วันที่ 1 เมษายน 2554 คณะสงฆ์คำเขื่อนแก้วบรรพชาสามเณรเฉลิมพระเกียรติ: เวลา 10.39 น. เข้าร่วมกิจกรรม บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบรอบ ๘๔ พรรษา ณ วัดบ้านบกน้อย ตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ด้วยบารมี ของ ท่านพระครูวิสณฑ์ธรรมาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอคำเขื่อนแก้ว และ เจ้าอาวาสวัดบ้านบกน้อย มี พี่น้อง ญาติ โยม พุทธศาสนิกชน จาก ทุกตำบลในเขต อำเภอคำเขื่อนแก้ว และ ญาติ โยม จาก พื้นที่ อื่นๆ ทั้ง จังหวัดยโสธร อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี นำบุตร หลาน มาร่วม บรรพชา สามเณรจำนวน 171 รูป และ อุปสมบท เป็นพระภิกษุจำนวน 1 รูป
ประธานฝ่ายฆราวาส โดย ท่าน ชูศักดิ์ ตรีสาร รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร
ท่าน พงศ์ธนธร ศรีขาว ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยโสธร และ ท่านปุณยวีร์ มาลัย วัฒนธรรมอำเภอคำเขื่อนแก้ว ได้มาร่วมให้กำลังใจทีมงาน ในการเตรียมพื้นที่แต่เช้า
พระอาจารย์ ทองใส จันทสิริ เจ้าสำนักสงฆ์ ดอนมะฮวน นำทีมงานมาถ่ายทอดสดออกรายการวิทยุ และ Clip ออกอากาศทาง Internet ด้วย
ทั้งนี้ มีประชาชน บ้านบกน้อยร่วมต้อนรับแขก ด้วยความยินดีเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น
ท่าน สำเร็จ ไชยช่วย อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร
ท่านอาจารย์เชิดชัย สิงคิบุตร รองผู้อำนวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร
อาจารย์ สมาน มาตขาว โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร อาจารย์ วิไลรัตน์ มาตขาว โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร
นางทองคำ การุณย์ รองประธานชมรมผู้สูงอายุ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบกน้อย
คุณแม่ สำรวม ชูแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษา เจ้าคณะอำเภอคำเขื่อนแก้ว
นายประสิทธิ์ รวมธรรม กำนันตำบลดงแคนใหญ่ นายพุทธา รวมธรรม ผู้ใหญ่บ้านบ้านบกน้อย
นายไมตรี รวมธรรม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านบกน้อย นายประทีป รวมธรรมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านบกน้อย นางสำราญ ทำทอง เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงแคนใหญ่ นายวิเชียร แก้วโมรี เป็นต้น
.... เกี่ยวกับการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติ นั้น พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ เคยกล่าวไว้ในสัมโมทนียกถาในพิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ปี 2552 ครั้งนั้นท่านเจ้าประคุณให้ข้อคิดคำสอนแก่เด็ก เยาวชน ผู้เข้ารับการบรรพชา ที่น่าประทับใคความว่า “...เธอทั้งหลายการบวชของตัวเธอนี้ เรียกว่าเธอรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้น มีพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า และเธอทั้งหลายนั้นก็หาหนทางตอบสนองพระคุณแด่พระองค์ ด้วยการบวชเณร ทีนี้ก็เรียกว่าเธอได้บวชเณรเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เธอรู้อยู่แล้วว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดิน ก็หมายความว่าเป็นเจ้าของแผ่นดินทั้งประเทศไทยของเรานี้ แผ่นดินไทยนี้เป็นของพระองค์ พระองค์ดำรงอยู่ในฐานะพระประมุขของประเทศชาติเรียกว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เธอมีความรักมีความเคารพ มีความกตัญญูในพระเจ้าแผ่นดินเธอก็จึงได้บวชถวายพระราชกุศลแด่พระองค์ ผืนแผ่นดินนี้เราทั้งหลายได้เกิดอยู่ในผืนแผ่นดินนี้ใต้ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาใต้ร่มเงาแห่งพระเจ้าแผ่นดิน ได้เกิด ได้อยู่ ได้ทำมาหากิน ได้มีความสุข มีความเจริญ ในผืนแผ่นดินนี้ เราก็มีความรักในพระองค์ รัก เคารพ กตัญญู ในพระองค์ ในพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อรัก เคารพ กตัญญูในพระเจ้าแผ่นดินก็หมายความว่ารัก เคารพ กตัญญูต่อประเทศชาติบ้านเมืองของเรา
….ประเทศชาติบ้านเมืองของเราผู้คนรวมตัวกันอยู่อย่างนี้ เรียกว่าเป็นประเทศไทยของเรา เธอรักพระเจ้าแผ่นดินก็เรียกว่ารักประเทศไทย เพราะประเทศไทยให้ความร่มเย็น ความสงบสุขกับตัวเธอทั้งหลายทุกๆ คน ทั้งเธอที่เป็นสามเณร ทั้งคุณพ่อคุณแม่คณะญาติทั้งหลายเราอยู่ในผืนแผ่นดินนี้ของพระเจ้าแผ่นดิน เราก็รักแผ่นดินนี้ของเรา เมื่อเรารักประเทศชาติรักแผ่นดินของเรา เราจะทำอย่างไรจึงจะเป็นการตอบสนองพระคุณของแผ่นดิน หรือตอบสนองบ้านเมืองของเรา ก็ไม่ต้องทำอย่างไร อยู่ตั้งใจสร้างความสงบสุขให้เกิดมีขึ้นในแผ่นดินไม่ก่อความทุกข์ความเดือนร้อนให้เกิดขึ้นในแผ่นดินไม่ก่อเรื่องราวให้มีขึ้นในชุมชนของแผ่นดินนี้ ดังที่เธอทั้งหลายได้ตั้งใจบวชอย่างนี้เป็นต้น เรียกว่าตั้งใจทำความสงบ ทำความร่มเย็น ทำความสุข ให้เกิดแก่แผ่นดิน ไม่ทำความวุ่นวายให้เกิดแก่แผ่นดิน เธอทั้งหลายชื่อว่าเป็นผู้รักแผ่นดินนี้ รักประเทศชาตินี้ รักพระเจ้าแผ่นดินของเรา เธอทั้งหลายเธอจงพึงดีใจเถิดที่เธอได้เข้ามาบวชอย่างนี้ในคราวครั้งนี้...”
No comments:
Post a Comment