8/6/11

อภิสิทธิ์ขอบคุณคนไทยช่วยกันนำประเทศพ้นวิกฤติ:มีเงินสำรองสูง1.8แสนล้านเหรียญ


วันที่ 4 สิงหาคม 2554 : อภิสิทธิ์ขอบคุณคนไทยช่วยกันนำประเทศพ้นวิกฤติ:มีเงินสำรองสูง1.8แสนล้านเหรียญ

นายกอภิสิทธิ์ แถลงอำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขอบคุณข้าราชการ ประชาชน ช่วยกันพาประเทศชาติพ้นวิกฤติ

ขอบคุณข้าราชการ ประชาชน ช่วยกันพาประเทศชาติพ้นวิกฤติ

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 4 สิงหาคม 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยใช้ชื่อรายการว่า รายงานสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อส่งมอบงานบริหารประเทศไทย

ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าภายหลังจากที่มีการเปิดสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎร และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในเร็ววันนี้จะได้มีการประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เพื่อที่จะได้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีและมีการบริหารราชการแผ่นดินในนามของรัฐบาลใหม่ต่อไปนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันได้พยายามอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

ขณะเดียวกันในช่วงของระยะเวลาการเปลี่ยนผ่าน รัฐบาลชุดปัจจุบันได้มีการส่งมอบงานเพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารราชการแผ่นดินอย่างราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชน ตั้งแต่การเตรียมการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี รัฐบาลได้มีการตั้งคณะกรรมการและมีการเตรียมงานไว้ชุดหนึ่ง อันจะทำให้รัฐบาลชุดใหม่ได้สามารถเข้ามาสานต่อเพื่อจัดงานพระราชพิธีได้อย่างสมพระเกียรติ

นอกจากนั้นในการส่งมอบการบริหารราชการแผ่นดินในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกล่าวว่า สถานะทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศขณะนี้ เอื้อต่อการที่จะให้รัฐบาลใหม่สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งพี่น้องประชาชนได้สะท้อนมาโดยตลอดถึงความห่วงใยในเรื่องปัญหาของแพง ค่าครองชีพประกอบกับการที่สถานการณ์เศรษฐกิจในโลกยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก รวมไปถึงความผันผวนของราคาน้ำมัน

พร้อมกันนี้ อยากให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ว่าขณะนี้ฐานะทางการเงิน การคลัง และฐานะของประเทศมีความมั่นคงอย่างมากทางด้านเศรษฐกิจ และจะทำให้รัฐบาลใหม่สามารถที่จะมีความยืดหยุ่น ในการที่จะปรับนโยบายทางด้านการเงินการคลังเพื่อรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้ โดยฐานะของประเทศไทยในขณะนี้ มีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 180,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก และเพิ่มขึ้นถึง 70,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการที่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน โดยติดอันดับประเทศที่มีเงินสำรองสูงเป็นอันดับที่ 13 ของโลก ซึ่งหมายความว่าฐานะของประเทศไทยอยู่ในฐานะที่มีความเข้มแข็งอย่างยิ่ง อันเป็นผลมาจากการส่งออกก็ดี การท่องเที่ยว หรือการหารายได้เข้าประเทศก็ดี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกันกับฐานะการคลังในประเทศ จากการที่ประเทศมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีการกู้ยืมเงินแต่รัฐบาลก็ได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะมีการนำงบประมาณกลับเข้าสู่ความสมดุลได้ในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้านั้น ก็ปรากฎว่าขณะนี้ หลังจากที่ปีงบประมาณปัจจุบันผ่านพ้นไปเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ไตรมาส รัฐบาลมีเงินที่จัดเก็บรายได้เพิ่มเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ในงบประมาณถึงเกือบ 200,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้ฐานะการคลังมีความมั่นคงและทำให้การจัดงบประมาณสำหรับปีงบประมาณต่อ ๆ ไปทำได้คล่องตัวยิ่งขึ้น โดยน่าจะอยู่ในวิสัยที่ประเทศไทยสามารถกลับเข้าสู่ภาวะการสมดุลได้

นอกจากนี้ตัวเงินคงคลังเองในปัจจุบันนั้น ก็มีสูงถึง 300,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากในวันที่นายอภิสิทธิ์เข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งอยู่ที่ประมาณเพียง 50,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พี่น้องประชาชนและรัฐบาลใหม่สามารถที่จะสบายใจได้ว่ามีความยืนหยุ่นในเรื่องของการที่จะบริหารงานทางด้านการเงินการคลัง

ส่วนในภาพรวมของตัวเลขเศรษฐกิจที่เป็นความมั่นคงนั้น หนี้สาธารณะของประเทศเมื่อคิดเป็นสัดส่วนกับรายได้ประชาชาติก็ลดลงอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณร้อยละ 40 หรือต่ำกว่า ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ต่ำมากเมื่อเทียบเคียงกับประเทศต่าง ๆ ในโลก ซึ่งก็เป็นเครื่องยืนยันเช่นเดียวกันว่า ประเทศไทยยังมีความยืนหยุ่นในการที่จะแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจทางด้านอื่น ๆ ภาวะการจ้างงานอยู่ในฐานะที่เข้มแข็งเป็นพิเศษ โดยรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีอัตราการว่างงานต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งมีเครื่องมือกลไกที่จะรองรับกับความผันผวนของเรื่องราคาน้ำมันและต้นทุนต่าง ๆ โดยฐานะของกองทุนน้ำมันในปัจจุบัน หากยังมีการคงนโยบายการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จะทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันอย่างต่อเนื่อง และกองทุนน้ำมันนั้นก็จะอยู่ในภาวะซึ่งไม่ติดลบในระยะเวลาประมาณ 2 เดือนข้างหน้า

ทั้งหมดนี้เป็นการยืนยันเพื่อให้เกิดความสบายใจว่า วันนี้รัฐบาลใหม่จะมีความยืดหยุ่น มีเครื่องมือ มีกลไกทั้งทางด้านการเงินการคลัง ที่สามารถที่จะเลือกในการที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
ด้านการช่วยเหลือดูแลและการวางระบบสวัสดิการ ซึ่งรัฐบาลเคยประกาศเอาไว้ว่า
ภายในปี 2559 จะมีระบบสวัสดิการแบบถ้วนหน้า เป็นระบบซึ่งพี่น้องประชาชนจะมีทั้งส่วนร่วมและจะได้ประโยชน์กันอย่างทั่วถึงนั้น จะเห็นได้ว่านโยบายในเรื่องของการเรียนฟรี รักษาฟรี การดูแลคนกลุ่มต่าง ๆ เช่น คนพิการ ผู้สูงอายุ รัฐบาลก็ได้มีการดำเนินการเพื่อที่จะให้สิทธิขั้นพื้นฐานต่าง ๆ แก่พี่น้องประชาชนอย่างครบถ้วน ถ้วนหน้า ไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง ก็ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาต่อไป โดยรัฐบาลได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูป คณะกรรมการสมัชชาการปฏิรูป ซึ่งได้มีข้อเสนอไปแล้วมากมายและอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานราชการต่าง ๆ รวมไปจนถึงการมีกฎหมาย หรือมาตรการต่าง ๆ ซึ่งค้างอยู่ นายกรัฐมนตรีหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาพิจารณามาตรการ กฎหมาย และข้อเสนอแนะเหล่านี้อย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่การมีสังคมที่มีความเป็นธรรมมากขึ้นต่อไป และมีสวัสดิการสำหรับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

งานด้านการต่างประเทศ และความมั่นคง ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนว่าสังคมโลกนั้นมีความมั่นใจในประเทศไทยมากขึ้น ไม่เพียงแต่การที่ประเทศไทยสามารถจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย นายกรัฐมนตรีก็หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่นั้นจะได้สานต่อ และสามารถทำให้ประเทศประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพของงานระดับโลกทั้งเวทีเศรษฐกิจและในเรื่องของการกีฬา

ด้านความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ก็เป็นไปด้วยความราบรื่น ยกเว้นในกรณีที่มีข้อพิพาทกับทางกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้พี่น้องประชาชนคนไทยก็คงเป็นหนึ่งเดียวในความจำเป็นที่จะต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องพร้อมที่จะต้องปกป้องอธิปไตยและสิทธิของประเทศของเรา โดยเรื่องที่ยังคั่งค้างอยู่เป็นเรื่องที่ทางกัมพูชานั้นได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลโลก ในกรณีของการพิพาทสืบเนื่องมาจากการวินิจฉัยคดีของศาลโลก เมื่อปี 2505 บัดนี้รัฐบาล ซึ่งได้ไปต่อสู้ในเรื่องของการที่ทางกัมพูชาขอคำสั่งมาตรการชั่วคราวให้ประเทศไทยถอนทหารเพียงฝ่ายเดียว ก็ได้มีการต่อสู้ไปจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว และศาลโลกก็ได้มีคำสั่งชั่วคราวออกมาแล้ว ก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีการสานต่อ เพื่อดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศต่อไป

ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวคดีหลักในการที่กัมพูชาขอตีความคำวินิจฉัยของศาลโลกเมื่อปี 2505 ยังเป็นกระบวนการที่เพิ่งเริ่มต้น ซึ่งตรงนี้รัฐบาลได้เตรียมข้อมูล ข้อกฎหมายเอาไว้ และก็หวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะได้ดำเนินการต่อสู้คดีให้สามารถที่จะปกป้องพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์

นอกจากปัญหาในเรื่องของความสัมพันธ์ ความมั่นคงแล้ว ปัญหาภายในประเทศบางปัญหาที่กระทบกับความมั่นคงก็เช่นเดียวกัน และมีความจำเป็นที่จะต้องมีการสานต่อ เช่นปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ ได้ออกกฎหมายใหม่ที่ปรับโครงสร้างของ ศอ.บต. และแนวทางการแก้ปัญหาซึ่งเป็นที่ยอมรับไม่เพียงเฉพาะในพื้นที่ ในประเทศ แต่เป็นที่ยอมรับในระดับระหว่างประเทศด้วย แม้ความรุนแรงต่าง ๆ ยังคงมีอยู่ซึ่งก็เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลใหม่คงจะได้มีการสานต่อ และสามารถดำเนินทิศทางของนโยบายเพื่อนำไปสู่ความสงบสุขต่อไป

พร้อมกันนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลชุดใหม่จะได้สานต่อในแนวทางเพื่อนำไปสู่ความจริง ความยุติธรรม นำเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองไปว่ากันในกระบวนการของรัฐสภา และยกสถาบันต่าง ๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่เหนือความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันหลักของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมไปจนถึงสถาบันอื่น ๆ ซึ่งมีภาระหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรต่าง ๆ ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากเราทำได้เช่นนี้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่การบริหารงานของรัฐบาลใหม่ก็จะสามารถนำไปสู่การยุติความขัดแย้ง ซึ่งเป็นอุปสรรคปัญหาของการแก้ไขปัญหาของประเทศและเป็นความทุกข์ของพี่น้องประชาชนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

สุดท้ายนี้ ขอกล่าวขอบพระคุณพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ และข้าราชการทุกท่าน ที่ได้ช่วยให้การบริหารราชการแผ่นดินในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล นำพาประเทศชาติฟันฝ่าวิกฤติต่าง ๆ ซึ่งแม้ว่าจะมีบางปัญหายังไม่สามารถแก้ไขได้ หรือไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่ทำไว้นั้นจะเป็นฐานสำคัญให้รัฐบาลชุดต่อไปเข้ามาสานต่อเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนทุกคนต่อไป
ขอบคุณ แหล่งข้อมูล ดีดี นี้ จาก

มีข้อ คิดเห็น จาก เนื้อหา กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ก่อนจะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ไว้ พอสมควร เช่น

ขอเป็นกำลังใจคุณอภิสิทธิ์ และขอบคุณสำหรับ 2 ปีที่ผ่านมาทีนำพาประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติ นำศักดิ์ศรีของประเทศไทยคืนกลับมา คุณค่าของท่านอยู่ที่งาน และการกระทำ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกปักรักษาท่านตลอดไป

“ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กน้อยมาบริหารประเทศแต่ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งล่ะ อย่าสนใจเสียงว่าด่าทอ เป็นกำลังใจให้นะคุณอภิสิทธิ์”

รัฐบาลท่านทำดีแล้วค่ะ ตอนนี้ช่วยตรวจสอบว่าที่รัฐบาลใหม่ด้วยค่ะ

ขอบคุณ แหล่งข้อมูล ดีดี นี้ จาก

http://news.sanook.com/1045315

ส่วนตัวผมเอง รัฐบาลเก่า ไป รัฐบาลใหม่ มา หมุนเวียนไปเช่นนี้ตลอดมา ถือเป็นธรรมดา ในระบอบประชาธิปไตย

ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ใคร ก็ให้ได้ทำหน้าที่บริหารประเท จามกำลังความสามารถ ดีไม่ดี ก็ควรให้โอกาสกันได้แสดงฝีมือก่อน รัฐบาลเก่า ไป รัฐบาลใหม่ มา คงไม่ได้สำคัญเท่าไร เพราะ แม้ว่าใครจะมาใครจะไป ประเทศไทยต้องดำรงคงอยู่ ต่อไปด้วยความเจริญก้าวหน้าและปวงประชามีความสุข นั่นคือสิ่งที่สำคัญมากกว่า

ภาพประกอบ จาก source http://www.jehrrming.net/news.php?id=429&page=4

No comments:

Post a Comment