า มีกี่คน ที่คิด จะออกบวชเป็นพระ ในวันพรุ่งนี้ .... แม้พระบวชใหม่ พวกเราเรียกว่า ผู้ไม่ครองเรือนโดยสมมุติ ก็ตาม ผู้ไม่ครองเรือนโดยสมมุติ ในเบื้องต้น อีก ๑ ปี ๒ ปี ๓ ปี ถ่าท่าน ศึกษาและปฏิบัติได้ อีกไม่นาน ท่านก็จะเป็นพระจริง ... ท่านเจ้าคุณ ที่ทุกท่าน เรพนับถือนั้น เมื่อก่อน ท่านก็เป็น เรียกว่า ผู้ไม่ครองเรือนโดยสมมุติ มาก่อน ... ท่านเคยทำผิดศีลไหม .. เคยกํนทุกคน พระพุทธเจ้า ท่านมีทางออกให้ กับพระภิกษุ ที่ทำความผิด โดยการ ปลงอาบัติ หรือ การให้อภัย แก่ตนเอง ... แล้ว ทำไม พวกเรา จึงจะไม่ยอมให้อภัยแก่ตนเอง ฉะนั้น เมื่อมีโอกาส ที่จะทำความดี อย่าลืม ให้โอกาสตนเองในการทำความดี เมื่อบางครั้งทำผิดไปบ้าง อย่าลืม ให้อภัยตนเอง ในการกลับตัวกลับใจเริ่มต้นใหม่ในการทำความดี...
เมื่อเห็นพระทำผิด ทำไม เห็นคนอื่นทำชั่ว ตัวเราทำไม ต้องเลิกทำความดี ทำไมคนเราต้องลงโทษตนเอง ด้วยการเลิกทำความดี
ถ้าไม่มีเทวดา ไม่มีวัด เพราะวัด เป็นสมบัติ ของเทวดา เทวดา คือ ใคร คือ พวกเราทุกคน ที่มารวมกัน ณ ที่นี้ บางคน เป็น เทวดา บางคน เป็น พระอินทร์ บางคน เป็นพระพรหม แล้ว แต่การประพฤติ ปฏิบัติ ของแต่ละคน
ถ้าไม่มีพวกท่านไป ทำบุญใส่บาตร วัดไหนๆ ก็ร้างหมด .. ฉะนั้น วัดจึงเป็นสมบัติของเทวดา ทุกคนที่ ทำบุญตักบาตร นั่นคือเทวดา ทุกคน ที่หมันรักษาศีล นั่นคือเทวดา ทุกคน ที่หมั่นเจริญ ภาวนา นั่นคือ เทวดา ... ขาว จาก พาก เต็มไปหมด นั่ง โตดโปด นั่ง ... เตมไปหมด ณ ลาน ธรรม ริมฝั่งแม่น้ำชี แห่งนี้ ทุกคน คือ เทวดา...
พวกเรา อยาก รวยไหม พวกเรา อยากสวยไหม พวกเรา อยากเจริญ ก้าวหน้า ในหน้าที่การงานไหม พวกเรา อยากได้กัลยาณมิตร ในการทำงานไหม ... ทุกคน ยังคงตอบว่า อยากได้ อยากมี อยากเป็น ถามว่า ผิดไหม ... ก็แล้ว แต่ว่า จะละคน จะสามารถ ตัดขาดกิเลสไดแค่ไหน อยากร่ำ อยากรวย แต่เราทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยสุจริต ไม่ไปจี้ไปปล้น ใครเขามา อยากเจริญ ก้าวหน้า ตามความรู้ความสามารถไม่ได้ไปเบียดเบียนใครเขา อย่างนี้ถือว่า เป็นปกติของเราทุกคนที่ยังมีกิเลสอยู่ เราไม่สามารถตัดได้ แต่ทำให้เบาลง เราก็เป็น เทวดาได้แล้ว ด้วยการปิบัติตน ๓ ประการ คือ การให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา
...สมัยพุทธกาล เกลือ มีรสเค็ม เป็นดั่งนี้ เชื่อ ไม่เชื่อ สมัยปัจจุบัน เกลือ ก็ยัง มีรสเค็ม เชื่อ ไม่เชื่อ
...สมัยพุทธกาล ทำดี ได้ดี ทำชัว ได้ชั่ว เป็นดั่งนี้ เชื่อ ไม่เชื่อ สมัยปัจจุบัน ทำดี ได้ดี ทำชัว ได้ชั่ว ก็ยังเป็นดั่งนี้ เชื่อ ไม่เชื่อ
...สมัยพุทธกาล น้ำต้มเดือดๆ จะร้อน เป็นดั่งนี้ เชื่อ ไม่เชื่อ สมัยปัจจุบัน น้ำต้มเดือดๆ ก็ยังร้อน เชื่อ ไม่เชื่อ
พระถาม ออย่านึกนาน พระรำคาญ ให้รีบตอบ คนอย่างข้านางฟ้ายังผิดหวัง คนอย่างข้าเทพธิดา หมื่นแสนล้าน ยังหักอกได้ เพราะ Love I
... คนธรรมดา เทศนา ให้ คนธรรมดา ฟัง คนธรรมดา บรรลุธรรมได้ไหม ตอบว่า..
... พระธรรมดา เทศนา ให้ คนธรรมดา ฟัง คนธรรมดา บรรลุธรรมได้ไหม ตอบว่า..
... พระอรหันต์ เทศนา ให้ คนธรรมดา ฟัง คนธรรมดา บรรลุธรรมได้ไหม ตอบว่า..
ตอบว่า คนธรรมดา เหล่านั้น ไม่ว่าจะฟังคำเทศนา จาก ใคร ก็สามารถ บรรลุธรรมได้ หาก ว่า คนธรรมดา นั้น เป็นคนที่ไม่ธรรมดา คือ ฟังธรรมเหล่านั้นแล้ว นำไป ประพฤติ ปฏิบัติ ยกระดับ จิตใจ ของตนเอง ให้สูงขึ้นยิ่งๆขึ้นไป เรื่อยๆ คนธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา เหล่านั้น สามารถ บรรลุ เป็น อรหันตืได้เช่นกัน เพราะ ธรรมที่ นำมา เทศนา นั้น คนธรรมดา พระธรรมดา หรือพระอรหันต์ เหล่านั้น ท่านไม่ได้ นึก ไม่ได้คิดขึ้นเอง ท่านนำมาจาก หลักธรรม คำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า ที่ตรัสไว้ รวบรวมไว้ ในพระไตรปิฎก มาสอน ... หลักธรรม คำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า นั้น ปัจจุบัน ยังไม่มีผู้ใด สามารถลบล้างได้ว่าไม่จริง เพราะ พระพุทธเจ้า เป็น โละวิทู คือ ผู้รู้อย่างแจ่มแจ้ง แล้ว ทั้ง ๓ โลก ทั้ง โลก มนุษย์ โลก สวรรค์ และโลกมนุษย์
ฉะนั้น คนธรรมดา อย่างพวกเรา ถ้ามีสติปัยญา ก็มีโอกาส เป็น เทวดาเดินดินได้ หรือ เป็น พระอินทร์ เป็นพระพรหม ได้ ด้วยการ ประพฤติ ปฏิบัติ เป็นผุ้มีจิตใจ สูงส่ง ใน ๓ คุณลักษณะ ที่สำคัญ คือ การให้ทาน หมั่นรักษาศีล และ เจริญภาวนา ตามโอกาสอันควร
ถ้าเราฝึกฝนจิตใจอยู่เป็นประจำ นานๆไป เราก็จะกลายเป็น เทวดา ของจริง เหมืออาตมา เมื่อบวชมาใหม่ๆ ก็ เป็น แค่ พระโดยสมมุติ ไปๆ มาๆ กลายเป็นพระจริงๆ..เสียแล้ว ... ฉะนั้น ให้โอกาสตนเอง ฝึกฝนจิตใจตนเอง ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ... วิธีง่ายๆ ใช้ภาษิตนี้ ... เป็นเสือแล่ว ลายบ่ลาย เพิ่นกะตู่ ให้ฟ่าวหา ขี้หินหม่อ มาเติม แต้ม แต่งลาย ..นางเอ๊ย(อันนี้ไม่มี)...
...นั่นคือ บางตอน ของ คำ เทศนา ที่พอจะเขียนออกมาได้ ครับ... แต่ บรรยากาศ ที่ ไม่ลืมคือ เห็น ผู้เข้าร่วมงาน ทุกคน ล้วนมี สีหน้าท่าทางที่มีความสุข นั่นคือ สุดยอดของ ความสุขส่งท้ายปี ๒๕๕๓ นี้ครับ

2 comments:

  1. Anonymous3/1/11

    ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา... ผมเองได้รับทั้งความผิดหวังและความสำเร็จ
    ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา...ผมมีบทเรียนราคาแพงมากมายที่จะถูกจดจำไว้ตราบเท่าชีวิต
    ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา...ผมได้เรียนรู้ว่า"จิตอาสา" มีอยู่ในหัวใจ และสายเลือดของคนทุกคน
    ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา...ผมได้เรียนรู้ว่า"ความสำเร็จ เกิดจากส่วนผสมอันดีระหว่างโอกาสและการเตรียมตัว"
    ตลอด365วันที่ผ่านมา มันคืออดีต...
    อีก365วันข้างหน้า มันคืออนาคต...
    และอนาคตของพวกเราอยู่ที่...เมืองทอง
    เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ....
    แจ้...ชนาธิป บาททอง

    ReplyDelete
  2. ถึง น้อง แจ้...ชนาธิป บาททอง
    พี่ ไม่เคยรู้จัก น้องแจ้มาก่อน แต่ได้เห็นแล้ว ประทับใจมาก
    กับการที่แจ้ เป็นผู้่านเบ้าหลอม ที่ดี จาก ชุมชนอันเข้มแข็ง ที่แคนน้อย
    และ เป็นผู้เต็มเปี่ยมไปด้วย คุณธรรมในตัวเธอ
    พี่เชื่อมั่นว่า ด้วยคุณสมบัติของ เยาวชนที่ดี ผสมกับ ความคิดเชิงบวก ในมันสมองที่สดใส ของแจ้ จะส่งผลให้ ความฝันเหล่านั้นเป็นจริง ... พี่ขอเป็นผู้หนึ่ง ที่จะร่วมชื่ชนชมความสำเร็จ จากจิต อาสา เพื่อพัฒนาบ้านเมืองของเราร่วมกับเธอนะครับ

    ReplyDelete