8/25/11

16เร่งด่วน8ด้าน_นโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์



วันที่ 25 สิงหาคม 2554 : 16เร่งด่วน8ด้าน_นโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ต่อรัฐสภา และเปิดโอกาสให้ สมาชิกรัฐสภา อภิปรายให้ข้อเสนอแนะ ตลอด 3 วัน ถึง วันที่ 25 สิงหาคม 2554

โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน 3 ด้าน คือด้านเศรษฐกิจ ที่ไม่แน่นอนตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยโครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังคงต้องพึงพิงการส่งสินค้าจากนานานประเทศ ปัจจัยสำคัญในการสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ มีความจำเป็นต้องพัฒนาระบบการศึกษา และการบริการด้านสุขภาพให้คนไทยทุกคน ขณะที่หลักการบริหารนโยบายของรัฐบาลจะยึดการบริหารที่คำนึงจากการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอกที่มีการเปลี่ยนแปลงของประเทศ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศมากที่สุด และมีจุดมุ่งหมายในการนำประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจที่สมดุล พร้อมกันนี้คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่แถลงต่อรัฐสภา แบ่งเป็นนโยบาย 8 ด้าน คือ

1.นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีแรก

2.นโยบายความมั่นคงแห่งรัฐ

3.นโยบายเศรษฐกิจ

4.นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต

5.นโยบายที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

6.นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม

7.นโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และ

8.นโยบายการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

ส่วนนโยบายเร่งด่วน 16 ข้อ ที่จะดำเนินการภายใน 1 ปีนั้น ประกอบด้วย

1. สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย

2. กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ

3. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐอย่างจริงจัง

4. ส่งเสริมให้มีการจัดการน้ำอย่างบูรณาการด้วยการสร้างระบบชลประทานขนาดใหญ่-กลาง-เล็ก

5. เร่งแก้ไขปัญหาความไม่สงบและนำสันติสุขกลับสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเร็ว

6. เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ

7. แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

7.1 ลดส่งเข้ากองทุนพลังงาน

7.2 จัดให้มีบัตรเครดิตพลังงาน

7.3 ดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค

7.4 แก้ไขปัญหาค่าครองชีพ

8. ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ

8.1 พักหนี้ครัวเรือนของเกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 5 แสนบาท อย่างน้อย 3 ปี และปรับโครงสร้างหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้เกิน 5 แสนบาท

8.2 เพิ่มรายได้รายวันสำหรับแรงงานเป็นวันละ 300 บาท และรายเดือนของผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมีรายได้เดือนละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท

8.3 จัดให้มีเบี้ยยังชีพรายเดือนแบบขั้นบันไดสำหรับผู้สูงอายุ

8.4 ให้มีมาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุนสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตของประชาชนทั่วไป ได้แก่บ้านหลังแรก

9. ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เหลือร้อยละ 23 ในปี 2555 และลดลงร้อยละ 20 ในปี 2556 เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน ขยายฐานภาษีและรองรับเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558

10. ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนสนับสนุนสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพ

10.1 – เพิ่มกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอีแห่งละ 1 ล้านบาท

10.2 จัดตั้งกองทุนพัฒนาศักยภาพสตรีเฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท

10.3 จัดตั้งกองทุนตั้งตัวได้วงเงินประมาณ 1 พันล้านบาทต่อสถาบันอุดมศึกษาที่ร่วมโครงการ

10.4 SML

11. ยกระดับสินค้าการเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยให้มีการประกันภัยพืชผลและนำระบบรับจำนำสินค้าการเกษตรมาใช้ รับจำนำข้าวเกวียนละ15,000บาท

12.เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวโดยปี 2554-2555 เป็นปีมหัศจรรย์ไทยแลนด์ (มิราเคิลไทยแลนด์ เยียร์) และประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวร่วมเฉลิมฉลองในพระราชพิธีมหามงคลในช่วงปี 2554-2555

13. สนับสนุนงานศิลปหัตถกรรม และผลิตภัณชุมชน เพื่อสร้างเอกลักษณ์และผลิตสินค้าในท้องถิ่น

13.1สนับสนุนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ

13.2 บริหารโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ให้มีศักยภาพ ใช้ภูมิปัญญญาท้องถิ่น ผนวกกับความรู้ใหม่ๆ

14.พัฒนาระบบประกันสุขภาพ เพิ่มประสิทธิภาพหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า30 บาทรักษาทุกโรค

15.จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้โรงเรียน โดยเริ่มทดลองดำเนินการในโรงเรียนนำร่อง สำหรับระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ควบคู่กับการพัฒนาเนื้อหาที่เหมาะสมตามหลักสูตรบรรจุลงในแท็บเล็ต รวมถึงทำอินเตอร์เน็ตไร้สายตามมาตรฐานการให้บริการและในพื้นที่สาธารณะ รวมถึงสถานศึกษาที่กำหนดฟรี

16.เร่งรัดและผลักดันการปฏิรูปการเมือง ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขว้าง โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้ประชาชนเห็นชอบโดยการออกเสียงประชามติ

ในการแถลงนโยบายครั้งนี้ นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพรรคประชาธิปัตย์ และคณะพรรคฝ่ายค้าน ได้แบ่งสลับการอภิปรายเป็น 3 ประเด็น คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านการเมืองความมั่นคง โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติได้จริงตามคำมั่นสัญญาในส่วนของนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียง และชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการดำเนินการตามนโยบาย ขอบคุณ ข้อมูลประกอบ จาก http://news.mthai.com

ควันหลง มีให้เห็นประรายเช่น กรณีคนเสื้อแดงรุมทำร้ายนักศึกษา 2 คน หน้ารัฐสภา

ในวันที่ 25 สิงหาคม 2554 เวลา 12.30 น. เกิดเหตุวุ่นวายบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา เมื่อมีชาย 2 คน คือ นายยุทธภูมิ ตันเล่ง อายุ 34 ปี และ นายอาทิตย์ พูลศิริ ​พยายามจะมาวางพวงหรีดที่มีข้อความว่า "แด่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์​ ประธานสภาผู้ทำหน้าที่เป็นกลางในดวงใจ ทักษิณ" จากกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตย หน้าประตุูทางเข้ารัฐสภาฝั่งถนนอู่ทองใน และจะอ่านแถลงการณ์ นายยุทธภูมิ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ​ตั้งใจจะมายื่นพวงหรีดประท้วงการทำหน้าที่ ของ ประธานสภา เพื่อขอให้ทำตัวเป็นกลางในการควบคุมการประชุม ซึ่ง เป็นการมาด้วยตัวเองตามสิทธิเสรีภาพ ไม่มีใครจ้าง แต่เมื่อมาถึงถูกกลุ่มคนเสื้อแดง10-20 คน เข้ามารุมทำร้าย​ทั้งต่อย​ถีบ ถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามากันแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะคนเสื้อแดงมีจำนวนมากกว่า ​อย่างไรก็ตาม​ ตนคงไม่ติดใจเอาเรื่อง และจะไม่ไปแจ้งความดำเนินเอาผิดกับคนเสื้อแดง ซึ่งหากนายสมศักดิ์​ยังทำหน้าที่ไม่เป็นกลางต่อไป ก็คงจะต้องมาอีก ขอบคุณ ข้อมูลประกอบ จากhttp://m.posttoday.com

เมื่อมีการนำเรื่องนี้ไปพูดในรัฐสภา ประธานสภา (นายสมศักดิ์​ เกียรติสุรนนท์ )ยังปัดสวะอย่างหน้าด้านว่า ไม่ใช่ความรับผิดชอบของประธานเพราะ เหตุการณ์ไมได้อยู่ใน รั้วสภา โอวพระเจ้าจอร์จ แปลว่าประชาชนถูกทำร้ายโดยไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแค่มาแสดงความไม่เห็นด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจในสภา ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือคนถูกทำร้าย เพียงเพราะเค้าอยู่นอกสภาว่างั้น จริยธรรมพวกคุณมันมีบ้างไหม ไม่มีที่ติจริงๆครับ พูดมาได้

เรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ ความยุติธรรม..... แต่พอมีคนอื่นเค้ามาแสดงความเห็นต่างบ้าง กลับใช้กำลังทำร้ายเค้า ตกลงเอายังไงกันแน่??? ป้าธิดาแดงอยู่ไหน ข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/anonym/2011/08/25/entry-3

Red shirts attack 2 men in front of Parliament

Red-shirt demonstrators attacked two men in front of Parliament Thursday after the men laid a black wreath to protest against Parliament President Somsak Kiartusranon.
The two men arrived in a taxi at 12:10 pm and they carried with them a black wreath with words of "To Parliament President Somsak Kiartsuranon, who sits in the heart of Thaksin".
When the two men walked to lay the wreath in front of Parliament, red-shirt people, who demonstrated there in support of the government, alerted their guards.
The guards captured the two men and were seen hitting them with a roll of hard paper.
Later on, some red-shirt people led the two men away.
The Nation source URL from http://www.nationmultimedia.com/home/Red-shirts-attack-2-men-in-front-of-Parliament-30163643.html

No comments:

Post a Comment