5/31/11

เที่ยววัดโพธิ์_คลังปัญญาไทย







วันที่ 28 พฤษภาคม 2554: เที่ยววัดโพธิ์_คลังปัญญาไทย: ผม นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง พร้อมด้วยครอบครัว ท่องเที่ยว ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ ซึ่ง หลายท่านบอกว่า เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย

จุดเด่น คือ พระนอน หรือ พระพุทธไสยาส พระองค์นี้ พระบาทสมเด็จฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๓ ทรงสร้าง ขึ้นครั้งทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ คือการปฏิสังขรณ์ครั้งนั้น ได้โปรดฯ ให้ขยายเขตพระอารามออกไปทางทิศเหนือ แล้วโปรดฯ ให้สร้างพระพุทธ ไสยาสขึ้นในที่ซึ่งได้ขยายออกไปใหม่นั้น เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ด้านพระพักตร์สูง ๑๕ เมตร มีความยาวตลอดทั้งองค์ถึง ๔๖ เมตร พื้นพระบาทประดับด้วยมุกไฟเป็นภาพมงคล ๑๐๘ พระพุทธไสยาสองค์นี้ได้รับการขนานนามว่า เป็นพระพุทธไสยาสองค์ใหญ่ ที่มีความงดงามที่สุดในประเทศไทย

นอกจากนั้น ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือ วัดโพธิ์ นี้ มี โรงเรียนแพทย์แผนโบราณและการนวดแผนโบราณ ด้วย

การแพทย์แผนโบราณนั้นอาจกล่าวได้ว่า มีบุคคลผู้รอบรู้ประจำอยู่ทุกชุมชน ที่รู้จักการนำเอาพืชสมุนไพร มาผสมผสานกับของผสมบางอย่าง รวมกันแล้ว เป็นยาบรรเทาอาการเจ็บป่วย ยาแก้โรคระบาดให้หายขาดได้ ในสังคมไทยสมัยโบราณนั้น มีแพทย์ ๒ ประเภท คือแพทย์ประจำราชสำนักหรือแพทย์หลวง กับแพทย์พื้นบ้านที่รักษาชาวบ้าน (หมอชาวบ้านหรือหมอชุมชน) สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาบำเรอราชแพทย์ ซึ่งเป็นแพทย์ประจำราชสำนัก เป็นแม่กองจัดทำ จารึกตำราแพทย์แผนโบราณ ลงไว้บนหินชนวนใส่กรอบ ประดับไว้ที่พระระเบียง รอบพระมหาเจดีย์และตามเสาศาลาราย

ครั้นในปี พ.ศ. ๒๓๙๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์หลวงตรวจชำระแปลตำราแพทย์จากภาษาบาลี สันสกฤต เป็นภาษาไทยจัดเป็นหมวดหมู่ และทำรูปเล่มเรียกว่า ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ (ฉบับหลวง) ซึ่งมีภาควิชาหัตถศาสตร์ เรียก ตำราแบบนวดฉบับหลวง ไว้อีกฉบับหนึ่งด้วย

เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ได้มีคณะแพทย์แผนโบราณ ขออนุมัติจาก กระทรวงสาธารณสุข ตั้งโรงเรียนสมาคมแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) เปิดสอนการแพทย์แผนโบราณและการนวดแผนโบราณจนถึงปัจจุบัน ได้ทำการสอนอยู่ที่ ศาลารายด้านทิศตะวันออก ๒ หลัง การนวดแผนโบราณที่ปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้มี ๒ วิธี คือ
การนวดตามแบบท่าฤษีดัดตน และ การนวดประคบด้วยสมุนไพร

No comments:

Post a Comment