5/22/16

3 พฤษภาคม 2559สร้างการรับรู้ร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนการลงประชามติ@คำเขื่อนแก้ว ยโสธร

3 พฤษภาคม 2559สร้างการรับรู้ร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนการลงประชามติ@คำเขื่อนแก้ว ยโสธร
วันที่ 3 พฤษภาคม 2559 วันนี้ ผม นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง และคณะ วิทยากร ครู ก. วิทยากร ครู ข. จากทุกตำบล
เข้าร่วมประชุมวิทยากร ครู ข. สร้างการรับรู้ร่างรัฐธรรมนูญ ณ ห้องประชุม ที่ว่าการอำเภอคำเขื่อนแก้ว
ประธานการประชุม โดย นาย สมศักดิ์ บุญทำนุก นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว
ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ชุดวิทยากร ครู ข. สร้างการรับรู้ร่างรัฐธรรมนูญ 14 ชุด 70 คน

วิทยากรโดย ชุดวิทยากร ครู ก. สร้างการรับรู้ร่างรัฐธรรมนูญ 5 คน
ประกอบด้วย
นายสะอาด วงศ์รักษ์ ปลัดอำเภอ อาวุโส
นายพันธุ์ทอง จันทร์สว่าง ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว
นายประเวศ แสนทวีสุข ปลัดอำเภอ
นายสุกล กิจเกียรติ์ นายก อบต.แคนน้อย
นายโสรจ สำโรง ผู้อำนวยการโรงเรียนคำเขื่อนแก้ว
วัตถุประสงค์หลัก คือ การสร้างความเข้าใจ สร้างการรับรู้รัฐธรรมนูญ ให้กับประชาชนเพื่อตัดสินใจก่อนลงประชามติ  โดยดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างอนาคตของชาติ โดยทำหน้าที่คนไทยให้ชาติเกิดความสงบสุข 
กำหนดวันลงประชามติ วันที่ 7 สิงหาคม 2559
เป้าหมายการรณรงค์ให้ไปใช้สิทธิ ร้อยละ 80 ของผู้มีสิทธิออกเสียง

            ส่วนเลขานุการจัดการประชุม โดย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดยโสธร ร่วมกับ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ประจำพื้นที่จังหวัดยโสธร
            ทั้งนี้ ประธาน ได้เน้นให้ วิทยากร ทั้ง 14 คณะ ให้ศึกษาและ ปฏิบัติตาม กฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง  อาทิเช่น  พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559
ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2559
ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
            ข้อมูลประกอบอื่นๆ

วันที่ 29 เมษายน 2559  กกต.ประกาศหลักเกณฑ์ว่าด้วย การแสดงความเห็นในการออกเสียงประชามติ เพื่อให้เป็นแนวทางปฎิบัติ และไม่ให้ขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ม. 61
หลักเกณฑ์ที่ทำได้ 6 ข้อ คือ
1. การแสดงความเห็นต้องไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง หยาบคาย ไม่ก้าวร้าว ข่มขู่ และไม่ผิดกฎหมายอื่น
2. การแสดงความเห็นโดยใช้ถ้อยคำสุภาพ
3. การแสดงความเห็นด้วยข้อมูลที่ชัดเจน ไม่กำกวม อันอาจทำให้บุคคลอื่นเห็นว่าเป็นการบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง
4. ต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลงานวิจัยรวมถึงที่มาก่อนนำมาประกอบความเห็นหรืออ้างอิงงานวิจัยตามหลักวิชาการ
5. การสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเพื่อแสดงความคิดเห็นพร้อมเหตุผล
6. การโพสต์ข้อมูลพร้อมเหตุผลทางเว็บไซต์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือการแชร์ข้อความต้องไม่แสดงความเห็นเพิ่มเติม
ข้อทำไม่ได้ 8 ข้อ คือ
1. การสัมภาษณ์ผ่านสื่อด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่
2. การโพสต์หรือแชร์ข้อมูล อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดมหรือข่มขู่ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
3. การทำหรือส่งสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายอันมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่
4. การจัดเวทีสัมมนา อภิปราย โดยกลุ่มองค์กรต่างๆที่ไม่มีหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรสื่อมวลชน ตามกฏหมายเข้าร่วมและมีเจตนาเพื่อปลุกระดมทางการเมือง
5. การชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือติดป้าย เข็มกลัด ธง ริบบิ้น หรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือการขาย การแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าว ในลักษณะรณรงค์ทั่วไปเพื่อนำไปสู่การปลุกระดมทางการเมือง
6. การใช้เอกสารใบปลิวหรือแผ่นพับ ที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคายหรือปลุกระดมทางการเมือง
7. การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชนที่นำไปสู่การปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม
8. การรณรงค์เพื่อให้เกิดการคล้อยตามของคนในสังคม เพื่อให้ออกเสียงอย่างไรอย่างหนึ่ง มีลักษณะการปลุกระดมหรือขัดขวางการออกเสียง

No comments:

Post a Comment