8/28/10

รมว.จุรินทร์มีนโยบายดีดีที่โดนใจหมออนามัยทุกคน





วันที่ 27 สิงหาคม 2553 : รมว.จุรินทร์มีนโยบายดีดีที่โดนใจหมออนามัยทุกคน : ในการเข้าร่วมประชุมวิชาการสาธารณสุข ประจำปี 2553 ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีวันนี้ ผม นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ประทับใจ การมอบนโยบายที่โดนใจหมออนามัยพวกเราเป็นอย่างยิ่ง ... การพูดของท่าน ทำให้พวกเรารักท่านมากขึ้น เพราะ ท่านพูด อย่างคนรู้จริง.. ศึกษาข้อมูล ที่เกี่ยวข้อง เป็นอย่างดี สามารถนำไปแลปลงสู่การปฏิบัติได้เลย.. นโยบายการสนับสนุนที่ชัดเจน ทั้งด้านงบประมาณ ด้านบุคลากร และความก้าวหน้าในวิชาชีพของพวกเราในอนาคต.. ขอสรุปสั้นๆ ไว้เพื่อเตือนความทรงจำดีดี ในครั้งนี้ดังนี้
๑. โครงการรักษาฟรี

ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ขยายสิทธิ์ให้ประชาชนในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้รับการรักษาฟรี ในโรคที่ยากและซับซ้อน เช่น โรคเอดส์ เบาหวาน คามดันโลหิตสูง มะเร็ง โรคหัวใจ โรคจิต โรคไต โดยโรคไตฟรีโดยเป็นการฟอกไตทางช่องท้อง รวมทั้งหากต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตก็ต้องผ่าตัดฟรี ส่วนการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียมนั้น ปกติผู้รับบริการต้องจ่ายครั้งละ 1,500 บาท ต่อไป ก็จะให้สมทบจ่ายเพียง 500 บาทต่อครั้ง ที่เหือ รัฐบาลจะรับผิดชอบแทนประชาชน ส่วนผุ้ป่วยด้านจิตเวช สถานบริการที่รักษาสามารถให้การรักษาต่อเนื่องโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้เพียงครั้งละไม่เกิน 15 วัน ต่อไป มีนโยบายให้สามารถรับบริการฟรีเกินกว่า 15 วันได้ โดยไม่จำกัดเวลาทั้งนี้ภายใต้ดุลพินิจของแพทย์ พร้อมกันนี้ได้มีโครงการช่วยเหลือผู้พิการ โดยอบรมให้ผู้พิการตาบอดใช้ไม้เท้าขาว ให้ดำรงชีพได้ ตั้งเป้าอบรม 80,000 คนภายใน 5 ปี และอบรมล่ามภาษามือช่วยคนพิการหูหนวก ทั้งนี้ภายในเดือนก.ย.53 กระทรวงสาธารณสุขจะปรับภาพลักษณ์การรักษาฟรีให้กับประชาชนที่อยู่ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งมีประมาณ 48 ล้านคน ให้ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว แสดงสิทธิ์รักษาฟรีโดยไม่ต้องพกบัตรทองอีกต่อไป โดยจะเริ่มพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ต.ค.53 ซึ่งต้อง อยู่ภายใต้เงื่อนไข ๒ ประการคือ
๑.๑ เจ็บป่วยปกติ ให้เริ่มต้น ที่ สถานบริการที่รับขึ้นทะเบียนก่อน จากนั้นหากเกินขีดความสามารถ มีการให้บริการสุขภาพที่มีความเชื่อมโยงกับบริการสุขภาพในระดับอื่นที่สูงกว่า โดยสามารถส่งต่อผู้ป่วยได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงตามระบบส่งต่อที่มีประสิทธิภาพ
๑.๒ การเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ฉุกเฉิน สามารถรรับการรักษาได้ทั่วประเทศ
พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ออกระเบียบให้สิทธิรักษาฟรี ผู้นำศาสนาและผู้บำเพ็ญประโยชน์แก่ประเทศชาติ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมต.สธ.ได้ลงนามออกระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการช่วยเหลือ ในการรักษาพยาบาลฉบับที่ 5 พ.ศ. 2553 เพื่อให้สวัสดิการการรักษาพยาบาลแก่กรรมการอิสลามประจำจังหวัด กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น พระภิกษุ และสามเณร รวมทั้งบุคคลที่ทำประโยชน์ต่อประเทศชาติให้ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลโดยไม่คิดมูลค่า และหากอยู่ห้องพิเศษ ก็ได้รับสิทธิส่วนลดค่าห้องพิเศษ ร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนดไว้ ซึ่งครอบคลุมถึง อสม. ดีเด่นด้วย

๒. โครงการโรงพยาบาลสาธารณสุขยุคใหม่ เพื่อคนไทยสุขภาพดี มีรอยยิ้ม โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโรงพยาบาลให้มีความทันสมัย ๓ ด้าน ได้แก่
ด้านที่ ๑. การพัฒนาสิ่งแวดล้อมภายในโรงพยาบาลให้มีบรรยากาศดี
ด้านที่ ๒. พัฒนาคุณภาพบริการทั้งบริการทางการแพทย์และบริการทั่วไป ซึ่งจะมีพนักงานต้อนรับที่แผนกผู้ป่วยนอกสวมเครื่องแบบเสื้อพื้นสีเขียวอ่อนมีรูปหน้าการ์ตูนยิ้ม 3 สี คือ สีเขียว สีฟ้า และสีส้ม ซึ่งเป็นสื่อสากลที่มีความหมาย สีเขียวหมายถึงสดชื่นแจ่มใส สีฟ้าหมายถึงให้บริการเป็นมิตร และสีส้มหมายถึงความทันสมัย อำนวยความสะดวกและประชาสัมพันธ์ระหว่างรอตรวจ หรือ จำง่ายๆ ว่า ยิ้มสดใส ยิ้มทันสมัย ยิ้มสร้างสรรค์ .. หรือ ยิ้ม ระบบ FFM : Friendly ยิ้มสดใส Fresh and new ยิ้มทันสมัย Modern and Enthusiasm ยิ้มสร้างสรรค์
ด้านที่ ๓. พัฒนาระบบการบริหารจัดการที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนและจากทุกภาคส่วน
ซึ่งโครงการนี้เปิดให้บริการประชาชนพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ วันที่ 12 สิงหาคม 2553 เป็นต้นมา
๓. มุ่งเน้นการป้องกันโรคมากกว่าการรักษาโรคอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยเหตุที่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังอันตราย 5 โรค ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจและ หลอดเลือด มะเร็ง อัมพฤกษ์อัมพาต ใช้ค่ารักษาปีละกว่า ๑ แสนล้านบาท ฉะนั้น จึงต้องให้ ความสำคัญการป้องกันโรคมากกว่าการรักษาโรคอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ลดลงให้น้อยกว่า ๑ แสนล้านบาท ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ คือ
๓.๑ ด้านพฤติกรรมการบริโภค ต้อง รณรงค์ให้ ลดหวาน มัน เค็ม เติมเต็ม ผัก ผลไม้ ( ปัจจุบันคนไทยบริโภคน้ำตาล คนละ 30 กก.ต่อปี ซึ่งสูงกว่ามารฐานสากล คนละ 10 กก.ต่อปี )
๓.๒ ส่งเสริมให้มีพฤติกรรมการดำรงชีวิต ที่ เหมาะสม ด้วย 3อ2ส. อาหาร การออกกำลังกาย อารมณ์ งดการสูบบุหรี่ และ ดื่มสุรา
๔. การเพิ่มระดับความฉลาดของสมองคนไทย
ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องไอโอดีนอีกครั้ง เนื่องจากผลสำรวจในปี 2552 พบตัวเลขน่าตกใจว่าเด็กไทยไอคิวต่ำลง เฉลี่ยที่ 91 จุดถือว่าต่ำมาก ซึ่งตามมาตรฐานสากลไอคิวเฉลี่ยอยู่ที่ 90-110 จุด สาเหตุสำคัญองค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟสรุปตรงกันว่า คนไทยหรือเด็กไทยขาดไอโอดีน ดังนั้นจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาในกลุ่มเสี่ยง 3 กลุ่ม
+++กลุ่มแรกคือ หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากผลการสุ่มสำรวจระดับไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ซึ่งมีปีละ 8 แสนคน พบภาวะไอโอดีนในปัสสาวะต่ำกว่า 150 ไมโครกรัมต่อลิตร ร้อยละ 59 ในปี 2552 ซึ่งเกินมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดให้ไม่เกินร้อยละ 50 หากหญิงตั้งครรภ์ขาดไอโอดีน ลูกที่คลอดออกมามีโอกาสเสี่ยงพิการหรือปัญญาอ่อน จึงกำหนดนโยบายชัดเจนว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขให้สถานบริการสาธารณสุข ให้ไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ที่ไปฝากครรภ์ ฟรี
+++ กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มทารกแรกเกิด ซึ่งมีปีละประมาณ 8 แสนคน จะต้องตรวจเลือดทุกคนเพื่อดูระดับไทรอยด์ฮอร์โมน ซึ่งจะมีผลต่อความเฉลียวฉลาด และการเจริญเติบโตของเด็ก หากพบว่าไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ ให้รีบรักษาทันที โดยฮอร์โมนไทรอยด์จะสัมพันธ์กับไอโอดีน และ
+++กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มเด็กเล็กจนถึงประชาชนทั่วไป เนื่องจากไอโอดีนมีความจำเป็นสำหรับคนทุกเพศทุกวัย สำหรับเด็กหากโตขึ้นและขาดไอโอดีนระดับไอคิวจะพร่อง ซึ่งองค์การอนามัยโลกกำหนดให้ทุกประเทศเติมไอโอดีนในเกลือ แต่ประเทศไทยยังไม่ได้บังคับ

กระทรวงสาธารณสุขจะออกประกาศบังคับ กำหนดให้เกลือที่ใช้เพื่อการบริโภคที่จำหน่ายในประเทศไทย ต้องเติมไอโอดีน 30-100 มิลลิกรัมต่อเกลือ 1 กิโลกรัม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการยกร่างประกาศฯ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามแล้ว จะมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 180 วัน ดังนั้นโรงงานที่ผลิตเกลือบริโภคทั้งหมดต้องเร่งปรับปรุงในการเสริมไอโอดีนลงไปด้วยตามมาตรฐานกำหนด ซึ่งจะมีผลให้น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสปรุงรส บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมกรุบกรอบที่คนไทยบริโภคเป็นจำนวนมาก จะมีไอโอดีนเสริมไปด้วยโดยปริยาย เพราะต้องใช้เกลือผสมไอโอดีนในการผลิต และหากบริษัทผู้ผลิตใดจะเติมไอโอดีนเข้าไปสินค้าด้วย ก็สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้จะสนับสนุนและอนุญาตให้ใช้ตรา“เพิ่มไอโอดีน เพิ่มไอคิว” ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการออกแบบ บรรจุลงไปในถุงได้ต่อไปในอนาคต กระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มต้นรณรงค์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อสนับสนุนให้คนไทยทั่วประเทศบริโภคเกลือและอาหารเสริมไอโอดีน แก้ปัญหาไอคิวลดต่ำลงกว่ามาตรฐาน
..เมื่อวานนี้ได้เชิญผู้ประกอบการเกลือทั่วประเทศ โรงงานผลิตน้ำปลา ซีอิ้ว ซอสปรุงรส บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมกรุบกรอบ มาประชุมและรับทราบนโยบาย ทุกโรงงานยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ซึ่งหากมีการบังคับใช้เป็นกฎหมายต้องปฏิบัติตาม จะแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้า เพื่อให้มีเวลาในการเตรียมตัว 180 วัน
๕. เปิดโครงการ สถานีสุขภาพ สุขภาพดีเริมที่ตัวคุณ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00 น. โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยใส่ใจดุแลสุขภาพตนเอง และ จะมีการัดรายการ สถานีสุขภาพสัยจร ไปตามภูมิภาคต่างๆด้วย เริ่มเปิดรายการ วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๓ นี้

ส่วน การพัฒนา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) นั้น ในปีงบประมาณ ๒๕๕๔ เริ่ม ๑ ตุลาคม สถานีอนามัยทุกแห่ง จะยกระดับ เป็น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ทุกแห่ง โดยมี Criteria 4 ประการ ที่ต้องเตรียมความพร้อมรับรองให้เรียบร้อยประกอบด้วย
๑. ด้านโครงสร้าง ภูมิทัศน์ รวมทั้งป้ายและรั้ว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ด้วย
๒. ด้านบุคลากร ต้อง ประกอบด้วย
๒.๑ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(ผอ.รพ.สต.)
ซึ่ง กระทรวงได้มีคำสั่ง คำสั่ง สป.สธ.ที่1875/2553 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2553 มอบหมายให้ หัวหน้าสถานีอนามัยปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเรียบร้อยแล้ว
๒.๒ แพทย์ หรือ พยาบาลเวชปฏิบัติ หรือพยาบาลวิชาชีพ หรือ นักวิชาการสาธารณสุขที่เรียนจบพยาบาลแล้ว
๒.๓ นักวิชาการสาธารณสุข
๒.๔ สหวิชาชีพอื่นๆ เช่น เภสัชกร เภสัชกรรม ทันตสาธารณสุข แพทยืแผนไทย เป็นต้น

๓. ระบบข้อมูล สารสนเทศ ที่มีประสิทธิภาพ
๔. คณะกรรมการพัฒนา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ที่ประกอบด้วย กรรมการจาก ๔ ภาคส่วน
๔.๑ ภาครัฐ
๔.๒ ภาคท้องถิ่น/ชุมชน
๔.๓ ตัวแทนผู้รับบริการ
๔.๔ ผู้ให้บริการ
ซึ่งรัฐบาลจะให้การสนับสนุนเพื่อให้บรรลุผลตามนโยบายต่อไป..

No comments:

Post a Comment